24. ตอบแทนบุญคุณ
สิ่งที่นายหญิงใหญ่ของจวนเอ่ย ใช่ว่าทุกคนจะไม่เคยคิดในคราแรก แต่พอคลุกคลีนานเข้าจึงเชื่อสนิทใจว่าสิ่งที่ซือซือบอกกล่าวล้วนแต่น่าเชื่อถือ
“ท่านแม่คงจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนเกิดสุริยุปราคา ยามนั้นทั่วทั้งเมืองต้องจุดพลุไฟ ไล่สิ่งอัปมงคล มันเป็นช่วงเวลาที่ซือซือมีโอกาสได้กลับมายังยุคเราอีกครั้ง หลังจากนางไม่มีตัวตนในยุคนี้ถึงสิบหกปี ตอนที่จากไปนางอายุเพียงแค่เจ็ดหนาว เด็กตัวแค่นี้ไหนเลยจะจดจำเรื่องราวได้ ซือซือน่าสงสารมากนะขอรับท่านแม่ หากไม่ได้นางลูกก็ตายไปแล้ว” หมิงซีร่ายยาวบอกมารดา
“ส่วนเรื่องที่นางเป็นบุตรสาวของสตรีในหอนางโลม เรื่องราวยังไม่กระจ่างชัดนัก คราแรกลูกเองก็คิดว่ามารดาของซือซืออาจจะอยู่ในหอนางโลมที่ไหนสักแห่งจริง ๆ ทว่าพอมาถึงเมืองหลวงก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว เพราะชาวเมืองล่วงรู้เร็วเกินไป ราวกับมีคนตั้งใจจะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น อินสือ ลู่ถง ไปสืบมาให้แน่ชัด ข้าอยากรู้ว่าใช่คนที่เดินทางมากับเราปล่อยข่าวหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นข้าไม่เอาไว้แน่” นึกถึงใครบางคนที่ขอติดตามขบวนมาด้วย
เฟิงซีรู้ดีว่าชินหลิงอยากเป็นฮูหยินจวนสกุลกู้เพียงใด นางเปิดทางและเข้าหาเขาบ่อยครั้ง เมื่อยามที่ไปประจำการในเมืองตู คราหนึ่งเขาเกือบพลาดท่าร่วมห้องกับนาง ดีที่จางเหวิ่นมาพบเข้าเสียก่อนจึงพาออกมาได้ทัน จากนั้นมาเฟิงซีก็เว้นระยะห่างไม่คบหากับหรงจิน เพื่อเปิดทางให้น้องสาวเขาเข้าใกล้ได้อีก ถึงกระนั้นชินหลิงก็ยังเข้าหามารดาเขาในยามที่แม่ทัพหนุ่มออกตรวจตราตามค่ายทั่วทิศของแคว้น
นี่จึงเป็นเหตุให้เขาสั่งห้ามนางเข้าใกล้ก่อนที่จะเดินทางกลับมาเมืองหลวงในครานี้ ที่สำคัญไปกว่านั้นนางเข้าหามารดาเขาจนสนิทชิดเชื้อ อาศัยมาดูแลจนเกือบจะได้หมั้นหมายกันเมื่อปีก่อน หากเขาไม่ยื่นคำขาดกับมารดาและพี่สาว คงได้เกี่ยวดองกับสกุลเกาไปแล้ว
อีกอย่างเรื่องมารดาซือซือทำงานในหอนางโลมมีไม่กี่คนที่รู้ คนของเขาล้วนแต่ไว้ใจได้ ไม่มีทางเอ่ยเรื่องที่ทำให้ผู้เป็นนายเสื่อมเสียแน่ นึกมาถึงตรงนี้เขาก็สั่งคนของตนให้กลับไปเค้นเอาความจริงกับหญิงชราอีกรอบ อาจจะมีบางสิ่งผิดพลาดก็เป็นได้ เมื่อสั่งงานเสร็จเขาก็หันมาสนใจมารดาที่เอาแต่นั่งนิ่ง ดูท่าคงครุ่นคิดอยู่เป็นแน่
“ท่านแม่ เรื่องที่เอ่ยล้วนแต่จริงทุกอย่างนะขอรับ ลูกเองก็ไม่อยากเห็นท่านเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้ ทว่าให้ลูกทิ้งสตรีอันเป็นที่รัก ลูกก็ทำไม่ได้ขอรับ ซือซือไม่ได้ผิดอันใด ชีวิตนางน่าสงสารพอแล้ว หากไม่มีนางลูกและน้องสามคงไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้แล้ว” บอกมารดาเสียงอ้อน
เขาไม่เคยทำเช่นนี้เลยสักครั้ง ทำเอากู้ฮูหยินถึงกับทำตัวไม่ถูก เมื่อถูกบุตรชายผู้เงียบขรึมนั่งเกาะแขน พร้อมกับซบใบหน้าลงใช้มือลูบไปมาราวกับเด็กขอขนม
“พอแล้ว เอาแต่ยกเรื่องบุญคุณมาอ้าง หากข้าไล่นางออกไปก็คงเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณคนสินะ หากจะอยู่ที่นี่ก็อยู่ที่เรือนหลัง จนกว่าจะคลี่คลายเรื่องชาติกำเนิดได้ อย่าเอาหน้ามาให้ข้าเห็นเชียว” เอ่ยจบก็แกะมือบุตรชายออก แม้จะชอบใจที่เฟิงซีเป็นเช่นนี้ก็เถอะ
“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ ซือซือจะไม่สร้างความลำบากใจให้ท่านแม่ได้ขุ่นเคือง ทว่าหากมีคนอื่นมาสร้างเรื่อง ลูกสะใภ้ขออนุญาตไม่อยู่เฉยนะเจ้าคะ” ดักทางไว้ก่อน คาดว่าอีกไม่นานคนที่ปล่อยข่าวคงจะมาเยือนในไม่ช้า
กู้ฮูหยินมองตาขวางทันที เพราะไม่ชอบใจท่าทางของนางที่ดูแข็ง ๆ กิริยาก็กระด้างไร้มารยาท แม้จะมีท่าทีอ่อนน้อมก็เถอะ ไหนจะวาจาโผงผางและมักประดิษฐ์ถ้อยคำมากมายนั่นอีก ทำเอานางถึงกับพูดไม่ออกอยู่หลายครา
“อย่าทำให้สกุลกู้เสื่อมเสียก็พอ” เอ่ยจบก็ลุกขึ้นยืน เพื่อจะออกจากห้องโถงนี้ เพราะรู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางของบุตรชายที่เอาแต่ส่งสายตามองสตรีอันเป็นที่รัก
“ลูกสะใภ้จะไม่ทำให้ผิดหวังเจ้าค่ะ” ตอบรับเสียงหวานก่อนจะยิ้มแป้นใส่จนกู้ฮูหยินต้องถอนหายใจแรง พร้อมกับชำเลืองมองสตรีที่บุตรชายพึงใจ และทุกคนที่อยู่ในห้อง ซึ่งมีสีหน้าระรื่นขึ้นมาต่างจากคราแรก
“พวกเจ้ามันร้าย” ตำหนิทั้งนายและบ่าวจบก็เดินออกจากห้องโถง แต่ละคนจึงเผยยิ้มออกมา
“ดีจริง อย่างน้อยท่านแม่ก็ยอมรับพี่สะใภ้เข้าจวนแล้ว จากนี้ก็ขึ้นกับฝีมือพี่สะใภ้แล้วนะขอรับ” หมิงซีรีบเอ่ย
“เรื่องนี้อย่าพึ่งวางใจ เรามาถึงยังไม่ทันเข้าจวน ข่าวของซือซือก็แพร่สะพัดก่อนแล้ว จะว่าเป็นเพราะคนของชินหลิงปล่อยข่าว มันก็ดูรวดเร็วเกินไป” เฟิงซีเอ่ยในสิ่งที่ตนสงสัย จากสถานการณ์ตอนที่เขามาถึง เหมือนชาวเมืองที่มุงดูกว่าครึ่งจะรู้เรื่องนี้แล้วจากนั้นก็บอกต่อกัน
“นั่นสิ ข่าวแพร่สะพัดเร็วเพียงนี้ อีกไม่นานไทเฮาคงทราบเรื่องเป็นแน่ ถึงยามนั้น” หมิงซีเงียบเสียงลง ทุกคนต่างก็หันมามองหน้าสตรีตัวน้อยเพียงคนเดียวในห้องโถง
คิ้วสวยผูกกันเป็นปมทันที มองกวาดแต่ละคนจนมาหยุดที่แม่ทัพหนุ่ม ซึ่งมีสีหน้ากังวลไม่น้อยไปกว่าผู้อื่น จึงพอจะเดาออกว่าอาการเช่นนี้เกิดจากอะไร
“ที่ทุกคนเงียบเพราะเกรงว่าหากไทเฮารู้ พระนางจะสั่งคนลงมือกับข้าหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามในสิ่งที่ทุกคนกำลังคิด เป็นจริงเช่นที่นางกล่าว หากไทเฮารู้ไม่มีทางปล่อยให้สตรีมีมลทินเข้ามาอยู่ในตระกูลแน่
“แม่นางเดาออกได้เยี่ยงไร” เจิ้งเทาเป็นผู้เอ่ยถาม
“เรียนรู้จากบันทึกประวัติศาสตร์ คนในราชวงค์หรือขุนนางชั้นสูง ล้วนแต่ห่วงชื่อเสียงของสกุลตนมาก ต่อให้สังหารคนเพื่อความคงอยู่ก็ยินดีทำ เดาได้ไม่ยากเจ้าค่ะ ข้าคือตัวอัปมงคลของสกุลกู้ในยามนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ผู้มีอำนาจมากอย่างไทเฮาจะปล่อยไป”
กล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่มีท่าทีตื่นกลัวสักนิด ทำเอาบุรุษทั้งหลายที่ยังอยู่ในห้องนี้ต่างก็นิ่งงัน ไม่คิดว่าสตรีตัวน้อยจะรู้มากถึงเพียงนี้ และยังเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ดี
“ซือซือ พี่จะปกป้องเจ้าด้วยชีวิต พี่เป็นคนพาเจ้ามาจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าเป็นอันใดไปเด็ดขาด” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อนโยนก่อนจะลุกมารั้งเอาคนน้องมากอด
“อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้เติบโตในยุคนี้ เรื่องยอมให้ผู้มีอำนาจกดขี่ข่มเหงไม่มีในหัวแน่ ที่สำคัญใครคิดจะลงมือกับข้า คงต้องผ่านสิ่งนี้ไปก่อน” บอกพร้อมกับตบลงที่ต้นขาของตน ด้านในเป็นที่รัดขามีซองไว้เสียบปืน เป็นจุดที่นางเก็บอาวุธนี้ติดตัว อีกข้างก็เป็นซองเสียบแม็กกาซีน ซึ่งซือซือเตรียมไว้เช่นนี้ตั้งแต่ออกเดินทางเพียงลำพัง
แม้ต่อมาจะอยู่ในขบวนของแม่ทัพกู้ นางก็ยังเก็บสิ่งนี้ติดตัว เพราะมันอุ่นใจกว่า ไม่เพียงแต่มีไว้ปกป้องตนเอง ทว่ามันยังช่วยปกป้องคนรอบตัวที่ดีกับนางด้วย และเฟิงซีก็อยากให้นางเก็บมันไว้กับตัวเช่นกัน
“อย่างไรก็อย่าประมาทล่ะ ต่อให้เจ้ามีอาวุธร้ายพวกนี้ ยุคของเรามักจะวางยาเพื่อสังหารคน โดยเฉพาะคนในวัง จงจำไว้ให้มั่นเข้าใจหรือไม่” เฟิงซีกำชับคนน้อง เรื่องนี้ทุกคนต่างก็กังวลเฉกเช่นท่านแม่ทัพ
“เจ้าค่ะ” ตอบรับก่อนจะยิ้มหวานส่งให้คนตัวโต ทำเอาเฟิงซีถึงกับต้องยิ้มตาม ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเบา ๆ
“เช่นนั้นก็กลับเรือนกันเถอะ พี่อยากอาบน้ำพักเต็มทีแล้ว พวกเจ้าก็ด้วย ขอบใจมากนะที่ช่วยเกลี้ยกล่อมท่านแม่ จนกว่าจะสืบข่าวท่านแม่ยายได้ เราคงต้องวุ่นวายกันอีกพักใหญ่เป็นแน่” เอ่ยกับทุกคน ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักยังเรือนของตน ซึ่งเฟิงซียังให้คนย้ายข้าวของไปยังเรือนหลัง เพราะเขาไม่มีทางยอมให้คนน้องอยู่ลำพัง
#ขอบคุณรี้ดที่รออ่านนิยายไรท์นะคะ วันนี้รู้สึกแย่นิดหน่อย เพราะเจอเม้นของรี้ดที่บอกว่านิยายมันไม่สัมพันกัน อ่านแล้วงง นางเอกก็ไม่เก่ง และบรรยายเล่าเรื่องจริงบ่อย รี้ดบอกไม่สนุก
ไรท์เองก็ไม่รู้ว่าต้องให้นางเอกเก่งขนาดไหน บนพื้นฐานความจริงคนเรามันจะเก่งทุกอย่างก็คงไม่ได้ นางเอกก็เหลือแค่หายตัวได้แล้ว จะให้น้องเก่งเกินผู้ชาย งั้นจะมีพระเอกไว้ทำไม