บท
ตั้งค่า

25.ต้องใช้ไม้อ่อน

เฟิงซีเดินจูงมือคนน้องไปที่เรือนด้านหลัง โดยมีน้องชายและคนสนิทเดินตาม ไม่นานนักก็แยกย้ายไปยังเรือนของตน โดยไม่ทันสังเกตว่ามารดายืนแอบฟังอยู่ที่มุมเรือนนานแล้ว ก่อนจะพากันออกมาหารือกับแม่นมในสวน

“นายหญิงเชื่อเรื่องที่คุณชายรองบอกหรือไม่เจ้าคะ” แม่นมเอ่ยถาม ก่อนจะประคองกันไปนั่งในศาลา ทว่าผู้เป็นนายกลับขืนตัวเอาไว้ แล้วหันกลับไปยังเรือนพักของตน มุ่งหน้าเข้าไปในห้องตำรา

กู้ฮูหยินใช้เวลาอยู่สักพัก แม่นมกุ้ยก็เรียกสาวใช้มาดูแลนายแทนตน ส่วนนางก็ออกจากจวน ผ่านไปเกือบชั่วยามก็กลับมา ก็ถึงเวลาอาหารแล้ว

“เรียบร้อยดีหรือไม่” ผู้เป็นนายเอ่ยถามทันทีเมื่อบ่าวรับใช้คนสนิทกลับมาถึง ยามนี้นางนั่งอยู่ในห้องทานอาหารผู้เดียว เพราะบุตรทั้งสองยังไม่ออกมา

“เจ้าค่ะ” ตอบเพียงเท่านั้นนางก็ขยับมายืนข้างผู้เป็นนาย เพราะคุณชายทั้งสองมาถึงแล้ว

“ท่านแม่ลูกคงอยู่ได้ไม่นาน ซือซือยังไม่คุ้นชินกับที่นี่ ลูกไม่อยากปล่อยนางไว้ลำพัง” เฟิงซีบอกก่อนจะนั่งลง

“กลัวนางจะถูกคนทำร้ายกระนั้นหรือ” ผู้เป็นแม่เอ่ยโดยไม่มองหน้าบุตรชายเลย มีเพียงรอยยิ้มที่มุมปากเท่านั้นที่เผยให้เห็น ทว่าคำตอบกลับทำให้นางชะงัก

“กลัวคนที่คิดจะรังแกนางเจ็บตัวมากกว่าขอรับ” เสียงเรียบของเฟิงซีทำเอามารดาถึงกับนิ่งไป ดูจากสีหน้าบุตรชายไม่ได้ห่วงเรื่องนี้จริง ๆ

“ท่านแม่คงยังไม่รู้ว่าซือซือนางเป็นหมอทหาร นางเก่งเรื่องต่อสู้มาก อาวุธที่นางใช้สามารถสังหารคนได้จากระยะไกล เพียงแค่ยิงออกมาครั้งเดียว หากเปรียบกับคนในยุคนี้ก็มือธนูเช่นอินสือขอรับ” หมิงซีเอ่ยกับมารดา

“เป็นสตรีเหตุใดจึงทำเรื่องเช่นนี้” น้ำเสียงของกู้ฮูหยิน บ่งบอกให้รู้ว่าไม่ชอบใจนัก

“ท่านแม่ภายภาคหน้าทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม สตรีจะไม่ได้อยู่แต่ในเรือนเช่นทุกวันนี้ พวกนางจะออกไปทำอาชีพเลี้ยงดูตนเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งบุรุษ ไม่มีการบังคับให้แต่งงานกับคนที่นางไม่เคยพบหน้า สตรีสามารถทำงานในราชสำนักได้ ออกความคิดเห็นบริหารบ้านเมืองได้ นางสามารถเปิดร้านอาหารหรือค้าขายได้โดยเสรี ที่สำคัญนางมีความรู้มากมายที่สามารถนำมาพัฒนาแว่นแคว้นของเรา ขอท่านแม่โปรดพิจารณาเรื่องนี้ด้วย” เป็นเฟิงซีที่เอ่ยร่ายยาวให้มารดาฟัง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ หมิงซีก็ยังไม่รู้ เขาจึงได้แต่นิ่งงัน ไม่คิดว่าภายภาคหน้าจะแตกต่างจากยามนี้มาก

“จริงหรือพี่รอง มีเรื่องใดอีกหรือไม่ข้าอยากรู้” หมิงซีวางถ้วยข้าวลง หันมาสนใจพี่ชายอย่างใคร่รู้ คนเป็นแม่ก็เอาแต่มองเขาไม่ต่างกัน เพียงแต่ไม่เอ่ยอันใด

เฟิงซีจึงบอกเล่าสิ่งที่คนน้องเอ่ยให้ฟัง ความรุ่งโรจน์ของยุคพันปีข้างหน้า ก่อนจะหยุดทุกอย่างลง เมื่อมีรายงานว่าแขกไม่ได้รับเชิญมาขอเข้าพบฮูหยินใหญ่ เพียงเท่านั้นสีหน้าของเฟิงซีก็เปลี่ยนไป

“ท่านแม่ลูกคงต้องขอตัวก่อน จากนี้ไม่ว่าจะได้ยินสิ่งใด ขอท่านแม่พิจารณาให้ดี ถึงอย่างไรลูกก็ไม่มีทางปล่อยมือจากซือซือ” เอ่ยจบเขาก็ลุกขึ้นคำนับมารดา เพราะผู้ที่มาคือชินหลิง สตรีที่เขาเริ่มจะชังน้ำหน้าขึ้นทุกวัน

เฟิงซีลุกยืนเต็มความสูง มีมารดาและน้องชายเงยมองใบหน้าบูดบึ้งของเขา จนหมิงซีถึงกับยิ้มแหย ดูท่าพี่ชายคงจะไม่ชอบผู้ที่กำลังเดินเข้ามาเป็นอย่างมาก พร้อมกับคำนับมารดา รวมถึงเขาและพี่ชาย ทว่าเฟิงซีกลับเดินสวนออกไปโดยไม่มองหน้าเลยสักนิด

สตรีตัวน้อยหน้าถอดสีทันที พร้อมกับมองตามพี่ชายเขาตาละห้อย สุดท้ายก็ต้องหันมาเผยรอยยิ้มให้มารดาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะนางทำเช่นนี้เสมอ

“ท่านป้า ชิงเอ๋อมาเยี่ยมท่านเจ้าค่ะ” เสียงหวานเอ่ยกับคนแก่เช่นเคย นางจึงถูกเชื้อเชิญให้นั่งเพราะอาหารถูกเก็บไปหมดแล้ว ส่วนหมิงซีนั้นยังคงอยู่เพื่อรอดูว่านางมาเพื่อการใด แต่จนแล้วจนรอดชินหลิงก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่เขาคาดการณ์ จึงเดาได้ไม่ยากว่านางคงไม่กล้าเอ่ยเพราะมีตนอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็จะเปิดทางให้นางก็แล้วกัน

“ท่านแม่มืดค่ำแล้วลูกขอตัวกลับไปพักก่อน ท่านแม่ก็อย่าคุยดึกนะขอรับ รีบกลับไปพักผ่อนหล่ะ” เอ่ยกับมารดา แล้วก็ลุกขึ้นโค้งให้คุณหนูเกาเล็กน้อยแล้วออกไป

“เจ้าเองก็เดินทางมากับขบวนของพี่เจ้าไม่ใช่หรือ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมป้าอีก ลำบากแย่เลย” กู้ฮูหยินเอ่ยเสียงอ่อนกับบุตรสาวของคนคุ้นเคย เพราะตนกับมารดาของชินหลิงไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง

“ไม่ลำบากเลยเจ้าค่ะ ชินเอ๋อมีเรื่องด่วนต้องรายงานท่านป้าด้วย เกี่ยวกับสตรีที่ท่านแม่ทัพพากลับมา นางเอ่อ” หยุดเสียงไว้เพื่อดูท่าทีของอีกฝ่าย

“เอ่ยมาเถอะ ป้าเองก็พอจะรู้แล้ว ยามนี้อยากรู้จากปากผู้อื่นดูบ้าง ฟังเพียงความข้างเดียวจากเฟิงซี อย่างไรเขาก็ต้องเอ่ยเข้าข้างนางอยู่แล้ว ป้าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด” นายหญิงของจวนเอ่ยกับผู้มาเยือน ชินหลิงยกยิ้มทันที

“เช่นนั้นท่านป้าฟังให้ดีนะเจ้าคะ สตรีนางนั้นมีมารดาเป็นหญิงคณิกาจริง ๆ มียายแก่มายืนยันกับท่านแม่ทัพที่เมืองตูแล้ว แต่ท่านแม่ทัพก็รักหลงนางมากเหลือเกินเจ้าค่ะ ไม่ยอมเชื่อท่าเดียวว่านางมีชาติกำเนิดเช่นนี้ ซ้ำยังพาเข้าจวนอีก หลานเกรงว่านางจะทำมนต์ดำใส่ท่านแม่ทัพ ทั้งคู่พบกันไม่ถึงเดือน ไยท่านแม่ทัพจึงรักหลงเพียงนี้ได้”

ชินหลิงรีบใส่ไฟกู้ฮูหยินเมื่อได้โอกาส เรื่องคูณไสยมนต์ดำเป็นสิ่งต้องห้ามในแคว้นนี้ ที่สำคัญทุกอย่างมันดูประจวบเหมาะ เพราะท่านแม่ทัพพึ่งพบกับมู่ซือซือจริง ๆ

ท่าทีของเฟิงซีก็ปกป้องนางจนไม่น่าจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา กล้าแม้กระทั่งต่อต้านมารดา ข้อคิดนี้ทำให้คนเป็นแม่ห่วงกังวลเป็นอย่างมาก ได้แต่นั่งนิ่งฟังชินหลิงเอ่ยถึงการกระทำและคำพูดของบุตรชายที่ทำกับนาง ซึ่งเฟิงซีไม่เคยเสียมารยาทกับผู้ใดเช่นนี้มาก่อน

“ก่อนจะมาเมืองหลวง ท่านแม่ทัพสั่งไม่ให้หลานเอาหน้ามาให้เขาเห็น ท่านป้า ก่อนนั้นพี่เฟิงซีไม่เคยหยาบคายเช่นนี้เลยนะเจ้าคะ ตั้งแต่มีสตรีนางนั้นเข้ามา เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน หลานเชื่อว่ากับท่านป้าเขาก็เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ ก่อนออกไปเขายังทำหน้าบึ้งตึงอยู่เลย” คนอยากให้เข้าใจผิดรีบเอ่ยใส่ไฟอีกครา หมายจะให้กู้ฮูหยินเฉดหัวสตรีไร้หัวนอนผู้นั้นออกจากจวนโดยเร็ว

“ขอบใจเจ้าที่บอกกล่าวเรื่องนี้กับป้า เห็นทีต้องจัดการให้เด็ดขาดเสียแล้ว นี่ก็ค่ำมืดเต็มที เจ้ารีบกลับเถอะนะ ป่านนี้ใต้เท้าเกาคงเป็นห่วงแย่แล้ว” เจ้าของจวนเอ่ยขึ้นบ้าง เมื่อเห็นว่าด้านนอกจุดคบไฟไว้นานแล้ว

“เช่นนั้นหลานกลับนะเจ้าคะ หากท่านป้าต้องการให้หลานช่วยอันใด ก็แจ้งมาได้เลย” ใบหน้างามตีหน้าเศร้าราวกับกังวลนักหนา ทว่าพอนางหันหลังให้เจ้าของจวน ริมฝีปากนี้ก็เผยยิ้มสาแก่ใจที่ได้ยั่วยุกู้ฮูหยิน ให้แคลงใจสตรีที่บังอาจมาแย่งบุรุษที่ตนหมายปอง

ภายภาคหน้าไม่มีทางที่มู่ซือซืจะอยู่เป็นสุขได้ และต่อไปก็ต้องส่งข่าวเข้าไปในวัง เพื่อให้ไทเฮาทรงรู้ ถึงยามนั้นต่อให้มู่ซือซือไม่ใช่บุตรของสตรีในหอนางโลม แม่ทัพกู้ก็ไม่มีทางรับนางเป็นภรรยาได้อย่างที่หวังเป็นแน่ เพราะไทเฮาต้องทรงไม่ยอมและขัดขวางจนถึงที่สุด

แม่ทัพหนุ่มจะต้องโทษฐานต่อต้านบุพการี หากเขายังรับนางไว้ในจวนโดยไม่มีความเห็นชอบของคนในครอบครัว ชินหลิงเชื่อว่าเฟิงซีไม่มีทางกระทำมันเด็ดขาด เพราะเขารักมารดาเป็นอย่างมาก 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel