บทย่อ
วันที่ตัดสินใจจะหย่าและกลับไปอยู่บ้านสวนของตน กลับพบสามี ที่ไม่เจอหน้ากันกว่า 5 ปี มาอาศัย เรื่องราวในวันวานย้อนกลับมา อีกครั้ง ความรักที่มอบให้เขามันจะกลายเป็นเพียงฝุ่นผงไร้ค่าหรือไม่ "เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่นะ" คำพูดนั้นจะน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน...
บทนำ
บทนำ
กรอบรูปขนาดใหญ่แขวนติดผนังไว้ที่ห้องหอซึ่งร้างคนเป็นสามีมาเนิ่นนานจนลืมไปแล้วว่าตนไม่ใช่สาวโสด นิ้วนางข้างซ้ายประดับด้วยแหวนทองคำขาวที่เขาเป็นคนสวมให้ ดวงตากลมเหลือบมองมันก่อนจะถอดออกมาด้วยหัวใจที่แสนปวดร้าว
ทั้งที่ไม่เคยคิดจะถอดสักครั้งแต่เมื่อมาถึงจุดสิ้นสุดของความอดทน หล่อนก็ไม่ขอเห็นมันให้ต้องช้ำใจเล่นอีก ความรักที่เคยหวานชื่นกลับขมขื่นจนหาความสุขไม่เจอ หยาดน้ำใสไหลลงมาเปื้อนแก้มนวลก่อนจะถูกเช็ดออกรวดเร็ว ไม่อยากร้องไห้อีกต่อไปแล้ว
ตลอดห้าปีที่ผ่านมาจมอยู่กับคราบน้ำตามาโดยตลอด ถึงวันที่ต้องเข้มแข็งสักที ควรเดินหน้าต่อไปไม่ใช่รอให้ชายผู้นั้นกลับมา โดยไม่รู้เลยว่าการรอคอยมันจะจบลงตอนไหน สุดท้ายแล้วเธอจะมีความสุขจริงหรือเปล่า
นิทานที่เคยฟังครั้งวัยเยาว์มันก็แค่หลอกเด็กน้อยแสนเพ้อฝันเท่านั้น เจ้าชายไม่มีอยู่จริง เหมือนที่เจ้าหญิงที่ตายไปแล้วไม่อาจฟื้นคืนชีพเพียงเพราะจุมพิตจากรักแท้ คนตายก็คือคนตาย จะปลุกอย่างไรก็ไม่อาจกลับมาเป็นดังเดิม
นำแหวนหมั้นใส่กล่องแล้ววางไว้บนโต๊ะ พรูลมหายใจออกแล้วค่อยลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวไปยังห้องแต่งตัวแล้วหยิบเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบเล็ก ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะหย่ากับสามีสักที อยู่แบบนี้ก็เหมือนมีโซ่คล้องขาเอาไว้
จะโบยบินไปไกลสักเท่าไหร่ก็ไม่อาจหนีจากกรงที่ขังไว้ได้ ไม่รักไม่ชอบกันแล้วก็ให้มันจบไปสักที ดีกว่าคาราคาซังอยู่แบบนี้ มือเล็กชะงักค้างเมื่อมองเสื้อของเขาที่ตนเองเคยสวม
“พี่ปูรณ์ อ้ายไม่ไหวแล้ว” บอกเสียงพร่า ตัวแทบบิดเป็นเกลียวเมื่อเขาแทรกกายเข้ามา
“มองตาพี่ไว้ พี่สัญญาจะไม่ทำให้อ้ายเจ็บ” ชายหนุ่มปลอบปะโลมอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ อยู่บนร่างของเธอ
นั่นคือครั้งแรกที่ทำให้ได้รู้จักการทำรักที่สามีเรียกว่าเซ็กส์ เพราะสำหรับเขามันก็แค่ความสัมพันธ์ทางร่างกายที่ไม่ได้มีผลต่อหัวใจสักนิด
เธอก็แค่ผู้หญิงที่ถูกเอามาแทนที่คนรักของเขาเท่านั้น
ไม่มีคำว่ารักสักนิดเดียว...
“น้องอ้ายตัดสินใจใหม่ดีไหมคะ แม่ว่าพี่ปูรณ์เขาคงไม่อยากหย่าหรอก” เย็นวันนั้นลงมารับประทานอาหารตามปกติ
คุณชโลทร ป้องเกียรติคุณซึ่งเป็นมารดาของสามีหล่อนกล่าวขึ้น ท่านพยายามพูดให้ลูกสะใภ้เปลี่ยนใจแต่เวลาล่วงเลยมาห้าปีแล้วที่แทบไม่เห็นหน้าสามีเลย เขาบอกว่าจะไปทำงานที่อเมริกาแล้วจะกลับมาหา
ทว่าไม่เคยมีแม้แต่โทรศัพท์สักสาย ไร้การติดต่อทุกช่องทางราวต้องการตัดเธอออกจากชีวิต ดวงหน้าสวยยิ้มเล็กน้อย เอื้อมมือไปจับมือท่านไว้แล้วบีบเบาๆ การตัดสินใจครั้งนี้ค่อนข้างยากสำหรับหล่อน เมื่อเขาคือสามีที่รักสุดดวงใจ
ปูรณ์ ป้องเกียรติคุณ
เธอตามจีบชายหนุ่มอยู่นานหลายเดือน ก่อนที่อีกฝ่ายจะยอมตกปากรับคำ วินาทีนั้นตนเองดีใจแค่ไหนไม่เคยลืมเลย หัวใจมันแทบทะลุออกมาจากอก ยิ้มกว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ร้องไห้ด้วยความดีใจก่อนจะโผกอดพี่ชายคนนั้นเอาไว้
คิดว่าต่อจากนี้คงมีความสุข แม่สามีรักเหมือนลูกสาวอีกคน สองครอบครัวเห็นดีเห็นงามด้วยทุกอย่าง ยิ่งเห็นว่าหล่อนเป็นคนทำให้ปูรณ์ยิ้มได้อีกครั้งหลังสูญเสียคนรักก็ยิ่งเร่งวันเร่งคืน จนวันงานมาถึงภายในเวลาสามเดือน
จัดการทุกอย่างเอง ถามความเห็นคู่ชีวิตบางครั้งและเขาก็ตอบว่าตามใจเธอ ตอนนั้นความสุขมันบังตาจนไม่ทราบว่าหัวใจเขายังไม่ลืมใครบางคน
การแต่งงานมันก็เพื่อให้มารดาสบายใจ คนรอบข้างไม่เป็นห่วงเท่านั้น ความรู้สึกรักไม่ได้มีในใจของเขาสักนิด ต่างกับหล่อนโดยสิ้นเชิงเพราะมันได้มอบให้พี่ปูรณ์หมดหัวใจตั้งแต่วันแรกที่เห็นแล้ว และหมายมาดในใจจะเอาผู้ชายคนนี้มาเป็นแฟนให้ได้
จนถึงวันนี้ที่ชีวิตคู่เดินมาถึงทางตัน สุดท้ายก็คงต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง
“อ้ายคิดดีแล้วค่ะ พี่ปูรณ์เขาไม่ได้รักอ้ายแล้ว ก็ไม่รู้จะยื้อไปทำไม ขอบคุณคุณแม่มากนะคะที่รักอ้ายเหมือนลูกคนหนึ่ง” ตอบกลับท่านด้วยรอยยิ้ม คนอายุมากกว่าถอนหายใจแล้วขยับเข้าไปกอดลูกสะใภ้ที่น่ารักของตน
ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้ลูกชายตัวดีกลับมาทำหน้าที่สามี โทรคุยกันแค่เดือนละครั้ง หนักสุดก็สามเดือนครั้ง แล้วพูดคุยไม่ถึงห้านาทีฝ่ายนั้นก็บอกว่าติดธุระรีบตัดสาย ไม่รู้ว่าการเป็นนักแต่งเพลงอยู่ที่อเมริกามันจะยุ่งขนาดนั้นเชียวหรือ
มีลูกชายกับเขาคนเดียวก็ไม่ได้ดังใจเอาเสียเลย พอเจอลูกสะใภ้ถูกใจก็เหมือนจะต้องจากกันอีก นางโอบกอดร่างบางแน่นขึ้น
อรนลิน ป้องเกียรติคุณ เด็กสาวที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เกิด โตมากับคุณยายที่บ้านสวน มารู้จักกับคุณป้าชโลทรเพราะฝ่ายนั้นมีบ้านพักตากอากาศซึ่งรั้วติดกัน ก่อนจะตกหลุมรักลูกชายของท่าน
“โธ่น้องอ้าย แม่ขอโทษนะคะที่ลูกชายตัวดีทำให้หนูเสียใจขนาดนี้” ผละออกแล้วลูบใบหน้าหวานอย่างนึกสงสาร อยากจับลูกชายมาลงโทษที่ทำร้ายจิตใจของหญิงสาวผู้นี้
“คุณแม่ไม่ผิดหรอกค่ะ พี่ปูรณ์ก็ไม่ผิด ไม่รักก็คือไม่รัก อ้ายเองที่ดันทุรังอยู่ได้” ยิ้มขื่นแล้วก้มมองมือตนเอง พลันรู้สึกร้อนที่หน่วยตาจนต้องกระพริบถี่ คุณผู้หญิงของบ้านหลังใหญ่กำลังจะปลอบลูกสะใภ้แต่ร่างบางก็ชวนเปลี่ยนเรื่อง
“เราไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะ คุณแม่จะได้กินยาด้วย” คุณผู้หญิงเป็นโรคเบาหวาน ต้องกินยาตามหมอสั่งทุกครั้ง คนที่คอยดูแลก็มีอรนลินและเหล่าแม่บ้านคนสนิท คิดไม่ออกเลยว่าถ้าทั้งสองเลิกกันแล้วต้องอยู่บ้านคนเดียว ไม่มีเงาของลูกชายและลูกสะใภ้จะเป็นอย่างไร
อยากให้ทั้งสองคืนดีกัน แต่มันก็ยากเสียแล้ว เวลาห้าปีที่ปูรณ์ไปอยู่ต่างประเทศยิ่งเพิ่มช่องว่างให้คู่รักมากกว่าเดิม
ทำได้เพียงภาวนาให้รักที่ห่างไกลได้กลับมาใกล้กันอีกครั้ง
หวนคืนรักอีกครั้งก็คงจะดี...