ตอนที่ 3 ค่อยๆ แทรกซึม
พิศลดานอนอ่านหนังสือนิยายที่ชื่นชอบอยู่บนเตียงนอนภายในคอนโดหรู ที่ทางบ้านลงทุนซื้อให้เธอได้พักอาศัย โดยเน้นความปลอดภัยและสะดวกสบายในการเดินทางไปเรียนเป็นหลัก ตอนแรกเธอก็ไม่ยอม เพราะเห็นว่ามันไม่จำเป็น เช่าเขาอยู่ก็ได้ และเธอก็เป็นเพียงแค่เด็กนักศึกษาเท่านั้น แต่พ่อแม่และพี่ชายไม่ยอม เพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวมาอยู่ไกลบ้าน เลยอยากให้อยู่ในสถานที่ที่พวกท่านเห็นชอบ ดังนั้นสามเสียงจึงชนะเสียงเดียวอย่างเธอขาดลอย
เสียงการแจ้งเตือนไลน์ดังติดต่อกันถี่ๆ ทำให้พิศลดาละสายตาจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ แล้วเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงมาเปิดดูข้อความแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อรู้ว่าใครที่บ้าระห่ำส่งข้อความมาให้เธอมากมายก็ขมวดคิ้วมุ่น เปิดไล่ดูแต่ละข้อความที่ถูกส่งมาจากมาร์ติน ซึ่งเธอมั่นใจว่าไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนตัวของเธอกับเขาไปอย่างแน่นอน แล้วแต่ละข้อความก็ชวนขนลุก และน่าตบทั้งนั้น ไม่รู้เป็นบ้าอะไรถึงพิมพ์แบบนี้
“หนูน้อยทำอะไรอยู่เอ่ย”
“คิดถึงจังหนูจัง”
“คิดถึงพี่ไหม”
“ทานข้าวรึยังครับ”
“วันนี้มีเรียนรึป่าว”
“พี่อยากเจอหนูจัง”
“ตอบพี่หน่อยนะคนสวย”
“อยากจูบจัง”
“อยากกอดด้วย”
“ออกมาเจอกันหน่อยไหม”
“ถ้าให้เดาตอนนี้คงกำลังด่าพี่อยู่ในใจแน่เลย”
“ตอบหน่อยนะนะนะ”
“ถ้าไม่ตอบจะไปดักฉุดเดี๋ยวนี้แหละ!!”
“ไม่ได้ขู่นะจะทำจริงๆ”
“แล้วอย่ามาหาว่าพี่ใจร้ายกับหนูนะ”
“พี่เริ่มมีน้ำโหแล้วนะ”
“จะหมดความอดทนจริงๆ แล้วนะ”
“คนบ้าอะไรห่ามสิ้นดี” พิศลดาพึมพำและชั่งใจว่าจะตอบกลับหรือไม่ ทางฝั่งมาร์ตินก็นั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ในมืออย่างใจจดใจจ่อ มันขึ้นว่าอ่านแล้วทำไมยังไม่ตอบกลับมาสักทีหรือคิดว่าเขาแค่ขู่ไปงั้นเลยไม่ยอมตอบกลับมา แล้วความคิดก็ต้องสะดุดลงเมื่อประตูห้องทำงานถูกเคาะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญ” มาร์ตินวางโทรศัพท์ลงเมื่อเห็นเลขาเปิดประตูเข้ามา
“ขออนุญาตครับคุณมาร์ติน คุณริสามาขอเข้าพบครับ แต่ผมก็บอกเธอไปแล้วนะครับว่าคุณมาร์ตินไม่ว่างพบแต่เธอก็ยืนยันที่จะพบคุณให้ได้” เลขาหนุ่มหน้าตี๋ รูปร่างสูงโปร่ง เอ่ยรายงานเจ้านาย
“เฮ้อ! แล้วตอนนี้เธออยู่ไหนสุธีร์” มาร์ตินถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ด้านนอกครับจะให้เชิญเธอเข้ามาเลยไหมครับ” เมื่อมาร์ตินพยักหน้าเลขาหมุนก็เดินไปเปิดประตูให้เธอเข้ามา
นางแบบสาวเดินเข้ามาอย่างมาดมั่น ใบหน้าสวยเฉี่ยวแต่งแต้มเครื่องสำอางมาอย่างบรรจง งดงาม ร่างแบบบางสูงโปร่งสวมใส่เดรสรัดรูปสีดำเน้นหน้าอกหน้าใจที่แทบจะล้นทะลักออกมานอกผ้า ขาเรียวยาวสวมใส่รองเท้าส้นสูงสีแดงแปร๊ด เดินตรงมานั่งตักมาร์ติน
“มาร์ตินขาริสาคิดถึงคุณจังเลยค่ะ” นางแบบสาวเอาแขนเรียวคล้องคอมาร์ตินออดอ้อนเสียงหวาน
“ปล่อยริสา ไปนั่งที่เก้าอี้ดีๆ หรือไม่มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” มาร์ตินปลดแขนเรียวของนางแบบสาวออกแล้วดันร่างบางออกห่างแล้วตัวเขาก็ลุกขึ้นยืน
“โธ่! มาร์ตินขาก็ริสาคิดถึงคุณนิคะ” นางแบบสาวจะเดินเข้ามากอดมาร์ตินแต่เขารู้ทัน
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องมาใกล้ผม แล้วนี่คุณมาที่นี่ทำไม ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาวุ่นวายที่นี่ กลับไปซะริสา ผมไม่มีเวลาว่างมากหรอกนะ” มาร์ตินยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง จ้องหน้าสวยที่เขาคิดว่าสวยสู้หนูน้อยของเขาไม่ได้เลยสักนิด ขนาดน้องหนูของเขาไม่ได้แต่งหน้าอะไรมากมายยังสวยขนาดนั้น ผิดกับริสาที่แต่งหน้าหนา ถ้าล้างเครื่องสำอางออกมาไม่รู้จะสวยแบบนี้รึเปล่า เมื่อก่อนเขาหลงคิดว่าริสาสวยได้ยังไง
“ทำไมคุณพูดกับริสาแบบนี้ล่ะคะ” น้ำเสียงเง้างอดของนางแบบสาวสร้างความรำคาญให้กับมาร์ตินไม่น้อย
“กลับไปหาเสี่ยของคุณดีกว่า ถ้ายังไม่อยากเดือดร้อน” มาร์ตินเหยียดยิ้ม เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“คุณพูดอะไรคะ ริสาไม่เข้าใจ” นางแบบสาวหน้าซีดลงเมื่อคิดว่าความลับของเธอมาร์ตินได้ล่วงรู้แล้ว
“คุณรู้อยู่แก่ใจริสา ต่อไปนี้ก็เลิกมาวุ่นวายกับผมได้แล้ว” มาร์ตินนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานตามเดิมและเรียกสุธีร์ให้เข้ามาในห้องทำงาน “ลีโอเข้ามาพาริสาออกไปที”
“เชิญครับคุณริสา” สุธีร์เชิญนางแบบสาวออกไปนอกห้อง แต่เธอยังยืนเฉยจนเขาต้องจับแขนแล้วลากออกไป
“มาร์ตินขาริสารักคุณนะคะ” นางแบบสาวร้องบอกมาร์ตินพยายามจะสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม ทว่าก็สู้แรงของสุธีร์ไม่ไหว
หลังจากสุธีร์และริสาได้ออกไปแล้ว มาร์ตินก็หยิบโทรศัพท์มาดูใหม่ แต่ก็ไม่มีข้อความที่เขาเฝ้ารอคอยจนกระทั่งความอดทนเขาสิ้นสุดลงก็เดินลิ่วออกไปด้วยหน้าตาบึ้งตึง
“ลีโอแกเช็ดแน่แล้วใช่ไหมว่าหนูน้อยของฉันไม่มีเรียน และตอนนี้ก็อยู่ที่คอนโดน่ะ” ตอนนี้มาร์ตินกำลังเดินทางไปหาพิศลดาที่คอนโดของเธอบอกแล้วว่าเขาไม่ได้ขู่อยากจะรู้จริงๆ ว่าเมื่อเห็นหน้าของเขาน้องหนูจะทำหน้ายังไง
“ผมโทรเช็กที่คอนโดของคุณใบเฟิร์นแล้วครับว่าเธออยู่ที่ห้อง ยังไม่ได้ออกไปไหนเลย” ลีโอลูกน้องคนสนิทของมาร์ตินมองกระจกหลังลอบมองหน้าเจ้านายที่ทำหน้าบึ้งตึงตั้งแต่ออกจากบริษัท และที่เขารู้ว่าพิศลดาอยู่ที่คอนโดก็เพราะว่าเขาได้โทรไปสอบถามข้อมูลจากประชาสัมพันธ์ที่เขาได้จ้างให้เป็นหูเป็นตาและคอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับพิศลดาให้เรียบร้อยแล้ว
“อือ”
“เอ่อแล้วคุณมาร์ตินได้สมัครเฟซบุ๊กกับอินสตราแกรมยังครับ” เขาอุตส่าห์หามาให้หวังว่าเจ้านายจะไม่ทำให้เขาผิดหวังนะ
“สมัครแล้วแกนี่ถามมากจังวะ” เขาสมัครตั้งแต่วันที่ได้อ่านข้อมูลของเธอนั่นแหละแล้วตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกันเรียบร้อยแล้วด้วยแต่เขาไม่ได้ใช้รูปของตัวเองหรอกแต่ใช้เป็นรูปแมวน่ารักๆ แทนกลัวว่าถ้าเป็นรูปตัวเองน้องหนูจะไม่รับ และก็ส่องดูความเคลื่อนไหวเแทบจะทุกชั่วโมง ตามกดถูกใจทุกโพสต์ แต่ก็ต้องโมโหเมื่อมีผู้ชายมากดถูกใจและคอมเมนต์
“ก็ผมอยากรู้นี่นาว่าแต่คุณใบเฟิร์นไม่สงสัยหรอครับ” ลีโอก็ยังคงถามต่อ
“ไม่หรอกเพราะฉันไม่ได้ลงอะไรเลยชื่อกับรูปก็ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวฉัน”
ติ๊งต่อง ต๊งต่อง
เสียงออดดังขึ้นทำให้พิศลดาวางมือจากการทำอาหารกลางวัน รีบเดินมาดูที่ช่องตาแมวว่าใครเป็นคนกด เมื่อไม่เห็นว่าเป็นใครเธอจึงเปิดประตูออกไปชะโงกหน้าดู แล้วก็ต้องตกใจตากลมโตเบิกกว้างอ้าปากค้าง
“ว่าไงหนูน้อย ตกใจที่เจอพี่เหรอ” มาร์ตินก้มหน้าลงมามองคนตัวเล็ก เขายืนหลบอยู่ที่ด้านข้างประตูห้องของเธอ เพราะไม่อยากให้เห็นแล้วเขาก็เดาถูกว่าหนูน้อยของเขาจะเปิดประตูออกมาดู
“มาได้ไงคะ” พิศลดาเม้มปากแน่นไม่คิดว่าเขาจะมาจริงและที่สำคัญเขาหาที่อยู่เธอได้ยังไง มือบางดันบานประตูจะปิดแต่ก็ถูกมือหนายันเอาไว้แล้วแทรกกายเข้ามาในห้องของเธอหน้าตาเฉย
“นั่งรถมา” มาร์ตินตอบอย่างยียวนแล้วเดินสำรวจห้องของคนตัวเล็ก
“รู้ว่านั่งรถมาคงไม่ได้นั่งเกวียนมาหรอก” พิศลดาหน้างอง้ำมองมาร์ตินตาคว่ำ
“ออกไปได้แล้วค่ะมันไม่เหมาะที่คุณจะมาอยู่ในห้องของหนู” พิศลดาเอ่ยปากไล่เขา จะมาอยู่ในห้องของเธอแบบนี้ไม่ได้ มันไม่เหมาะถ้าใครมาเห็นเข้ามันจะดูไม่ดีแล้วจะคิดว่าเธอเป็นเด็กของเขาได้
“บอกว่าให้เรียกพี่ถ้าไม่ฟังจะจูบให้ปากเจ่อจริงๆ ด้วย” มาร์ตินพูดเสียงเข้ม
“บ้า” พิศลดาเม้มปากแน่นเมื่อเจอคำขู่
“แล้วที่บอกว่าไม่เหมาะอะไรที่ไม่เหมาะไหนลองบอกพี่มาสิ” มาร์ตินยืนกอดอกมองหน้าสวยของหนูตัวน้อยที่วันนี้ใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงยีนขาสั้น ทำให้อกอวบที่มีไม่น้อยโดดเด่นขึ้นมาเป็นภูเขา แล้วไหนจะขาขาวๆ อีกตอนนี้เลือดลมเขาแล่นพล่านเลย อยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสแต่ก็ต้องกลั้นใจเอาไว้
“เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นแล้วจะเอาไปนินทาได้ว่านักธุรกิจใหญ่ย่องเข้าห้องนักศึกษาสาว พวกเขาจะคิดว่าหนูเป็นเด็กในสังกัดของพี่ ซึ่งหนูไม่อยากเป็น หนูไม่ต้องการให้ใครมองหนูในทางที่ไม่ดี ถ้าเข้าใจแล้วก็ช่วยออกไปด้วยค่ะ ไม่ต้องมาที่นี่อีก ข้อความก็ไม่ต้องส่งมาด้วย” พูดจบพิศลดาก็กอดอกเชิดหน้าขึ้น
“หึ! ใครจะพูดอะไรก็ช่างเขาสิเราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แล้วอีกอย่างหนูก็ไม่ได้เป็นเด็กในสังกัดพี่สักหน่อย เพราะพี่ไม่มีสังกัดอะไรใดๆ ทั้งสิ้น คิดมากน่าหนูน้อย แล้วพี่ก็จะไม่หยุดไลน์หาหนูด้วย พูดถึงเรื่องนี้แล้ว หนูช่วยตอบกลัับพี่ด้วยนะ ไม่ใช่อ่านแล้วไม่ยอมตอบ พี่เสียใจนะครับ” มาร์ตินโยกศีรษะเล็กแล้วเดินตามกลิ่นหอมๆ ไปยังบริเวณห้องครัว
“พี่มาร์ตินพูดไม่รู้เรื่องหรอคะ หนูบอกให้ออกไปไง” พิศลดาเดินตามร่างสูงเข้ามาในครัวและก็เห็นว่าเขากำลังตักข้าวผัดใส่จานอยู่
“พี่หิวขอกินข้าวด้วยนะ” มาร์ตินยกข้าวสองจานมาวางบนโต๊ะรับประทานอาหารแล้วเลื่อนเก้าอี้ ทรุดกายลงนั่งตักข้าวผัดเข้าปาก พิศลดาทำอะไรไม่ได้ก็ทรุดตัวนั่งลงตรงข้ามกับเขาแล้วลงมือกินข้าวแต่ตากลมโตก็คอยมองเขาเป็นระยะ
“ข้าวผัดฝีมือหนูอร่อยจังค่ะ ทำให้พี่กินบ่อยๆ นะ” เขาเคยกินข้าวผัดมาก็มากแต่ก็ไม่เคยมีใครทำได้ถูกใจเขาแบบนี้มาก่อน
“เดี๋ยวก่อนนะคะนี่พี่มาร์ตินยังคิดจะมาที่นี่อีกหรอคะเนี่ย หนูว่าหนูพูดรู้เรื่องแล้วนะ” พิศลดารวบช้อนมองหน้าเขาที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว
“ใช่ พี่ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันแบบจริงจังแล้วล่ะคนสวย พี่ไม่อยากให้เราไม่เข้าใจกัน” มาร์ตินลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำและเทน้ำมาให้หนูน้อยของเขาดื่มเมื่อพิศลดาดื่มเสร็จเขาก็ดึงมือคนตัวเล็กไปที่ห้องนั่งเล่น
“พี่มาร์ตินมีอะไรคะ” พิศลดานั่งลงตามแรงดึงของคนตัวโต
“พี่อยากรู้ว่าในความคิดของหนูพี่เป็นยังไง” เขาอยากจะรู้ว่าในสายตาของหนูน้อยคนสวยของเขามองว่าเขาเป็นคนยังไงเขาจะได้แก้ให้เธอพอใจ
“เจ้าชู้ เอาแต่ใจ น่าจะแค่นี้แหละค่ะเพราะหนูก็ไม่ได้รู้จักอะไรพี่มาร์ตินมากมายก็เลยไม่รู้นิสัยที่แท้จริง”
“งั้นเราก็มาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นตั้งแต่วันนี้เลยดีไหม” มาร์ตินจับมือนุ่มไล้หัวแม่มือที่หลังมือขาวเบาๆ พิศลดาจะชักมือออกแต่เขาไม่ยอม
“แล้วพี่ก็ไม่ได้เจ้าชู้นะส่วนเอาแต่ใจพี่จะเป็นเฉพาะบางคน”
“ปล่อยมือเลยค่ะ” พิศลดาตีหลังมือแกร่งแต่เขาก็ด้านเกินเลยไม่รู้สึกรู้สา
“แล้วทำไมเราจะต้องทำความรู้จักกันเพิ่มมากขึ้นด้วยแล้วเรื่องที่ไม่เจ้าชู้นี่แน่ใจเหรอค่ะ”
“ถ้าเรารู้จักกันมากขึ้นหนูก็จะได้รู้ยังไงล่ะว่าพี่ไม่ได้เจ้าชู้จริงๆ ถ้าจะรักใครก็จะรักแค่คนเดียวตลอดไป ส่วนที่ผ่านมามันเป็นเพียงแค่ความต้องการของผู้ชาย แล้วอีกอย่างพี่ก็ให้ในสิ่งที่พวกเธอเรียกร้อง นั่นก็คือเงิน ไม่ใช่ความรัก” มาร์ตินพูดจริงจังไม่ได้โกหกแม้แต่คำเดียว
“แล้วมาบอกหนูทำไม” พิศลดาหน้าร้อนผ่าวกับคำพูดของเขาที่เหมือนจะตั้งใจให้เธอรับรู้
“ก็อยากให้รู้นี่นาจะได้เลิกคิดว่าพี่เจ้าชู้สักที” มาร์ตินเอาศีรษะถูไปที่ไหล่เล็กอย่างอ้อนๆ พิศลดาที่ถูกคนตัวโตทำแบบนี้ใส่ก็จับใบหน้าของเขาให้เงยขึ้น แต่ขณะที่ไม่ได้ระวังตัวมาร์ตินก็ยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มเธอติดๆ กัน
“อร๊าย!! ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์มาหอมแก้มเขาได้ยังไง” พิศลดากุมแก้มตัวเองไว้แน่นตั้งแต่เกิดมานอกจากพ่อและพี่ชายแล้วยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเคยหอมแก้มเธอเลยสักคน หมัดหนักๆ เลยทุบลงบนอกกว้างหลายตุ๊บ คนโดนหมัดน้อยๆ ที่ทุบใส่ไม่ยั้งก็นั่งระบายยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านแต่ก็แอบเคืองที่ถูกเรียกว่าตาเฒ่านี่แหละ
“หือ เรียกพี่ว่าเฒ่าเลยหรออย่างนี้ต้องโดนลงโทษ” มาร์ตินดึงคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอดแล้วจัดการหอมแก้มแดงๆ ทั้งซ้ายและขวาอย่างมันเขี้ยว
“หยุด หยุด มันจะมากไปแล้วนะพี่มาร์ติน” พิศลดาผลักอกกว้างเต็มแรงใบหน้าสวยแดงกล่ำด้วยความอับอายที่ถูกเขาหอมแก้ม
“ก็แก้มหนูหอมนี่พี่ชอบอยากฟัดอีกมามะคนสวย” มาร์ตินแกล้งยั่วคนตัวเล็กที่ยืนอยู่หลังโซฟา
“อย่ามาพูดบ้าๆ แบบนี้นะออกไปเลยไม่อยากเห็นหน้าคนแก่นิสัยไม่ดี” พิศลดาชี้นิ้วไล่และสะบัดหน้าไปทางอื่น ปากหยักยกยิ้มกับท่าทางของหนูน้อยคนสวยของเขาก่อนจะเดินมาหยุดที่ตรงหน้าเธอ
“พี่กลับก่อนก็ได้ แล้วก็ตอบไลน์พี่ด้วยนะ ถ้าไม่ตอบพี่จะทำมากกว่านี้แน่ พี่ออกไปล็อกห้องดีๆ ห้ามลืมล็อกเด็ดขาด” มาร์ตินสั่งเสร็จก็ก้มหน้าลงหอมแก้มนวลอีกครั้ง “ชื่นใจจัง” แล้วเขาก็เดินยิ้มผิวปากออกไปจากห้องของเธออย่างอารมณ์ดี
“ตาบ้าเอ๊ย!” พิศลดาเดินกระแทกเท้าไปล็อกห้องแล้วถูแก้มของตัวเองไปมา