บท
ตั้งค่า

11. หงุดหงิด

เฟิงซียังคงยืนอยู่ที่หน้าตั่ง ซึ่งมีร่างเล็กของซือซือนั่งอยู่ พร้อมกับเอ่ยถามเสียงเรียบ

“กินยาสิ แล้วยาทาเจ้าไม่มีกระนั้นหรือ” ถามคนเจ็บเสียงเรียบ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบย่ามของนางมาถือ ราวกับตนจะรู้ว่ายาตัวไหนที่ใช้กินและทาสำหรับอาการเช่นนี้

“ข้าหยิบเองเจ้าค่ะ” บอกเขาพร้อมกับยื่นมือมารั้งกระเป๋ามาถือไว้เอง เพราะเกรงว่าคนตัวโตจะเห็นบางสิ่ง

เขาคงสงสัยจนอดถามไม่ได้เป็นแน่ นึกมาถึงตรงนี้แก้มเนียนใสก็แดงเรื่อขึ้นมา ก่อนจะรั้งเอากระเป๋ามาถือเอง จึงได้เห็นสายตาไม่พอใจของอีกฝ่ายที่ส่งมาให้

“เจ้ามีความลับอันใดอีก” แม่ทัพใช้เสียงกดต่ำอีกครา พร้อมกับหรี่ตาลงจับผิดคนตัวเล็ก

“มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผู้หญิง เอ่อ…สตรีน่ะเจ้าค่ะ” บอกเสียงเบา พร้อมกับกะพริบตาถี่ ทำเอาเฟิงซีถึงกับนิ่งไป ก่อนจะเดินผละออกมาหาคนของตนที่ยืนอยู่รอบโต๊ะ หากเขายืนอยู่ตรงนี้นานเกินคงทำสิ่งใดไม่ถูกแน่

“ด้านล่างมีเรื่องใดเกิดขึ้นหรือไม่” นั่งลงแล้วก็ถามคนของตน ทว่าสายตาเขาก็ยังคอยเหลือบมองสตรีตัวน้อย

“ไม่มีขอรับ ดูท่าพวกมันคงหวาดกลัวอาวุธของแม่นางน้อยผู้นี้เป็นแน่” อินสือเอ่ย เรื่องของสตรีแปลกหน้าเขาได้เล่าให้สหายฟังแล้ว และยังกำชับว่าต้องปิดเป็นความลับ ไม่เช่นนั้นนางคงมีชีวิตที่ไม่ปลอดภัยนัก

“นั่นสิ หากเป็นยามปกติพวกมันต้องส่งคนมาอีกรอบแล้ว แต่ครานี้กลับไม่มีแม้แต่หน่วยสอดแนมเลยสักคน” เป็นลู่ถงที่เอ่ยสำทับคำของสหาย หลังจากที่รับรู้เรื่องราวของสตรีตัวน้อย และที่สำคัญนางก็งามยิ่งนัก

องครักษ์หนุ่มที่ติดตามผู้เป็นนายมาตั้งแต่เด็กจึงอดไม่ได้ที่จะลอบมองนางอยู่บ่อย ๆ ซึ่งกำลังก้มทายาที่ข้อเท้า ก่อนที่สายตาเขาจะสะดุดเข้าที่แผ่นหลังของท่านแม่ทัพ ที่เดินไปนั่งลงตรงหน้านาง ก่อนจะแย่งเอาแท่งสีฟ้าที่มีของเหลวไหลออกมาจากรูขนาดเล็กมาถือไว้เอง

“สิ่งนี้คือยาในยุคเจ้ากระนั้นหรือ” เพราะรูปทรงแปลกของมันประหลาดยิ่งนัก แม่ทัพหนุ่มจึงได้แต่จับพลิกไปมา

“เจ้าค่ะ ยาทาแก้ปวด สำหรับแผลภายนอก ปวดบวมช้ำจำพวกนั้น มีไว้ทาห้ามกิน” บอกเขามือก็นวดข้อเท้าไปด้วย เฟิงซีก็เอาแต่สังเกตดูว่านางทำเช่นไร

“ท่านแม่ทัพ จางเหวิ่นเดินทางมาถึงแล้วขอรับ” ทหารด้านล่างขึ้นมารายงาน ก่อนที่ร่างสูงของท่านหมอประจำหน่วยของแม่ทัพจะเดินเข้ามาพร้อมกับคนสนิทของหมิงซีที่ตามมาด้วยหนึ่งคน เพื่อรายงานข่าวกับท่านแม่ทัพ

“คาราวะท่านแม่ทัพขอรับ” เอ่ยกับนายอีกคน ก่อนจะมองเลยไปยังสตรีตัวน้อยที่นั่งก้มหน้าทำบางสิ่งอยู่

“แม่นางซือซือ นั่นเจ้าใช่หรือไม่” เปล่งเสียงออกไปถามในทันที พร้อมกับก้าวเดินเข้าไปใกล้เพื่อดูให้แน่ชัด

“ใต้เท้าจินหาน ท่านมาได้อย่างไร” เอ่ยถามบุรุษที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้ นางส่งยิ้มบางให้เขาโดยไม่ได้คิดอะไร

“เป็นเจ้าจริง ๆ เหตุใดจึงมาอยู่กับท่านแม่ทัพได้ แล้วนี่เจ้าบาดเจ็บกระนั้นหรือ” จินหานถามทันทีเมื่อเห็นข้อเท้านางบวมและแดง ดูท่าคงจะเจ็บมากเป็นแน่

“แค่อุบัติเหตุเล็กน้อยเท่านั้น ข้าไม่เป็นอันใดหรอก” บอกก่อนจะยิ้มบางส่งให้เขาอีกรอบ ทว่าครานี้ที่ข้อเท้ากลับมีมือเรียวของผู้ที่นั่งอยู่บีบจนรู้สึกเจ็บ “อ๊ะ!” ร้องเสียงหลง ก่อนจะถลึงตาดุใส่คนตัวโตตรงหน้า

เฟิงซีไม่ได้เอ่ยอันใด เขาลุกเดินเลี่ยงไปนั่งที่โต๊ะเพื่อหารือกับคนของตนที่ส่งไปสืบข่าวยังต่างเมือง

“แม่นางผู้นี้เป็นใครกัน” จางเหวิ่นเอ่ยถามสหาย เพราะเห็นท่าทีของผู้เป็นนายดูใส่ใจนางมาก เขาไม่เคยเห็นอากัปกิริยาเช่นนี้ของท่านแม่ทัพมาก่อน

“เอาไว้ข้าจะเล่าให้ฟัง” อินสือตอบสั้น ๆ

“จินหานทางนั้นได้ข่าวว่าอย่างไร” เสียงกดต่ำดังขึ้น ทำให้ผู้ที่พึ่งเดินทางมาถึงต้องรีบหันมาตอบ

“ใต้เท้าบาดเจ็บขอรับ ทว่าดีขึ้นมากแล้ว” เพราะไม่รู้ว่าคนตัวเล็กบอกเล่าเรื่องราวให้ท่านแม่ทัพฟังหรือไม่ เขาจึงไม่ได้ระบุว่าหมิงซีถูกคมอาวุธจากคนร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะเกรงว่านางจะไม่ยินดีให้คนรู้

“หมิงซีมีวรยุทรสูง เหตุใดจึงเกิดเรื่องได้” ถามเสียงหนัก เพราะน้อยนักที่น้องชายเขาจะบาดเจ็บ

“เอ่อ เรื่องนี้” จินหานหันมาสบตากับสตรีตัวน้อย ทำเอาเฟิงซีรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

“ข้าถามเจ้า ไยต้องหันไปมองนาง” น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มดังจนสตรีนางเดียวในห้องสะดุ้ง เพราะไม่คุ้นชิน

“ใต้เท้าถูกกลุ่มโจรยิงอาวุธใส่ขอรับ พอดีแม่นางซือซือผ่านมาพบเข้า นางจึงยื่นมือมาช่วย ก่อนที่จะเดินทางไปเมืองตู แต่ดูท่าเจ้าคงจะหลงทางสินะ จึงได้มาโผล่ที่นี่”

ประโยคหลังยังไม่วายเย้าผู้ที่เคยช่วยชีวิตตน ก่อนจะยิ้มอบอุ่นส่งให้นาง ซึ่งซือซือก็ยิ้มตามเช่นกัน

“ก็แผนที่ที่พวกเจ้าให้มาไม่ได้ระบุเส้นทางเลยสักนิด ดีแค่ไหนที่ข้าไม่ได้ไปโผล่ยังแคว้นอื่น” เอ่ยเป็นเรื่องตลก เพราะซือซือรู้สึกสนิทใจกับกลุ่มของหมิงซีมากกว่า แม้คราแรกจินหานจะตั้งแง่กับตนก็เถอะ

ทว่ายามนี้ใครบางคนกำลังย่นคิ้วผูกเป็นปม จนคนสนิทหน้าเสีย แต่ก็ยังมีใครบางคนที่เอาแต่แอบมองนาง นั่นคือฟูเล่อองครักษ์หนุ่มที่ได้รับการรักษาจากซือซือ

“ข้าหิวแล้ว เรื่องอื่นเอาไว้คุยทีหลัง พวกเจ้าก็ไปหาอะไรกินเสีย แล้วค่อยลงไปหารือกันข้างล่าง” ออกคำสั่งเสียงเข้ม และยังส่งสายตาคมดุไปที่คนสนิทของน้องชาย

“ไปเถอะจินหาน เจ้าพึ่งเดินทางมาถึง คงจะเหนื่อยมากเป็นแน่ ที่นี่อาหารอร่อยมากนะ” อินสือเดินมารั้งเอาคอสหายที่ไม่ได้พบกันนานออกไปนอกห้อง โดยที่อีกฝ่ายก็ขืนตัวไว้เพราะอยากคุยกับสตรีตัวน้อยต่อ

“เอาไว้เราค่อยคุยกันใหม่นะซือซือ” บอกกับคนตัวเล็กก่อนจะเดินตามแรงดึงของสหายออกจากห้องไป เหล่าคนสนิทของเฟิงซีจึงรีบลุกตาม ลู่ถงรีบประคองฟูเล่อที่เอาแต่มองสตรีตัวน้อยไม่วางตา

เคร้ง!! เป็นที่มาของเสียงถ้วยชากระทบเข้ากับถาด ทำเอาคนที่กำลังก้าวเดินออกไปสะดุ้งกันเป็นแถว อินสือต้องรีบหันกลับมารั้งเอาคนเจ็บออกจากห้อง ไม่ต่างจากลู่ถง ที่พอจะมองออกว่าเพราะเหตุใดผู้เป็นนายจึงได้ดูหงุดหงิดและอารมณ์ร้ายเพียงนี้

‘อะไรของเขา หรือดุลูกน้องแบบนี้เป็นประจำ’ นึกในใจเกี่ยวกับการกระทำของคนตัวโต พร้อมกับมองเขาตาปริบ ๆ ก่อนที่แม่ทัพหนุ่มจะลุกเดินเข้ามาหา และนั่งลงตรงหน้านาง ซึ่งเท้าเล็กยังยื่นออกมาอยู่ในท่าเดิม

“สตรียุคเจ้าไร้ยางอายเช่นนี้ทุกคนหรือ พูดคุยกับบุรุษหัวร่อต่อกระซิกกันราวกับเป็นคู่รัก ทั้งที่เจ้าก็บอกเองว่าพึ่งพบเจอกันเมื่อไม่นานมานี้ หึ!” เสียงหยันเปล่งออกมา

พร้อมกับสายตาดูถูกสตรีตรงหน้า ทำเอาซือซือถึงกับหน้าแดงก่ำ เพราะไม่ชอบในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยแม้แต่น้อย

“ใช่ คนในยุคข้าเป็นเช่นนี้ เราสามารถพูดคุยคบหากับใครก็ได้ไม่ว่าหญิงหรือชาย ไปเที่ยว ไปกินอาหาร โดยที่ไม่มีใครมานั่งคิดถึงเรื่องควรหรือไม่ควร เพราะทุกคนล้วนแต่รู้ขอบเขตของตน ไม่ใช่มานั่งกะเกณฑ์ชีวิตใครเช่นคนยุคนี้ หรือดูถูกผู้อื่นซึ่งหน้า ทั้งที่พึ่งเจอกันเพียงแค่วันเดียว ข้าจะไปจากที่นี่ ต่อให้ข้าต้องเดินทางทั้งเดือน ทั้งปี ข้าก็จะไป ไมมีทางอยู่ให้คนเช่นท่านดูถูกเป็นแน่” กล่าวจบก็ตั้งท่าลงจากตั่ง ทว่านางกลับถูกกดให้นอนราบลงเสียก่อน พร้อมกับร่างแกร่งที่ทาบทับลงมา 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel