บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 สหาย

หลังจากจัดเตรียมของขวัญเสร็จแล้วอันหลิงหยุนและอันหลิงหยวนก็ขึ้นรถม้าออกจากจวนกั๋วกงในทันที

ขณะนี้ที่จวนแม่ทัพหลิวเมิ่งหลีกำลังเตรียมของบางอย่างอยู่ในห้องครัวกับเหมยเหม่ย หลังจากที่เมื่อวานนางอยากทานเต้าหู้ผัดมะเขือเทศแต่ปรากฎว่าคนที่นี่ไม่รู้จักเต้าหู้

ก่อนกลับจวนนางจึงแวะร้านขายอาหารแห้งได้ซื้อถั่วเหลืองมาจำนวนมากราวสองกิโลเห็นจะได้ เหมยเหม่ยแม้จะไม่รู้ว่าคุณหนูของนางจะนำถั่วเหลืองเหล่านี้มาทำอะไรแต่นางก็ยังตั้งตารออย่างอยากรู้อยากเห็น

ปกติแล้วหลังจากวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้าหลิวเมิ่งหลีจะหิ้วน้ำเต้าหู้กลับมาดื่มก่อนไปทำงานอยู่เสมอ ตอนค่ำนางก็ยังทำเต้าหู้ผัดมะเขือเทศทานเป็นประจำ

พอข้ามมาอยู่ในภพนี้ไม่คิดเลยว่าเต้าหู้จะยังไม่เกิดหลิวเมิ่งหลีคิดอยู่ครู่หนึ่ง การคิดค้นเต้าหู้ในจีนโบราณนั้นเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น และยังมีคำกล่าวอีกว่ามีมาตั้งแต่สมัยขงจื้อแล้ว

แต่หลิวเมิ่งหลีนั้นเชื่ออย่างหลังมากกว่าเพราะโดยทั่วไปพัฒนาการของราชวงศ์อู่นั้น คล้ายคลึงกับพัฒนาการของสมัยฉินและฮั่นซึ่งยังไม่มีการคิดค้นเต้าหู้ ก็ถือว่าสมเหตุสมผล

หลิวเมิ่งหลียกยิ้มมุมปากถ้าอย่างนั้นก็ให้ข้าหลิวเมิ่งหลีคนนี้เป็นผู้ริเริ่มคิดค้นให้กำเนิดเต้าหู้ในยุคนี้เถอะ!

อันหลิงหยุนและอันหลิงหยวนมาถึงจวนแม่ทัพหลิวพ่อบ้านนั้นก็รายงานว่าคุณหนูกำลังเล่นอะไรไม่รู้อยู่ในครัวทั้งสองนางก็พลันมีสีหน้า ประหลาดใจ

รบเร้าพ่อบ้านจวนหลิวให้นำทั้งสองไปยังครัวของจวนแม่ทัพหลังจากที่เดินมาถึงพวกนางก็เห็นหลิวเมิ่งหลีกำลังโม่ถั่วอย่างจริงจังอยู่

ทั้งสองมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็พากันเดินวนรอบหลิวเมิ่งหลีและเหมยเหม่ยสองสามรอบ ไม่คิดเลยว่าถั่วแช่น้ำกับน้ำที่โม่ออกมาจะเป็นสีขาวและมีกลิ่นคาวเช่นนี้

อันหลิงหยุนนั่งลงด้านข้างของหลิวเมิ่งหลีพร้อมพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็น "อันนี้ดื่มได้ไหม?”

เนื่องจากกลิ่นถั่วค่อนข้างแรงเล็กน้อย อันหลิงหยวนจึงก้าวถอยออกไปมองอยู่ไกลๆ ร่างเล็กเอามือบีบจมูกไม่อยากที่จะสูดดมมากจนเกินไป

หลิวเมิ่งหลีพยักหน้าเอ่ยขึ้นมา “แน่นอนว่าทานได้เจ้ารอให้ข้าทำเสร็จก่อนข้าจะให้เจ้าชิม"

“ทานได้จริงหรือข้าว่ากลิ่นคาวไปหน่อยนะ....” อันหลิงหยวนยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด บีบจมูกอยู่ไกลๆ มองดูด้วยท่าทางรังเกียจและสงสัยว่าสิ่งนี้มันกินได้งั้นเหรอ

หลิวเมิ่งหลียิ้มโดยไม่พูดอะไรนางทำเสียงจิ๊จ๊ะ หลังจากที่นางพยายามโม่จนเสร็จแล้วนั้นก็นำก็น้ำถั่วดิบที่ได้มาไปต้ม เวลาผ่านไปไม่นานน้ำถั่วดิบเริ่มเดือดรอบบริเวณครัวก็เริ่มมีกลิ่นแปลก ๆ ลอยหอมฟุ้งออกมา

อันหลิงหยุนและอันหลิงหยวนก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันทีพร้อมกับสูดดมกลิ่นเข้าไปอย่างแรง เหมยเหม่ยก็ตาส่องแสงเป็นประกายก่อนจะพูดว่า “คุณหนูเจ้าขากลิ่นหอมมากเลยเจ้าค่ะ"...

หลิวเมิ่งหลียกยิ้มอย่างภูมิใจ “เจ้ายังไม่ไปหยิบถ้วยมาอีก หยิบมาเผื่อคุณหนูอันทั้งสองด้วยแล้วก็หยิบน้ำตาลก้อนมาด้วย"

เหมยเหม่ยรีบวิ่งไปหยิบนํ้าตาลก้อนและถ้วยอีกสี่ใบมาให้ทันทีหลิวเมิ่งหลีเห็นว่าน้ำเดือดได้ที่แล้ว จึงตักน้ำเต้าหู้ออกมาใส่ถ้วย จากนั้นก็เติมน้ำตาลก้อนลงไป

“มาสิพวกเจ้าทั้งสอง มาลองชิมดู เหมยเหม่ยเจ้าชิมดู”

คุณหนูอันหลิงหยุนและคุณหนูอันหลิงหยวนและเหมยเหม่ยทั้งสามคน จ้องหน้ากันทันทีพลางหยิบนํ้าเต้าหู้ทั้งสองถ้วยขึ้นมา

“อื้มหืม..คุณหนูกลิ่นหอมอบอวลมากเลยเจ้าค่ะ” เหมยเหม่ยสูดดมกลิ่น ก่อนจะพูดเชยชมขึ้นมาดวงตาเป็นประกาย

อันหลิงหยุนยกถ้วยน้ำเต้าหู้ขึ้นมาเป่า แล้วค่อยๆ จิบชั่วขณะต่อมานางก็ทำปากจ๊อบแจ๊บ พร้อมแสดงท่าทีประหลาดใจ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นเสียงดังด้วยท่าทางตื่นเต้น

“คุณหนูหลิวน้ำเต้าหู้นี่รสชาติดีมากๆ เลย!”

อันหลิงหยวนมองดูคนทั้งสองจากนั้นก็เริ่มชิมหนึ่งอึก ตอนแรกก็ขมวดคิ้วหลังจากผ่านไปครู่หนึ่งสีหน้าของนางก็ปรากฏความประหลาดใจขึ้นมาเช่นกัน

"เมื่อสักครู่ยังกลิ่นไม่ดีอยู่เลย พอผ่านการเคี่ยวแล้วนี่มันทั้งหอมทั้งอร่อย อร่อยมากๆ"

หลิวเมิ่งหลีมองดูทั้งสามคน จากนั้นนางก็ตักใส่ชามแล้วยกขึ้นมาดมกลิ่นที่หอมคลุ้งพลางหวนคิดไปถึงยามเช้าที่ออกไปวิ่งแล้วหิ้วกลับมาพร้อมปาท่องโก๋ตัวใหญ่ที่โลกปัจจุบันของตนก็พาให้หัวใจห่อเหี่ยว

หญิงสาวหลับตาลงค่อยๆ ลิ้มรสด้วยท่าทีสง่างามนางหลับตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนที่มุมปากเล็กสีชมพูระเรื่อจะยกขึ้นอย่างมีความสุขและเอ่ยว่า

“ในเมื่อวันนี้พวกเจ้าทั้งสองมาเยือนข้าถึงจวน ข้าจะทำเต้าหู้ให้พวกเจ้าทานแล้วกัน"

อันหลิงหยุนขมวดคิ้ว "นี่ยังทำเป็นอาหารได้ด้วยหรือ?"

"นั่นสิ แล้วรสชาติจะออกมาเป็นอย่างไรนะข้าชักสนใจแล้วสิ!" อันหลิงหยวนเองก็สงสัย

"คุณหนูเจ้าคะหากนำไปประกอบอาหารก็จะเป็นเต้าหู้ผัดไข่ที่ท่านกล่าวถึงใช่หรือไม่เจ้าคะ?"

หลิวเมิ่งหลีที่กำลังยกน้ำเต้าหู้ขึ้นดื่มเมื่อได้ยินคำถามของเหมยเหม่ยหญิงสาวก็ถึงกับสำลักออกมา “แค้กๆ แค้กๆ"

"คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะบ่าวพูดผิดอย่างนั้นหรือเจ้าคะ?" เหมยเหม่ยเห็นผู้เป็นนายไอไม่หยุดก็รีบวางถ้วยแล้วมาลูบหลังให้นางพร้อมกับเอ่ยถาม

หลิวเมิ่งหลียกมือขึ้นโบกไปมา "ไม่ใช่ๆ สิ่งที่พวกเจ้าดื่มกันนี้มันเรียกว่าน้ำเต้าหู้ ไม่ใช่เต้าหู้หากแต่จะทำเต้าหู้นั้นต้องเป็นขั้นตอนต่อไปตอนนี้พวกเจ้าก็ดื่มน้ำเต้าหู้นี้ไปก่อนแล้วกัน"

พูดจบหลิวเมิ่งหลีก็ยกน้ำเต้าหู้ขึ้นมาดื่ม อืม ต้มน้ำเต้าหู้ที่นี่ครั้งแรกถือว่าออกมาได้ไม่เลวเลย

ถือว่ายังมีรสชาติดั้งเดิมอยู่

ทั้งสามคนนั้นก็ดื่มจนหมดถ้วย แต่รสชาติความอร่อยก็ยังคงไม่สิ้นสุด สีหน้ายังคงหวนคิดถึงรสชาตินั้นอยู่

แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้ดื่ม แต่รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ยังคงค้างอยู่ในคอไม่รู้จบ ทำให้ทั้ง สามคนยากที่จะลืมเลือน

หลังจากดื่มน้ำเต้าหู้เสร็จหลิวเมิ่งหลีก็ได้เริ่มลงมือทําเต้าหู้แล้ว

ในห้องครัวนี้มีดีเกลืออยู่แล้ว เพราะแบบนี้จึงทําเต้าหู้ออกมาได้สําเร็จในเวลาเพียงไม่นานก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว

ราชวงศ์นี้น่าสนใจมาก เพราะที่นี่มีนาเกลือปรากฏให้เห็นแล้ว ในยุคจีนโบราณสิ่งนี้จะปรากฏเฉพาะในราชวงศ์ซ่งใต้เท่านั้น

แน่นอนเมื่อมีนาเกลือก็ต้องมีดีเกลือ ดีเกลือมีส่วนผสมของแมกนีเซียมคลอไรด์ แมกนีเซียมซัลเฟต และโซเดียมคลอไรด์ ซึ่งมันจะตกผลึกมาหลังจากนำเกลือไปตากแดด และทําหน้าที่เป็นตัวทําให้โปรตีนในน้ำเต้าหู้เสียสภาพธรรมชาติของมันไป

ดังนั้นเราสามารถทําเต้าหู้รับประทานได้บ่อย ครั้ง ถึงต่อให้ไม่มีดีเกลือก็สามารถใช้น้ำผักดอง ทําเต้าหู้ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวล แต่เนื้ออาจจะไม่ เนียนละเอียดและอร่อยเท่าทำด้วยดีเกลือเท่านั้นเอง

เมื่อเต้าหู้เป็นรูปเป็นร่างหลิวเมิ่งหลีจึงยกออกจากเตาแล้วปิดฝา จากนั้นใช้ความร้อนที่เหลือในหม้อเพื่อทําการอุ่น

รอจนกระทั่งความร้อนที่เหลืออยู่หายไป จากนั้นจึงเปิดฝา ในระหว่างกระบวนการทำทั้งหมดทั้งสามคนก็ยืนอยู่ด้านข้างเฝ้าดูด้วย ความสนใจ

"คุณหนูหลิวเจ้าช่างแตกต่างจากข่าวลือมากจริงๆ" อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้นด้วยความชื่นชม

"ข่าวลือมีมูลคนถึงร่ำลือ ส่วนหนึ่งก่อนนี้ข้าติดเที่ยวเล่นทำตัวอิสระ แต่ตอนนี้ข้าต้องทำตัวดีดี ท่านพ่อของข้าจะมาแล้วเพื่อนท่านพ่อของข้าข้าย่อมไม่อาจเที่ยวเล่นได้แล้ว" หลิวเมิ่งหลีเอ่ยพลางสำรวจเนื้อเต้าหูพลาง

"ดังนั้น ดังนั้นจากนี้ไปพวกเรามาเป็นสหายกันเถอะดีหรือไม่?" อันหลิงหยวนใช้ความกล้าทั้งหมดเอ่ยจุดประสงค์ของพวกตนออกมา

หลิวเมิ่งหลียิ้ม มองพี่น้องสองคนตรงหน้าแล้วพูด

"หากพวกเจ้าไม่กลัวคุณหนูสูงศักดิ์พวกนั้นรังเกียจที่มาคบกับข้า ข้าย่อมยินดี"

หลิวเมิ่งหลีคนก่อนเพื่อองค์ชายรองและเพื่อการเข้าร่วมกลุ่มกับเหล่าคุณหนูชั้นสูงเหล่านั้นแล้วนางทุ่มเทไปมากมายเสียจริงๆ

แต่หลิวเมิ่งหลีคนนี้ ปกติก็ไม่ค่อยมีเพื่อนอยู่แล้วเพราะการเป็นนักสืบชีวิตก็ไม่ค่อยจะว่างไปสร้างความสัมพันธ์กับใครเลยทำให้คุ้นชินกับการใช้ชีวิตสันโดษไปเสียแล้ว

"ปกติพวกข้าสองคนก็ไม่คิดที่จะสนใจคุณหนูพวกนั้นอยู่แล้ว พวกเราชอบฝึกดาบ ฟาดฟัน เข้ากับคุณหนูพวกนั้นไม่ได้หรอก" อันหลิงหยุนเอ่ย

"เช่นนั้นตกลงตามนี้แล้วกันพวกเราสามคนเป็นสหายรักกันนับจากนี้ไป" อันหลิงหยวนกล่าว

"ไม่ได้ไม่ได้ จะเป็นสหายกันทั้งทีต้องมีสุรา เหมยเหม่ยไปหยิบสุรามาเร็วเข้า!"

..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel