บทที่๒...หวนกลับ (๑)
บทที่๒...หวนกลับ
บรรยากาศยามเช้าของชนบทที่ไม่มีความวุ่นวายมันช่างผ่อนคลายเสียเหลือเกิน ร่างบางนั่งจิบชาอยู่หน้าบ้านพลางมองต้นไม้ใบหญ้าและดอกไม้นานาชนิดที่ปลูกไว้ตั้งแต่หล่อนยังเป็นเด็ก จนกระทั่งตอนนี้มันเต็มสวนมองดูช่างสวยงามจนละสายตาไม่ได้
ผีเสื้อบินมาจับกลีบก่อนจะดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ อรนลินหยิบดินสอและสมุดมาสเก็ตภาพนั้นเอาไว้ จนกระทั่งได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาจึงได้ละมือจากดินสอแล้วหันไปมอง
พบป้าสายบัวที่ถือถาดขนมมาเสิร์ฟทั้งที่อยู่บนจานก็ยังไม่หมด เห็นเธอเป็นเด็กชอบกินขนมไปได้ ถึงเมื่อก่อนยามทำการบ้านจะต้องมีของกินวางไว้ตรงหน้าก็เถอะ ตอนนี้เธอโตแล้วไม่ใช่เด็กหญิงอรนลินที่กลับมาจากโรงเรียนต้องนั่งทำการบ้านตามคำสั่งคุณยาย ทั้งที่อยากออกไปเล่นกับเพื่อนใจจะขาดสักหน่อย
“ทำอะไรมาเยอะแยะคะ อ้ายกินคนเดียวไม่หมดหรอก” มองกลีบลำดวนที่เหลืออีกสองชิ้นในจานซึ่งหล่อนยังกินไม่หมด แล้วหันไปมองขนมฟักทองที่คนสูงอายุเพิ่งเสิร์ฟ นางยิ้มขณะมองคุณหนูตัวน้อยที่เติบใหญ่จนกลายเป็นสาวสวย
อยากให้ยายจันทร์เห็นหลานรักคนนี้เหลือเกิน ว่าเหมือนมารดามากแค่ไหน...
“พอดีเพื่อนป้าเอาฟักทองมาให้ค่ะ ทิ้งไว้ก็เสียเปล่าเลยทำขนมมาให้คุณหนูลองชิม” ร่างบางเห็นขนมสีเหลืองสดก็เริ่มน้ำลายสอ ปิดสมุดแล้วลงมือชิมขนมตรงหน้าพลางทำตาโตเมื่ออร่อยกว่าที่คิดไว้เสียอีก
คำเดียวไม่พอคนตัวเล็กขอเพิ่มอีกสองก่อนจะวางช้อน แล้วยกนิ้วโป้งให้ป้าสายบัวที่ทำขนมอะไรก็อร่อยไปเสียหมด หล่อนเทียบไม่ติดเลยสักนิด
“อร่อยจังเลยค่ะ คราวหน้าสอนอ้ายบ้างนะคะ อ้ายอยากทำอาหารเก่งเหมือนป้าสาย” อ้อนจนเป็นนิสัย นางเห็นก็อมยิ้มพลางพยักหน้า คุณหนูชอบเข้าครัวไปช่วยยายจันทร์ทำอาหาร แต่ตอนแรกเรียกว่าป่วนน่าจะใกล้เคียงกับความจริงมากกว่า
ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างจนคุณยายต้องจับหลานสาวมาสอนเรื่องงานบ้านงานเรือน ทั้งทำอาหารและทำความสะอาดบ้าน จนอรนลินทำเป็นแทบทุกอย่าง ไม่ต้องมีแม่บ้านหล่อนก็ทำเองได้
“คุณหนูก็เก่งอยู่แล้วค่ะ คุณหนูจะรับเพิ่มไหมคะ ป้าทำไว้เยอะเลย” รีบส่ายหน้าทันที แค่นี้ก็กินไม่หมดแล้ว หากกินเพิ่มได้ท้องแตกแน่
“ไม่แล้วค่ะ อ้ายกินไม่ไหวหรอก แค่นี้พุงก็ยื่นแล้ว” ลูบหน้าท้องแล้วแอ่นให้ดูว่าใหญ่กว่าเมื่อครู่แค่ไหน เรียกเสียงหัวเราะจากคนสูงวัย
“อ้วนก็ดีสิคะ จะได้มีน้ำมีนวล เดี๋ยวป้าจะขุนให้อ้วนกว่านี้อีก” ได้ยินก็ทำหน้ายู่ทันที ดูเหมือนป้าสายบัวจะอยากให้เธออ้วนขึ้นกว่านี้ น้ำหนักเธอลดลงมาเยอะเหมือนกัน เกือบสิบกิโลกรัมทั้งที่ไม่ได้คุมอาหารสักเท่าไหร่
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่มันไม่อยากอาหาร ยิ่งช่วงที่ตัดสินใจว่าควรรอเขาต่อดีไหม หรือหยุดแค่นี้แล้วกลับบ้านสวนสักทีก็กินข้าวปลาไม่ลง มันคือการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ อยู่ที่นั่นต่อไปก็มองไม่เห็นอนาคต
ในเมื่อแผนของปูรณ์ไม่เคยมีเธออยู่ด้วยเลย มันผิดมาตั้งแต่ต้นแล้ว คนไม่ใช่ทำอย่างไรก็ไม่ใช่ ถึงผู้หญิงที่เขารักจะตายจากก็ใช่ว่าความรักที่ชายหนุ่มมีต่อเธอคนนั้นจะจางหาย
หล่อนคิดผิดเองที่นึกว่าจะเอาชนะคนในหัวใจได้ สุดท้ายก็ต้องชอกช้ำกลับมารักษาแผลใจที่บ้านของตัวเอง โดยที่ไม่มียายจันทร์คอยปลอบเหมือนตอนเด็กยามเจ็บปวด
ยายจ๋า อ้ายคิดถึงยาย...
“ถ้าอย่างนั้นป้าแบ่งขนมให้คุณเต้นะคะ แกน่าจะชอบ ส่วนที่เหลือจากนั้นจะเอาไปให้คุณปูรณ์” ชื่อของสามีทำให้เธอชะงัก คิ้วสวยขมวดเข้าหากันไม่เข้าใจกับประโยคที่ป้าสายบัวเอ่ยสักเท่าไหร่ เอาขนมให้พี่ปูรณ์อย่างนั้นเหรอ
หรือว่าเธอหูฝาดไปเอง และดูเหมือนว่าคนมากกว่าวัยจะรู้สึกตัวจึงได้รีบอธิบายจนลิ้นแทบพันกัน ส่วนร่างบางก็รอฟังใจจดจ่อ
“ป้าหมายถึงคนที่บ้านคุณปูรณ์น่ะค่ะ ไอ้เก๋งแล้วก็นางวาด” ทั้งสองคือคนงานที่คอยดูแลบ้านสวนให้ครอบครัวป้องเกียรติคุณ คุณชโลทรจะจ้างมาเฝ้าบ้านตลอด ไม่ต้องการให้บ้านหลังงามมียักไย่ขึ้น ถึงคนจะไม่อยู่แต่บ้านก็ต้องสะอาดสวยงามเสมอ
อีกทั้งยังเป็นการหารายได้ให้สองผัวเมียที่ตกงานด้วย น้ำใจของท่านทำให้สองคนนั้นซาบซึ้ง ตั้งใจทำงานบ้านอย่างดีถึงเจ้านายจะมาแค่ปีละครั้งก็ตาม
“อ้อ ค่ะ” พยักหน้าเข้าใจก่อนจะก้มลงวาดภาพ ป้าสายบัวรีบเดินออกจากห้องนั่งเล่นทันที กลัวว่าตนเองจะเผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าอีก ปล่อยร่างบางครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง
มือเล็กถือดินสอค้างเอาไว้ ดวงตาเหม่อลอยคิดถึงวันแรกที่ได้เจอชายหนุ่มอยู่บ้านใกล้เรือนเคียง ใครจะรู้ว่ารักแรกพบมีอยู่จริง แค่เห็นหน้าไม่กี่วินาทีหล่อนก็ตกหลุมรักเขาเต็มเปา หนุ่มเมืองกรุงที่มีใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาเอาการ
ท่วงท่าการเดิน ไหนจะการแต่งกายที่แม้จะเรียบง่ายแต่กลับมีเสน่ห์จนไม่อาจถอนสายตาได้ หุ่นสูงราวนายแบบ กล้ามเนื้อพอประมาณไม่ได้ผอมแห้งหรืออ้วนจนเกินไป
เขาหล่อราวเทพบุตรในครั้งแรกที่เจอ ขณะที่หล่อนเล่นน้ำคลองตัวเปียกเป็นเด็กกะโปโล ช่างน่าอายเสียเหลือเกิน
“คุณอ้ายครับ!” เสียงเรียกดังปลุกให้หล่อนตื่นจากภวังค์แล้วหันมองคนมาใหม่ มือหนาถือถุงขนมที่คาดว่าป้าสายบัวคงเป็นคนเอาให้เขา ร่างสูงนั่งลงเยื้องกับเธอพลางส่งยิ้มละมุน ช่วงนี้เกษตรอำเภอแวะมาที่ไร่บ่อยกว่าปกติ
เรียกได้ว่าแทบจะมาทุกเช้าเย็นด้วยซ้ำ เธอกลับมาอยู่บ้านได้สามวันเจออีกฝ่ายบ่อยกว่าเจอชัดเจนเสียอีก
“ขอโทษนะครับที่ทำให้ตกใจ ผมเรียกหลายรอบคุณอ้ายก็ไม่ได้ยินเลยลองเรียกดังขึ้นหน่อย” บอกเสียงทุ้มซึ่งหญิงสาวก็ส่ายศีรษะไม่ได้ถือสาอะไร รู้ดีว่าตนเองขาดการรับรู้ไปชั่วครู่ เพราะมัวแต่คิดเรื่องของสามีที่ไม่เจอหน้ากันมาห้าปี
“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่คุณเต้มาหาลุงน้อยเหรอคะ” อยากบอกใจจะขาดว่าคนที่เขามาหาคือเธอ แค่ได้เห็นหน้าก็หายเหนื่อยจากงานที่หนักทั้งวันแล้ว รอยยิ้มของอรนลินเป็นเหมือนยาชูกำลัง
ก็แค่ต้องการมามองรอยยิ้มเธอเท่านั้นเอง...
“เปล่าครับ ผมจะมาถามคุณอ้ายเรื่องที่บอกว่าจะทำแยมขาย ลองถามเพื่อนที่ออกแบบให้หรือยังครับ” เมื่อวานพวกเขาคุยกันเรื่องที่เธออยากนำผลไม้ที่ไม่สามารถวางขายได้มาแปรรูปทำเป็นผลไม้อบกรอบ หรือแยมผลไม้ อาจจะฝากขายตามร้านคนรู้จักก่อนเพื่อลองตลาด
ความคิดเธอฟุ้งเมื่อได้กลับมาอยู่บ้านสวน เห็นผลไม้ออกดอกออกผลเต็มไปหมด รายได้ของไร่ยายจันทร์ไม่ได้มากอย่างที่คิด ผลไม้ก็ออกตามฤดู แถมเกษตรกรยังเยอะกว่าผู้บริโภคอีก บางครั้งก็ต้องลดราคาจนแทบไม่ได้กำไร ขอเพียงแค่ไม่ขาดทุนก็พอ
หล่อนจึงอยากทำผลิตภัณฑ์อื่นบ้าง ลองหาในอินเตอร์เน็ตเห็นมีทั้งแยม ทั้งผลไม้อบแห้ง ไหนจะสบู่จากธรรมชาติอีก แต่คงต้องใช้เวลาศึกษาหน่อย
ที่ทำง่ายก็มีแยม และผลไม้อบแห้ง ซึ่งเครื่องครัวก็มีครบแถมมีแม่ครัวเก่งเรื่องอาหารอีก หล่อนคงไม่ต้องกลัว
“กำลังคุยกับเพื่อนพอดีเลยค่ะ แต่อ้ายคิดว่าถ้าทำล็อตแรกอยากลองไปขายที่ตลาดนัดแถวหมู่บ้านก่อน คุณเต้ว่ายังไงคะ” การที่หล่อนแทนตัวเองด้วยชื่อมันทำให้คนฟังใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มองใบหน้าสวยและแววตาสดใสเปล่งประกายราวคนละเมอ
“น่ารัก” เจ้าของบ้านถึงกับงงจนต้องถามชายหนุ่ม
“คะ คุณเต้หมายความว่ายังไงคะ” เกษตรหนุ่มได้สติรีบแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“ผมว่าความคิดคุณอ้ายเข้าท่าดีครับ ลองตลาดดูก่อนว่าคนชอบกันไหม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปช่วยขายนะครับ ช่วงนี้ว่างพอดี” เมื่อเขาอาสาหล่อนก็ไม่ขัดศรัทธา รีบพยักหน้าพลางคุยถึงแผนที่วางเอาไว้ให้ร่างสูงฟัง และเขาก็ฟังไม่รู้เบื่อ
หลังรับประทานอาหารค่ำเรียบร้อยอรนลินก็ขึ้นนอนแต่หัวค่ำ ทว่ากลางดึกกลับหิวน้ำจนต้องลงมาข้างล่าง พอเปิดไฟครัวมันก็กระพริบก่อนจะดับลง และไม่สามารถเปิดได้อีก สงสัยหลอดไฟจะขาด พรุ่งนี้คงต้องให้ลุงน้อยมาเปลี่ยนเสียแล้ว
ดื่มน้ำเรียบร้อยกำลังจะเดินขึ้นห้อง แต่เสียงกีต้าร์กลับลอยมาถึงบ้านหล่อน แน่นอนว่าละแวกนี้นอกจากไร่ยายจันทร์แล้วก็มีเพียงบ้านพักตากอากาศของครอบครัวป้องเกียรติคุณ เพราะฉะนั้นจึงเดาได้ว่ามาจากบ้านข้างเคียงอย่างแน่นอน
“เก๋งเล่นกีต้าร์เหรอ” พึมพำกับตนเอง ส่ายศีรษะพลางถอนหายใจไล่ความสงสัยนั้นออก ใครจะเล่นก็เรื่องของเขาเถอะ
ที่แน่ๆ ไม่ใช่พี่ปูรณ์แล้วกัน ตอนนี้คงมีความสุขอยู่เมืองนอกนั่นแหละ
“ลุงน้อยคะ ไฟที่ห้องครัวเหมือนจะเสียแล้ว ฝากลุงเปลี่ยนให้หน่อยนะคะ” หลังรับประทานอาหารเช้าหล่อนก็เดินไปบอกลุงน้อยที่อาศัยอยู่หลังบ้าน ซึ่งคุณยายทำเอาไว้เป็นที่พักของลุงป้าโดยเฉพาะ มันคือบ้านไม้หลังน้อยมีใต้ถุนไว้สำหรับนั่งเล่น
อยู่ไม่ห่างจากบ้านใหญ่ เพื่อสะดวกต่อการไปมาหาสู่ บางครั้งหล่อนเบื่อก็แอบมาเล่นที่บ้านของลุงป้า มองดูน้ำจากลำคลองที่ไหลผ่าน มีความสุขดีเหมือนกัน
“ได้ครับ เดี๋ยวช่วงบ่ายผมจะไปซื้อหลอดไฟมาเปลี่ยน” ร่างบางพยักหน้าพลางอมยิ้ม เห็นชัดเจนที่เล่นกับแมวก็นึกเอ็นดูจึงเข้าไปถาม ได้ความว่ามีคนนำลูกแมวมาทิ้งไว้สี่ห้าตัว เด็กน้อยไปเห็นช้าเกินไปมันเลยตายไปแล้วสี่ตัว เหลือแค่แมวสีส้มตัวนี้ที่รอด
จึงตั้งชื่อให้ว่าบุญรอด
“ชัดเอ๊ย ทำการบ้านเสร็จหรือยัง” เสียงป้าสายบัวตะโกนมาจากบนบ้าน
“อุ้ย ยังเลยยาย เดี๋ยวจะไปทำเดี๋ยวนี้เลยจ้า” เด็กชายรีบผละไปทำการบ้าน ปล่อยหญิงสาวนั่งเล่นกับแมวเพียงลำพัง เธอมองเด็กน้อยที่มีเค้าความหล่อตั้งแต่เด็ก คาดว่าโตขึ้นต้องเป็นที่หมายปองของสาวน้อยใหญ่อย่างแน่นอน
“พี่กลับก่อนนะชัด” โบกมือลาเพื่อนต่างวัยแล้วเดินกลับบ้านใหญ่ พอดีกับที่เกษตรอำเภอขับรถเข้ามาจอด
ใบหน้าคมฉายแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัดจนเธอสงสัยว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คนร่าเริงอยู่เป็นนิจ เศร้าได้มากจนแสดงออกทางสีหน้าขนาดนี้
“คุณเต้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” ชายหนุ่มมองใบหน้าหวานพลางถอนหายใจ รู้สึกเหมือนว่าขณะที่กำลังจะเข้าไปใกล้ ก็โดนกันออกให้ห่างไกล ทำไมไม่มีอะไรเป็นใจเลย ขนาดงานยังกีดกันเขากับอรนลิน
“ผมต้องลงกรุงเทพฯหนึ่งสัปดาห์ พอดีมีประชุมของกระทรวงน่ะครับ น่าเสียดายเลยไม่ได้ไปขายของช่วยคุณอ้าย” นึกว่าเรื่องอะไรทำให้หนุ่มสดใสทุกข์ได้ ที่แท้ก็เป็นเรื่องนี้เอง เธอส่งยิ้มให้เขาพลางพูดปลอบคนตัวสูง