บทที่ 6 กล้ำกลืน
น้ำเสียงที่เยียบเย็นแฝงไปด้วยความดุดันและความไม่พอใจ แม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่สูงกว่า แต่ซูจินเยว่ก็รับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าเขาในยามนี้ช่างกราดเกรี้ยวเสียยิ่งนัก
“บังเอิญเจ้าค่ะ” ซูจินเยว่ได้แต่ก้มหน้าก้มตาตอบเขา และนั่นทำให้บุรุษเบื้องหน้ารู้สึกโกรธมากเสียยิ่งกว่าเดิม
“เจ้า!” ซูเว่ยหงขยับกายเข้าประชิดร่างบางด้วยความโมโห ยามนี้เขาโกรธนางจนต้องขบกรามแน่นแค่นเสียงภายในลำคอ
“ท่านพี่ซู จินเยว่ ชักช้าอยู่ไยกันเล่าประเดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดเสียหมด” จางหลิงลี่เอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นว่าสองพี่น้องสนทนากันนานเกินไป
“อืม”
เสียงของจางหลิงลี่เป็นเสมือนผู้ช่วยชีวิตซูจินเยว่ หลังจากที่ผู้เป็นพี่ชายละสายตาจากนาง แล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ท่ามกลางอาหารมากมายที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะกว้าง
“หลิงลี่เจ้ามาแล้วหรือ” ซูจินเยว่เอ่ยถามสหายรักหลังจากที่เดินไปหย่อนกายลงบนเก้าอี้ข้างกายของซูเว่ยหง
“ไม่นานเท่าใดนัก ข้าเพิ่งจะจิบชาไปจอกสองจอกพวกเจ้าก็มาถึงแล้ว” จางหลิงลี่วางกาน้ำชาในมือลง ก่อนจะหันไปหยิบกาสุราเพื่อรินสุราให้กับซูเว่ยหง บุรุษมักจะชอบดื่มสุราพร้อมกับอาหารเป็นเรื่องที่สตรีเข้าใจเป็นอย่างดี
“ท่านพี่ซู สุราที่นี่ขึ้นชื่อนัก ท่านอาของท่านสายตากว้างไกลดีจริง ๆ หลังจากวันนี้พวกท่านกับข้าคงจะไม่ได้มานั่งที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้อีกนานโข ท่านดูสิ” จางหลิงลี่ชี้นิ้วลงไปยังด้านล่างที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายรอคอยที่จะได้เข้ามาเยือนโรงเตี๊ยมแห่งนี้
“ข้าก็ว่าเช่นนั้น”
ซูเว่ยหงพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะรับจอกสุรามาจากมือของจางหลิงลี่ เขาไม่รอช้าที่จะกระดกสุราร้อนลงคอจนหมดจอก ทั้งที่ในใจนั้นเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและโมโห แต่จำต้องอดกลั้นเพราะจางหลิงลี่หาใช้คุณหนูธรรมดาที่เขาจะหักหน้าได้ตามใจ เพราะนางมีท่านน้าเป็นพระสนมกุ้ยเฟย เขาจึงไม่อยากให้ผู้เป็นบิดาพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“ท่านพี่ซู ผ้าไหมของท่านงดงามยิ่งนัก”
“เจ้าชอบก็ดี หากวันหน้ามีผ้าใหม่เข้ามา ข้าจะให้คนไปแจ้งแก่เจ้า” ซูเว่ยหงบอกแก่คุณหนูจางก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายหยิบกาสุรามาไว้ข้างกายแล้วรินสุราด้วยตัวเอง
เวลาภายในโรงเตี๊ยมนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า มีเพียงซูจินเยว่และจางหลิงลี่ที่เอ่ยถ้อยคำสนทนากันแต่เพียงเท่านั้น ส่วนผู้เป็นพี่ชายของนางเอาแต่ร่ำสุราไม่พูดไม่จาใด ๆ แม้แต่ใบหน้าของซูจินเยว่เขาก็ไม่ผินมอง นางเข้าใจเป็นอย่างดีว่ายามนี้บุรุษข้างกายคงโกรธแค้นนางเป็นยิ่งนัก นี่นับว่าเป็นครั้งที่สองแล้วที่นางยอมโอนอ่อนเพื่อหลอกลวงให้เขามาพบจางหลิงลี่ตามแผนการ
จางหลิงลี่ทอดสายตามองบุรุษด้านหน้าด้วยความพินิจ ซูเว่ยหงนับเป็นบุรุษที่งดงามไม่น้อยไปกว่าสกุลใด แต่สตรีข้างกายกลับงดงามเสียจนไร้เค้าโครงความละม้ายคล้ายคลึงกับผู้เป็นพี่ชายจนผิดแปลกไป ส่งให้จางหลิงลี่อดคิดไม่ได้ พี่น้องคู่นี้ใบหน้าไม่เหมือนกันเลยสักนิด
“ท่านพี่ซู ซูจินเยว่ จะว่าไปพวกท่านหน้าตาไม่เหมือนกันเลยสักนิดนะเจ้าคะ ถ้าข้าไม่รู้จักพวกท่าน ข้าคงจะคิดว่าท่านกับจินเยว่เป็นคู่รักกันเสียอีก” จางหลิงลี่ยังคงสังเกตใบหน้าของทั้งคู่ด้วยความสงสัย
แค่ก แค่ก
ถ้อยคำบอกกล่าวที่เหมือนจะเป็นการพูดเย้าหยอกกลับทำให้ซูเว่ยหงและซูจินเยว่สำลักน้ำชาและสุราออกมาพร้อม ๆ กัน
แต่เมื่อจางหลิงลี่คิดขึ้นมาได้ว่าเรื่องที่นางคิดช่างเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมยิ่งนัก นางจึงรีบเอ่ยขอโทษทั้งสองในทันที
“ท่านพี่ซู จินเยว่ ข้าขออภัย เป็นข้าที่คิดไม่ดีเอง”
“ข้าไม่ถือสา”
ซูเว่ยหงเป็นฝ่ายตอบจางหลิงลี่ ก่อนที่เขาจะสนใจแต่กาสุราจนพร่องลงไปหลายกา แต่ทว่ายังคงนิ่งขรึมสงบนิ่งราวกับว่าที่ดื่มเข้าไปนั้นเป็นน้ำสะอาดมากกว่าสุรา ภายในใจของเขายามนี้เต็มไปด้วยความอัดอั้นและอยากจะเอ่ยถามซูจินเยว่ให้รู้ความว่าทั้งหมดที่นางกระทำลงไปนั้นเพื่อการใด
นี่เป็นครั้งที่สองที่นางแสร้งทำดีกับเขาเพื่อล่อลวงให้ออกมาพบกับจางหลิงลี่ แต่ทว่าเมื่อกลับจวนนางกลับผลักไสไล่ส่งเขาเสียอย่างนั้น เดิมทีซูจินเยว่ไม่ใช่สตรีที่จะก่อเรื่องวุ่นวายให้กับเขาถึงเพียงนี้ การกระทำของนางทำให้ซูเว่ยหงรู้สึกเคลือบแคลงไม่น้อย
บรรยากาศการรับประทานอาหารภายในโรงเตี๊ยมเป็นไปด้วยความสงบสลับกับการเอ่ยถามเพียงไม่กี่ประโยค จนถึงเวลาที่จะแยกย้ายกันกลับจวน โดยที่ระหว่างทางภายในรถม้าก็ยังคงเงียบสนิท ซูเว่ยหงเบนสายตาออกไปยังบานหน้าต่างและไม่คิดจะหันมาสบตากับซูจินเยว่เลยแม้แต่น้อย
ทางด้านของซูจินเยว่นางย่อมรู้ดีว่ากระทำสิ่งใดลงไปที่ทำให้ผู้เป็นพี่ชายมีท่าทีที่เคืองขุ่นเช่นนี้ นางจึงเลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ ไปตลอดทั้งทางอย่างไร้บทสนทนา เมื่อกลับถึงจวนต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับเรือนของตน
เรือนของซูเว่ยหง…
ซูเว่ยหงกลับมายังเรือนของตัวเองด้วยความคับข้องใจ ร่างหนากำยำเปลื้องอาภรณ์ขนสัตว์ออกด้วยเพราะไม่จำเป็นต้องคลายหนาวอีกต่อไป ทั้งอารมณ์ที่คุกรุ่นจนเลือดพลุ่งพล่าน ทั้งฤทธิ์สุราร้อนแรงทำให้เขาไม่ต้องการมันอีกต่อไป
“อาชวน เตรียมน้ำให้ข้าที”
“ขอรับ คุณชาย”
ซูเว่ยหงที่เปลือยอาภรณ์ท่อนบนจนเหลือเพียงกางเกงสีขาวบางเบานั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรอคอยให้อาชวนจัดเตรียมน้ำให้เขาแช่กายคลายความร้อนรุ่มภายในจิตใจ จังหวะการหายใจของเขายามนี้ไม่สม่ำเสมอเท่าใดนัก สิ่งที่นางกระทำนั้นรบกวนจิตใจของเขาเป็นอย่างหนัก
“คุณชาย เชิญด้านในขอรับ”
อาชวนบ่าวรับใช้คนสนิทผายมือให้ผู้เป็นนายเดินเข้าไปยังอ่างอาบน้ำใบโต และรอคอยที่จะขัดเนื้อตัวให้คุณชายของเขาดังเช่นทุกวัน
“อาชวน ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยว่เอ๋อร์ถึงกระทำกับข้าเช่นนี้” ซูเว่ยหงเอ่ยกับอาชวนเมื่อไม่รู้ว่าตัวเองควรจะปรึกษาเรื่องนี้กับผู้ใดดี
“เอ่อ…” อาชวนได้แต่อึกอัก เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณชายเอ่ยนั้นหมายถึงสิ่งใด
“ช่างเถอะ อาชวน ช่วงนี้ซูจินเยว่ทำกระไรบ้าง”
เมื่อดูเหมือนว่าอาชวนจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขาเอ่ยถามซูเว่ยหงจึงโบกมือราวกับให้ลืมคำถามแรกไปเสีย ก่อนจะเอ่ยถามคำถามใหม่ในทันที
“ข้าก็ไม่แน่ใจเท่าใดนัก เพียงแต่คุณหนูมักจะไปพบฮูหยินบ่อยครั้งยิ่งนัก”
สิ่งที่อาชวนบอกกล่าวทำให้ซูเว่ยหงครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ไหนแต่ไรมาซูจินเยว่ไม่ได้เข้าพบมารดาของเขาบ่อยครั้งเช่นนี้ หรือว่าสิ่งที่นางกระทำเกี่ยวข้องกับมารดาของเขา
“คุณชาย คืนนี้จะไปเรือนของคุณหนูซูหรือไม่ขอรับ”
เรื่องอื่นอาชวนอาจจะไม่รู้เท่าใดนัก แต่เรื่องที่คุณชายของเขามักจะแอบย่องไปยังเรือนของคุณหนูซูอยู่เป็นประจำเกือบทุกค่ำคืนนั้นเขารับรู้มาเป็นอย่างดี
“กำลังคิดอยู่ ประเดี๋ยวนางก็ไล่ข้าออกมาอีก” ซูเว่ยหงได้แต่พ่นลมหายใจ แต่คิดไปคิดมาก็นับว่าเป็นการดีที่เขาจะได้รู้ว่าสิ่งที่นางกระทำเกี่ยวข้องกับผู้เป็นมารดาหรือไม่
“คุณชาย อาชวนพูดกระไรหน่อยได้หรือไม่”
“ว่ามา”
“คุณชาย ยามนี้คุณหนูซูเติบโตเข้าสู่วัยสาวแล้ว การที่คุณชายแอบเข้าไปเรือนของนางในทุกค่ำคืนคงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะเท่าใดกระมัง แม้คุณชายจะมีศักดิ์เป็นพี่ชายของนางก็ตามที แต่อีกไม่นานนางก็ต้องแต่งงานออกเรือนไปกับบุรุษที่เพียบพร้อม หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปคงไม่เป็นการดี อีกอย่างบ่าวไพร่ในเรือนนั้นรู้ดีว่านางไม่ใช่น้องสาวสายเลือดเดียวกับท่าน”
“หรือที่นางทำตัวเหินห่างกับข้า นั่นเป็นเพราะนางมีบุรุษภายในใจแล้วจริง ๆ”
เมื่อพูดจบซูเว่ยหงก็หยัดกายขึ้นจากอ่างอาบน้ำในทันที เขาหยิบเสื้อคลุมที่อาชวนเตรียมไว้ให้มาสวมใส่แบบลวก ๆ ก่อนจะเดินดิ่งออกไปจากเรือนมุ่งตรงสู่เรือนของซูจินเยว่ในทันที
อาชวนได้แต่ส่ายใบหน้าให้กับคุณชายของเขา เติบโตด้วยกันมานานมีหรือที่เขาจะไม่หยั่งรู้ว่าภายในใจของคุณชายซูนั้นเป็นอย่างไร
สิ่งที่เขาตักเตือนไปเมื่อครู่หาได้ผ่านเข้าไปภายในสมองที่ชาญฉลาดของผู้เป็นนายเลยสักนิด