17. ยอมรับ
หมิงซีรับรู้ดีว่าตนเสียโอกาสไปตั้งแต่ยอมปล่อยให้นางเดินทางต่อผู้เดียวแล้ว ทว่ายามนั้นเขาก็บาดเจ็บ จะให้เดินทางร่วมด้วยก็คงไม่ได้ จะให้รั้งนางอยู่ นางก็คงไม่ยอมเป็นแน่ เมื่อคิดแล้วก็คงเพราะโชคชะตาที่ทำให้เขาพลาดโอกาสได้ทำความคุ้นชินกับนาง
“อืม ข้าเข้าใจ พี่รองเหมาะสมกับนางที่สุดแล้ว ข้าเชื่อว่านางจะต้องมีความสุขมากที่มีพี่ชายข้าดูแล” เอ่ยกับคนสนิทเสียงเบา ยินดีกับทั้งคู่เพราะพี่ชายเขาก็ยังไม่มีใคร หากซือซือทำให้อีกฝ่ายรักได้มารดาตนคงหมดห่วงเป็นแน่
หลังจากยืนรออยู่พักหนึ่ง แม่ทัพกู้ก็พาซือซือออกมา พร้อมคนสนิทที่เดินตามคอยอารักขา ส่งนางนั่งขึ้นรถม้าเสร็จ คนที่เหลือก็บังคับม้าประกบข้าง
ผู้คนในเมืองต่างก็ให้ความสนใจกับขบวนของแม่ทัพหนุ่ม ซึ่งชาวเมืองตูต่างก็คุ้นหน้าเขา เพราะเฟิงซีพำนับอยู่ในเมืองนี้เกือบสามปีในช่วงที่กอบกู้บ้านเมืองได้สำเร็จ บางครายังมีคนใหญ่คนโตนำลูกสาวมามอบให้ ขอเพียงได้เป็นอนุแม่ทัพใหญ่ของแคว้นก็ดีใจแล้ว
ทว่าเฟิงซีไม่เคยตบปากรับคำผู้ใดเลย พอมาวันนี้เขามีสตรีเดินเคียงข้าง จึงทำให้ทุกสายตาหันมาสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะท่าทางสนิทสนมของนางที่มีให้กับบุรุษหลายคน พูดคุยหัวเราะยามเห็นสินค้าที่วางขาย นางทำราวกับว่าไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“พี่ลู่ถง สิ่งนี้มีไว้ทำอันใดหรือ” เอ่ยถามคนสนิทของแม่ทัพ พร้อมกับชูแท่งขนาดเล็กมีแฉกสามแฉก ดูเหมือนส้อมในยุคปัจจุบัน แต่ซือซือก็อยากถามให้แน่ใจ
“กระดูกสัตว์ มีไว้สำหรับจิ้มอาหาร” เป็นแม่ทัพหนุ่มที่เดินมายืนซ้อนหลังตอบคำถาม ซือซือรีบวางมันลงทันที พร้อมกับยิ้มแหยมองข้าวของที่วางอยู่เบื้องหน้า ดูท่าทุกอย่างที่เห็นคงมาจากกระดูกสัตว์ทั้งหมดแน่
“เราไปทางนั้นกันเถอะเจ้าค่ะ” บอกก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป เพราะเกิดอาการขนลุกขึ้นมาดื้อ ๆ
“อย่าเดินไปทั่ว เดี๋ยวก็หลง” บอกพร้อมกับกุมมือเล็กเอาไว้ ซือซือจึงหันมายิ้มบางส่งให้เขา ก่อนจะเดินนำทุกคนไปร้านนั้นที ร้านนี้ที โดยมีแม่ทัพหนุ่มและน้องชายพร้อมด้วยคนสนิทเป็นองครักษ์ให้
ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม ทั้งหมดก็กลับเข้าจวน หมิงซีเองก็พักอยู่ที่นี่ จึงได้รู้ว่าพี่ชายกับซือซือพักอยู่ในห้องเดียวกัน มาถึงตรงนี้เขาก็รู้แล้วว่าตนนั้นไม่มีหวัง จึงได้แต่ยินดีกับความสุขของพี่ชาย ครานี้คงมีภรรยากับเขาเสียที
“ข้ามาช้าไปจริง ๆ” ตัดพ้อในโชคชะตาของตนเอง ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกาย
ด้านห้องของเฟิงซี เขาพึ่งอาบน้ำเสร็จ พอเดินออกมาก็มองคนตัวเล็กที่นอนกระดิกขาอยู่บนเตียง
“เหนื่อยหรือ” เดินเข้ามาก่อนจะเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน พร้อมกับเอื้อมมือมาลูบปอยผมนางอย่างเบามือ
“อืม เหนื่อยมากเลยเจ้าค่ะ” บอกตามจริง เพราะเดินทางมาก็มากกว่าครึ่งวันแล้ว มาถึงก็ออกไปตะลอนเในเมืองอีก ถึงกระนั้นก็ยังไม่เห็นสิ่งที่คุ้นตาเลย
มือเล็กยกขึ้นวางทับมือเรียวที่กำลังลูบแก้มเนียน เผยยิ้มบางให้เขา ในใจรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก
“ขอบคุณนะเจ้าคะ ขอบคุณทุกสิ่งที่ท่านแม่ทัพทำให้” เอ่ยจบก็กุมมือเขามาแนบริมฝีปากลงบนหลังมือ
“หากจะขอบคุณ เปลี่ยนจากตรงนี้ เป็นตรงนี้ได้หรือไม่” เอ่ยพร้อมกับชี้นิ้วมาที่ริมฝีปากตน
ซือซือยิ้มให้กับคนขี้อ้อน ก่อนจะออกแรงดึงให้เขาโน้มลงมาหาตน เพียงเท่านั้นแม่ทัพหนุ่มก็ไม่รอช้า แนบริมฝีปากประกบลงดูดเม้มความนุ่มหยุ่นทันที
แม่ทัพหนุ่มไม่รีรอที่จะสอดลิ้นสากแทรกเข้าไปด้านใน ซึ่งคนใต้ร่างก็ตอบรับเป็นอย่างดี เพราะคนตัวโตดีกับนางมาก หากไม่มีเขาไม่รู้ยามนี้ตนจะไปโผล่ที่แคว้นไหน จึงหมายจะมอบจูบแสนหวานเพื่อตอบแทนให้
ทว่าพอร่างแกร่งเบียดตัวเข้าหาคนตัวเล็กมากไป มังกรที่หลับสนิทมันก็ตื่นเต็มที่จนดุนดันด้านล่าง ซือซือสัมผัสได้ในทันที จึงเกิดอาการต่อต้านขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะตื่นกลัวเรื่องที่จะตามมาหากนางยอมเขาง่าย ๆ
มารดาของตนเป็นใครไม่รู้ อยู่หรือตาย หากยอมเขาจนเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาคงไม่ดีนัก ภายภาคหน้าอาจจะถูกกดขี่เป็นเพียงอนุก็ได้ ถึงตอนนั้นชีวิตนี้คงหาความสุขไม่ได้แน่ หลายสิ่งหลายอย่างตีตื้นขึ้นมา
แม้แม่ทัพหนุ่มจะเอ่ยไว้แล้วว่าจะแต่งตนเป็นฮูหยิน แต่คำคนไหนเลยจะเชื่อได้ คำพูดมันก็แค่ลมปากเท่านั้น คิดได้เช่นนี้มือเล็กก็เริ่มออกแรงดันอีกฝ่าย บางคราก็ใช้มือทุบตีเขาให้ได้สติ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยากเพราะไฟมันได้ก่อติดแล้ว
ทว่า เขาก็ยังยอมผละริมฝีปากออกจากนาง พร้อมกับใช้สายตาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร เพราะด้านล่างเขามันปวดหนึบทรมานเหลือเกิน
“ซือซือ” ส่งเสียงเว้าวอนหวังให้คนน้องเห็นใจ
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้ายังไม่พร้อม ท่านแม่ทัพจะออกไปหาสตรีข้างนอกก็ได้นะเจ้าคะ” บอกเขาเสียงเบา ปากก็อยากเอ่ยคำตรงกันข้าม เพียงแต่ซือซือไม่อาจตอบสนองเขาได้ในยามนี้ แม้จะอยู่ในยุคปัจจุบันที่มีเสรีเรื่องเซ็กส์ ทว่านางก็ยังรู้จักรักตนเองอยู่
“เช่นนั้นเจ้าก็นอนเถอะ” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะขยับลงจากเตียง ทำเอาใจดวงน้อยกระตุกวูบสั่นรัวทันที พร้อมกับสายตาตัดพ้อที่ส่งออกมาโดยไม่รู้ตัว คิดว่าแม่ทัพหนุ่มคงออกไปหาสตรีเพื่อปลดปล่อยความต้องการเช่นที่ตนบอก
“เด็กโง่ อย่าทำหน้าเช่นนี้ พี่จะไม่เอามังกรนี้ไปมุดถ้ำผู้ใดเด็ดขาด จะรอสำรวจเพียงถ้ำของเจ้าเท่านั้น พี่จะไปจัดการมันที่ห้องอาบน้ำ เจ้านอนเถอะ”
เอ่ยจบเขาก็โน้มตัวลงมาจุมพิตที่หน้าผากนางเบา ๆ ก่อนจะเดินหลบหายไปที่ห้องด้านข้าง ซึ่งเป็นส่วนที่ใช้อาบน้ำ โดยมีสายตาของซือซือมองตาม
“ข้าขอโทษ ไม่น่าไปปลุกอารมณ์เขาเลย เจ้ามันคนไม่ดีซือซือ” ตำหนิตนเองเสียงเบา ก่อนจะนอนกลิ้งไปมา
ในใจก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้คนตัวโตเกิดกำหนัด แต่ไม่อาจช่วยให้เขาปลดปล่อยได้ รวมถึงคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่ ไม่คิดว่าแม่ทัพหนุ่มจะจริงจังกับตน จนไม่ยอมออกไปหาสตรีด้านนอกเช่นที่นางบอก
“ท่านชอบข้าจริง ๆ หรือแม่ทัพกู้” ตั้งคำถามกับตนเอง หวนนึกถึงประวัติศาสตร์ที่ตนเคยอ่านมา บอกเล่าถึงวีรบุรุษของแคว้นอัน หนึ่งในนั้นก็คือกู้เฟิงซี
ทว่าไม่มีคำบอกเล่าที่เอ่ยถึงครอบครัวเขาเลย รับรู้เพียงว่าเขารักสันโดษไม่มีภรรยา เพียงแต่เนื้อหาที่เขียนถึงเขามันอยู่ในช่วงอายุยี่สิบแปดปี แต่ยามนี้เขาสามสิบแล้ว เท่ากับว่าประวัติศาสตร์เอ่ยถึงแค่ช่วงนั้น
ไม่รู้ภายภาคหน้าเขาจะมีครอบครัวหรือไม่
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ซือซือก็นึกหวั่นใจ หากตนคบหากับเขาจนถึงขั้นแต่งงานและมีลูกสืบสกุล อนาคตภายหน้าจะมีสิ่งเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ ยิ่งนึกก็ยิ่งกลัว ทว่าความคิดทุกอย่างก็ได้มลายหายไปสิ้นเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้น
“อ๊า!...ซือซือ…เมียจ๋า” คนจากห้องด้านข้างเปล่งเสียงครางดังลั่น ทำเอาคนที่กำลังคิดเรื่องต่าง ๆ ถึงกับดีดตัวลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับใบหน้าที่มันเห่อร้อนขึ้นมา