บท
ตั้งค่า

บทที่๑...สู่จุดเริ่มต้น (๑)

บทที่๑...สู่จุดเริ่มต้น

รถกระบะแล่นเข้ามาภายในเขตรั้วของไร่ผลไม้ที่มีชื่อเสียงในแถบนี้ ป้ายไม้แกะสลักเอาไว้ด้านหน้าอย่างชัดเจน ‘ไร่คุณยายจันทร์’ เลื่องลือมากว่ายี่สิบปี มีผลไม้หลากชนิดหมุนเวียนตลอดทั้งปี ทั้งนำผลไม้สดไปขายตามตลาด

เปิดทัศนศึกษาทั้งยังให้ความรู้เกี่ยวกับเกษตรปลอดสารเคมีและเกษตรอินทรีย์ สอนทำน้ำหมักตามวิถีธรรมชาติ เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นสวนผักผลไม้แล้วยังเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนอีกต่างหาก โดยมีคนดูแลคือลุงน้อยกับป้าสายบัว และหลานที่เพิ่งขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งอย่างเด็กชายชัดเจน ผลเพิ่มพูน

หล่อนมองตามรายทางพลางกดกระจกให้เลื่อนลงก่อนจะสูดอากาศบริสุทธิ์ ไปอยู่เมืองหลวงหลายปีพอได้กลับมาอยู่บ้านเกิดก็เพิ่งรู้ว่าคิดถึงบรรยากาศธรรมชาติมากแค่ไหน จำได้ว่าเส้นทางนี้หล่อนสัญจรประจำยามต้องไปโรงเรียน

คิดถึงการตื่นเช้ามารับประทานอาหารฝีมือคุณยาย ได้กอดท่านและพูดคุยในแต่ละวัน ดวงตากลมโตสั่นไหวก่อนจะรีบปาดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลามาเศร้าเสียใจเพราะการกลับมาบ้านครั้งนี้เธอจะสร้างรากฐานให้มั่นคง

ต่อจากนี้คงต้องอยู่ตัวคนเดียว เป็นเสาหลักให้คนงานที่ส่วนมากเป็นชาวบ้านรับจ้างเก็บผลไม้รายวัน หรือเดือนไหนไม่มีเงินจ่ายค่าแรงสองลุงป้าก็พากันทำทุกอย่างเอง ดีหน่อยตรงที่ค่าน้ำค่าไฟหล่อนเป็นคนจ่าย

“ถึงแล้วครับคุณหนู” บ้านสีขาวหลังงามตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้ายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ด้านหน้าเป็นลานกว้างที่หญ้าตัดเรียบเสมอกัน บ่งบอกว่าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

สีของผนังที่คิดว่าคงจะหลุดลอกตามกาลเวลากลับยังสว่างเหมือนเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อวาน บ้านไม้สองชั้นสีขาวสร้างมากว่า 20 ปีตั้งแต่รุ่นคุณตาคุณยาย ท่านมีลูกสามคนซึ่งมารดาของหล่อนเป็นคนสุดท้อง ท่านรักลูกสาวคนเล็กมากทว่าเสียดายที่จากไปตั้งแต่อายุยังน้อย เหลือเพียงหลานสาวไว้ให้ดูต่างหน้า

หล่อนกลายเป็นหลานสุดที่รัก เมื่อคุณตาเสียชีวิตก็อยู่กันสองคนยายหลาน เพราะคุณลุงทั้งสองแยกย้ายไปมีครอบครัว ทำธุรกิจอยู่เมืองหลวงได้พบหน้ากันอีกทีก็เมื่อแบ่งสมบัติที่คุณยายทำพินัยกรรมไว้วันที่ท่านเสียชีวิต

ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะได้บ้านหลังนี้และสวนทั้งหมด ส่วนคุณลุงได้ที่ดินในเมืองหลวงซึ่งท่านพึงพอใจเป็นอย่างมาก ไม่ได้ต้องการบ้านสวนที่ทำกำไรไม่กี่แสนบาทต่อปี หรือบ้านหลังน้อยแห่งนี้

ทว่ามันคือความทรงจำที่มีความสุขของหญิงสาว เปรียบดั่งตัวแทนของคุณยายที่ยังอยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้

“คุณหนูของป้า คุณหนูกลับมาแล้ว” หญิงหุ่นท้วมเดินแกมวิ่งเข้ามาพร้อมจับแขนหล่อนเอาไว้ ลูบไล้ด้วยความคิดถึงเพราะเธอไม่ได้กลับมาบ้านเกือบสามปี อยู่เมืองหลวงทำงานให้ครอบครัวของสามีจนถึงจุดที่ทนไม่ไหวแล้ว

เธอให้เวลาเขามากเกินไป ห้าปีกับการรอคอยมันควรสิ้นสุดสักที คนไม่รักทำอย่างไรก็ไม่รัก จึงเลือกเดินจากมาแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ดีกว่า

“ป้าสาย อ้ายคิดถึงป้าสายจังเลยค่ะ” กอดท่านเอาไว้ด้วยความคิดถึง ป้าสายบัวเลี้ยงดูหล่อนมาตั้งแต่ตัวเล็กจนเติบใหญ่เป็นหญิงสาวที่สวยงามทั้งร่างกายและจิตใจ

ความอบอุ่นที่สัมผัสจากญาติผู้ใหญ่คนคุ้นเคยเรียกภาพวันวานกลับมาอีกครั้ง หลังกลับจากโรงเรียนมักเห็นป้าสายบัวมายืนรอรับด้านหน้า พร้อมขนมและน้ำหวานเลิศรส รอยยิ้มวันนั้นมันแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาไปได้อย่างไร หล่อนก็ไม่ทราบเหมือนกัน

“ป้าก็คิดถึงคุณหนูค่ะ แม่คุณของป้า ดูสิผอมเหลือเกิน ไม่ได้แล้วเดี๋ยวเย็นนี้ป้าต้องทำของโปรดคุณหนู อยากกินอะไรบอกป้าได้เลยนะคะ” เรื่องที่สำคัญของท่านคือการขุนเธอให้อ้วนท้วม ถึงจะรู้ว่ากินอย่างไรหญิงสาวก็ไม่น้ำหนักขึ้นไปมากกว่านี้ก็ตาม

เพียงเห็นอรนลินมีความสุขกับรสชาติอาหารของนางก็พอแล้ว

“เข้าไปในบ้านดีกว่าค่ะ เดี๋ยวให้ตาน้อยขนกระเป๋า ชัดเจนเอ๊ยมาช่วยตาเอ็งขนกระเป๋าหน่อยเร็ว” เรียกหลานชายเพียงคนเดียวที่ลูกสาวมาทิ้งไว้ให้เลี้ยงตั้งแต่เด็ก แล้วก็ไม่กลับมารับลูกเลย มีเพียงส่งเงินให้บางครั้งบางคราวเท่านั้น

หนุ่มน้อยเดินแกมวิ่งออกมาจากบ้าน พร้อมยืนตัวตรงไหว้คุณหนูด้วยความเคารพ ผู้มีอุปการะคุณส่งเสียตนเองเรียนจนถึงมัธยมศึกษา ลำพังเพียงแค่สองตายายคงไม่มีเงินให้หลานได้เรียนในที่ดีๆ แบบนี้หรอก

“สวัสดีครับคุณหนู” ใบหน้าหวานแย้มยิ้มเมื่อมองเด็กที่เติบโตขึ้นจนสูงเพียงไหล่หล่อนแล้ว เมื่อก่อนยังตัวเล็กวิ่งเล่นซนในไร่อยู่เลย

“โอ้โห ไม่เจอแป๊บเดียวโตเป็นหนุ่มแล้วเหรอเรา อีกอย่างไม่ต้องเรียกพี่ว่าคุณหนูหรอก เรียกพี่อ้ายก็พอ” เด็กชายพยักหน้าทันทีไม่ขัดสักนิด หล่อนมองแล้วยิ้มกว้างก่อนจะเดินขึ้นบ้าน ด้านหน้าเป็นระเบียงกว้างที่ชั้นหนึ่ง ปีกขวามีโต๊ะรับแขกไว้สำหรับจิบชาหรือนั่งเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์

ประตูไม้บานสีขาวสลักลวดลายสวยงามถูกเปิดออก ด้านซ้ายเป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ มีโซฟารูปตัวแอลวางไว้เป็นสัดส่วน ด้านขวาคือห้องรับประทานอาหาร เมื่อก่อนเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมทรงยาว ทว่าอรนลินให้เปลี่ยนเป็นโต๊ะกลมแทน

หล่อนเดินขึ้นไปบนบ้าน ก้าวไปยังห้องทางปีกขวาแทนห้องนอนของตนเอง เปิดประตูออกเสียงเบาแล้วกวาดตามองภายในห้องที่ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง

“ยายขา อ้ายกลับมาแล้วนะคะ” บอกเสียงเครือ จ้องมองรูปที่ตั้งโต๊ะเล็กข้างหัวเตียงด้วยแววตาสั่นไหว น้ำสีใสคลอจนต้องกระพริบตาถี่แล้วสูดลมหายใจค่อยผ่อนออกมา ท่านจากไปหลายปีแต่หล่อนก็ยังคิดถึง

ไม่มีใครดีเท่ายายจันทร์ของอ้ายแล้ว...

“ป้าเอากระเป๋าไว้ในห้องให้แล้วนะคะ คุณหนูพักผ่อนตามสบายได้เลยค่ะ” ป้าสายบัวเปิดประตูห้องของคุณยายจันทร์ออกแล้วบอกคุณหนูของบ้านเสียงเรียบ เธอพยักหน้าแล้วเดินไปยังห้องนอนของตนเอง

ทุกอย่างยังคงวางไว้เหมือนเดิม ถูกทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่องตั้งแต่วันที่โทรมาบอกว่าจะกลับมาอยู่ไร่ ได้ยินเสียงร้องด้วยความดีใจของลุงป้า ยิ้มทั้งน้ำตาเพิ่งคิดได้เดี๋ยวนั้นเองหล่อนจากบ้านมานานเหลือเกิน

ก่อนแต่งงานวาดฝันไว้ว่าชีวิตรักจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ใครเล่าจะคิดมันซ่อนหนามแหลมคมเอาไว้ เจ็บจนเดินต่อไม่ไหวต้องถอยออกมา ดีกว่าจะเดินต่อไปสร้างรอยแผลเหวะหวะจนรักษาไม่หาย

“เด็กน้อยจริงๆ เลยอ้าย” เปิดสมุดที่วางไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือ มันคือไดอารี่ที่หล่อนมักบันทึกชีวิตประจำวันเอาไว้ แล้วเรื่องราวข้างในก็พร่ำเพ้อถึงความรักที่มีต่อปูรณ์

อดีตสามีของหล่อน...

เรียกว่าอดีตนั่นแหละถูกแล้ว ถึงจะยังไม่ได้หย่ากันโดยสมบูรณ์แต่มันคงไม่ต่างอะไรในเมื่อชายหนุ่มทิ้งให้เธอนอนกอดทะเบียนสมรสกว่า 5 ปี รอคอยด้วยความหวังแล้วมันก็ถูกตัดขาดสะบั้น

คงมีแค่เธอที่รักเขาข้างเดียวมาตลอด

อ่านเรื่องราวตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน รอยยิ้มของพี่ชายข้างบ้านปรากฏขึ้นเมื่อหล่อนตกลงไปในลำคลอง เสียงหัวเราะของเขาที่ดังกังวาน ความทรงจำทุกอย่างผุดขึ้นเรื่อยๆ จนเผลอจับนิ้วนางข้างซ้ายของตนเองที่เคยมีแหวนเกลี้ยงเกลาสวมอยู่

ทว่าบัดนี้มันว่างเปล่า หล่อนตัดสินใจที่จะทิ้งรักครั้งนี้ไป ในเมื่อพี่ปูรณ์หันหลังให้กันนานแล้ว คงไม่ผิดที่เธอจะก้าวเดินต่อไปโดยไม่มีเขาเช่นกัน

อรนลินจัดการเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ หล่อนไม่ค่อยมีชุดมากมายจึงใช้เพียงตู้เดียวก็เก็บเสื้อผ้าได้หมด ต่างจากบ้านที่กรุงเทพฯ มีตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน ทุกอย่างสวยงามและอลังการมีแม้กระทั่งสปาในบ้านเพราะครอบครัวของเขาทำธุรกิจสปา

สบายกายแต่ใจนั้นร้อนรุ่ม ต่างจากตอนที่กลับมาอยู่บ้านไร่ สบายใจหายใจได้คล่อง ตัดสินใจถูกแล้วที่คิดจะหย่ากับเขา ความจริงหลังแต่งงานก็แทบไม่เคยอยู่ด้วยกัน

จึงไม่เคยได้ใช้ชีวิตคู่สักครั้ง...

“เฮ้อ เสร็จสักที” จัดการเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินไปนั่งบนเตียง มองบรรยากาศข้างนอกเห็นท้องฟ้าสดใส ต้นไม้พลิ้วไหวไปตามแรงลม หล่อนจึงลุกขึ้นแล้วเปิดประตูระเบียงออก ไปนั่งยังเก้าอี้หวายตัวยาว มองผ่านแมกไม้เห็นบ้านพักตากอากาศของบ้านป้องเกียรติคุณ

ไม่รู้ทำไมแค่เห็นหลังคาบ้านกลับคิดถึงเรื่องในอดีตอีกครั้ง บ้านพวกเขาติดกันเรียกว่าใช้รั้วเดียวกันดีกว่า

“แบบนี้จะลืมได้ไง” มานั่งเล่นทีไรก็เห็นหลังคาบ้าน จะมองวิวก็เห็นบ้านของอีกฝ่าย หล่อนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วเดินเข้าห้องปิดประตูรูดม่านจนทึบหมด ใบหน้าหวานเรียบเฉยติดเย็นชาค่อยล้มตัวนอนบนเตียง

ไม่ลืมหันหลังให้ระเบียง ถึงม่านจะปิดแต่ก็ไม่อยากเห็นอะไรทั้งนั้น

“ได้ใส่บาตรแล้วสบายใจขึ้นเลยค่ะ” เก็บของเข้าบ้านเมื่อใส่บาตรเรียบร้อย เมื่อก่อนคุณยายมักจะปลุกเธอแต่เช้าเพื่อให้ลุกมาช่วยเตรียมอาหารใส่บาตร จนติดเป็นนิสัยเสียแล้ว ถ้าวันพระก็หิ้วปิ่นโตไปวัดเพราะท่านไม่ออกบิณฑบาตทุกวันพระ

“เดี๋ยวอ้ายขอไปกรวดน้ำก่อนนะคะ” บอกป้าสายบัวแล้วเดินแยกออกไปกรวดน้ำใต้ต้นไม้ใหญ่

“เดี๋ยวป้าเอาอาหารขึ้นโต๊ะรอนะคะคุณหนู” หันมาพยักหน้าก่อนจะนั่งย่อลงแล้วเทน้ำลงบนพื้นดิน แผ่เมตตาให้แก่เทวดาที่รักษาคุ้มครอง ญาติที่ล่วงลับไปแล้วและเจ้ากรรมนายเวรของตนเอง เมื่อน้ำหมดแก้วจึงได้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

กำลังจะเดินเข้าบ้านก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาภายในบ้าน ดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับคนที่นี้จนเริ่มสงสัยแล้วว่าเป็นใคร

ดวงหน้าสวยจ้องคนมาใหม่นิ่ง ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อยืดคอปกและกางเกงสแล็คดูเป็นระเบียบ ผมถูกจัดเป็นทรงเผยใบหน้าคมเกลี้ยงเกลา รอยยิ้มถูกมอบให้หญิงสาวพลางจอดตรงหน้าหล่อน ดับเครื่องยนต์ลงทันที

“ผมมาหาลุงน้อยครับ แกอยู่หรือเปล่า” หล่อนพยักหน้าแล้วยิ้มตอบ

“อยู่ค่ะ เดี๋ยวฉันไปตามมาให้นะคะ คุณขึ้นไปนั่งรอที่ระเบียงก่อนก็ได้ค่ะ” ผายมือไปทางโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ระเบียงหน้าบ้าน

“ครับ ผมไม่คุ้นหน้าคุณเลย ไม่ทราบว่าคุณ...” เว้นวรรคเพื่อให้หญิงสาวได้บอกชื่อของตนเอง

หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อได้สบดวงตากลมโตทรงเสน่ห์คู่นั้น รอยยิ้มหวานยามส่งให้กันเล่นเอาหายใจสะดุดไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครจึงได้มาเดินเล่นในบ้านหลังนี้ มั่นใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อนสักครั้ง

ไม่อย่างนั้นคงตกหลุมรักไปนานแล้ว

“อ้ายค่ะ เป็นหลานของลุงน้อย” แนะนำตนเองสั้นและกระชับ

“อ้อ คุณอ้าย ผมชื่อเตชินนะครับ เรียกว่าเต้ก็ได้เป็นเกษตรอำเภอ ผมว่าจะเอาสูตรน้ำหมักมาให้ลุงน้อย” หล่อนตาวาวเมื่อได้ยินอย่างนั้น คุยกับคุณลุงเรื่องไร่พอจะรู้ว่ามีเกษตรอำเภอเข้ามาให้ความรู้ตลอด แถมคอยช่วยเหลือตลอด

“คุณนั่นเอง ฉันได้ยินว่ามีคนมาช่วยลุงเรื่องไร่ ยินดีที่ได้เจอนะคะ” เสียงหวานยามเอื้อนเอ่ย รอยยิ้มที่ส่งมาทำให้คนมองตกอยู่ในภวังค์ ไม่คิดว่าลุงน้อยจะมีหลานสาวน่ารักขนาดนี้

อยากบอกรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้า

“ครับ ผมก็ทำตามหน้าที่แหละครับ” บอกแก้เขิน ยกมือขึ้นเกาท้ายทอยของตัวเอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel