ตอนที่ 9 ต้อนรับสหายทั้งสอง
เมื่อเหมยเหม่ยได้ฟังดังนั้นเด็กสาวก็รีบวิ่งแจ้นออกไปหาพ่อบ้านในทันที ในเวลาไม่นานเหมยเหม่ยก็วิ่งกลับมาพร้อมกับไหสุราดอกท้อไหนหนึ่ง
"คุณหนูเจ้าขาพ่อบ้านบอกว่า เพื่อเป็นการร่วมยินดีกับคุณหนูทั้งสามที่เป็นสหายกันพ่อบ้านให้สุราที่ดีที่สุดของจวนแม่ทัพหนึ่งไหเจ้าค่ะ "
"ดีเลย มานี่เป็นเต้าหูที่เสร็จสมบูรณ์แล้วพวกเจ้าลองชิม จ้ายังมีอีกมากเจ้าจะนำกลับจวนกั๋วกงไปฝากท่านย่าของเจ้าด้วยก็ได้นะ" หลิวเมิ่งหลีพูดขึ้นอย่างใจกว้าง
"จริงหรือคุณหนูหลิว?" อันหลิงหยวนตื่นเต้น
"เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้วนะ ขอเยอะหน่อยท่านย่าของข้าต้องชอบแน่ๆ" อันหลิงหยุนพูด
"อืม เอาไปเถอะ ข้ายังมีอีกมากหากพวกเจ้าชอบข้าจะทำให้ทานอีก" หลิวเมิ่งหลีกล่าวพลางตักเต้าหู้ใส่กล่องสามชั้นส่งให้สาวใช้ของหญิงสาวทั้งสอง
พร้อมกันนั้นนางก็ยกออกมาวางบนโต๊ะหน้าห้องครัวจากนั้นทั้งสี่คนต่างก็นั่งลงล้อมวง
สุราดอกท้อถูกรินลงถ้วยทั้งสี่ถ้วยหญิงสาวทั้งสี่ยกสุราขึ้นมาสูดดมอย่างอดใจรอไม่ไหว "สุรานี้คือสุราที่ดีที่สุดของจวนแม่ทัพหรือ?" อันหลิงหยุนเอ่ยถาม
"เจ้าค่ะคุณหนูอัน พ่อบ้านบอกว่าสุราดอกท้อนี้เป็นสุราที่ดีที่สุดของจวนแม่ทัพเจ้าค่ะ" ทันใดนั้นสีหน้าของพวกนางก็ประหลาดใจเล็กน้อยและแววตาก็เป็นประกาย
"อื้ม..เป็นสุราที่หอมมาก"อันหลิงหยวนกล่าวก่อนจะยกขึ้นจิบ "รสชาติดีมากๆ" นางกล่าว
หลังดื่มสุราหมดจอก หลิวเมิ่งหลีก็พูดขึ้น
"สุราดอกท้อนี้รสชาติดีมากๆ ข้ากำลังคิดว่าอยากจะทำไวน์ลูกท้อสักไหพวกเจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร?"
อันหลิงหยุนวางถ้วยสุราลงพลางเบิกตากว้าง "ดีเลยๆ ข้าร่วมด้วยทำหลายๆ ไหเถอะข้าว่าต้องออกมารสชาติดีแน่ๆ"
"นั่นสิข้าเห็นด้วย" อันหลิงหยวนเอ่ยสมทบ
"แต่ว่านะเจ้าคะคุณหนูอะไรคือไวน์?" เหม่ยเหม่ยเอ่ยถามด้วยความงุนงง
หลิวเมิ่งหลีเลียริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “อ้อ..ก็สุราลูกท้อนั่นแหล่ะ แต่ว่าแถวไหนที่มีลูกท้อแบบสดๆ บ้าง?”
หลิวเมิ่งหลีที่เคยดื่มสุราดีมาไม่น้อยมาเจอสุราดอกท้อไหนี้ก็พลันให้นึกถึงไวน์ชั้นเยี่ยมที่เคยได้ลิ้มรสหากนำลูกท้อสดๆ มาทำไวน์สักหน่อยรสชาติคงจะดีไม่น้อยเลย
"อื้อ..มีส่วนท้อนอกเมือง เอาไว้รองานเลี้ยงต้อนรับกองทัพเสร็จพวกเราค่อยไปเก็บดีไหม?" อันหลิงหยุนรีบพูด
"งานเลี้ยงต้อนรับกองทัพ?" หลิวเมิ่งหลีขมวดคิ้วถาม
"อืมใช่ อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้?" อันหลิงหยวนเอ่ยถาม
"อืม ไม่รู้แต่ไม่เป็นไรรองานเลี้ยงเสร็จก่อนก็ได้พวกเราค่อยไปเก็ยลูกท้อกัน!" กล่าวจบหลิวเมิ่งหลีก็ยกสุราขึ้นจิบอีกคำหนึ่ง
"อ๊าก...เต้าหู้นี้ของเจ้ารสชาติดีมากๆ" อันหลิงหยุนพูดขึ้น
"จริงด้วยเจ้าค่ะคุณหนู อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ" เหมยเหม่ยพูดขึ้นพลางตักเต้าหู้เข้าปากอีกคำ
อันหลิงหยวนกระพริบตา มองถ้วยเต้าหู้ด้านหน้าของตนแล้วยกขึ้นมาสูดดม
"อืม สุราก็รสเลิศเต้าหู้ก็รสดีมีอาหลิวเป็นสหายนี่ช่างดีจริงๆ" อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้น
"อะไรนะ อาหลิวหรือ? ฮ่าๆ ฮ่าๆ" หลิวเมิ่งหลีหัวเราะ
"เจ้าไม่ชอบให้ข้าเรียกอาหลิวหรือเช่นนั้นข้าเปลี่ยนๆ เรียกเจ้าเมิ่งหลีเจ้าเรียกข้าหลิงหยุน"
"เจ้าเรียกข้าหลิงหยวน"
"อื้ม ดีๆ หลิงหยุนหลิงหยวน..มาชนแก้ว"
"คุณชายพวกเรา...ไม่เข้าไปหรือขอรับ?"
ถัดออกไปไม่ไกลคุณชายอันหวยหนานยืนขมวดคิ้วมองหญิงสาวทั้งสามสาวใช้จวนแม่ทัพหนึ่งร่วมวงดื่มสุราพลางพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
หลังจากทราบว่าน้องสาวทั้งสองมาจวนแม่ทัพเขานั้นไม่วางใจด้วยนิสัยและข่าวลือเสียๆ หายๆ ของหลิวเมิ่งหลีทำให้เขาอดเป็นห่วงน้องสาวทั้งสองไม่ได้จึงตามมาดู
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคุณหนูหลิวบุตรสาวท่านแม่ทัพนั้นจะเป็นคนสนุกสนานไม่ใช่หญิงสาวที่มีนิสัยไร้สาระไม่ได้เรื่องในข่าวลือเลยสักนิด
"ไม่ต้องหรอก กลับจวนกันเถอะ"
พระราชวัง
ห้องทรงพระอักษร อาจารย์ฉวีกำลังกล่าวสรุปรายงานการแข่งขันพันธ์กวี พิณ อักษร วาดภาพ และหมากรุกแก่ฮ่องเต้เหยียนเจาหลังจากส่งรายงานให้กรมพิธีการแล้ว การจัดอันดับผู้มีความสามารถหญิงและชายมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ฮ่องเต้เหยียนเจาก็แย้มสรวญอย่างพึงพอใจ จากนั้นอาจารย์ฉวีก็หยิบม้วนกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา แล้วกราบทูลว่า
"ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันยังมีอีกผลงานหนึ่งซึ่งเจ้าของผลงานไม่ได้อยู่ร่วมงานจนงานจบเพราะนางบอกว่าไม่สนใจอันดับอะไรเหล่านั้น
ก่อนจากไปนางได้คัดอักษรเป็นกวีที่นางแต่งเองส่งมอบให้ข้านำมาถวายแด่ฝ่าบาทข้าเองก็เห็นว่าเป็นกวีที่ยอดเยี่ยมมากบทหนึ่งและลายมือของนางก็เป็นเอกลักษณ์จึงรับมาให้ฝ่าบาททอดพระเนตรพะย่ะค่ะ!"
"มีคนเช่นนี้ด้วยหรือ?" ฮ่องเต้เหยียนเจาตรัสถาม จากนั้นกงกงก็เดินมารับม้วนกระดาษจากอาจารย์ฉวีไปกางออกตรงหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้เหยียนเจา
"แสงจันทร์ส่องกระทบลงหน้าเตียง ดูคล้ายดั่งน้ำค้างแข็งอยู่บนพื้น แหงนหน้ามองจันทร์สุกสว่าง ก้มหน้าหวนคำนึงถึงบ้านเกิด " หลังจากได้ทอดพระเนตรกวีและทรงอ่านวกไปวนมาจนหยั่งลึกแล้ว ฮ่องเต้เหยียนเจาก็พยักหน้าขึ้นลงแย้มสรวญอย่างพอพระทัย
"ดี ดีมากช่างเป็นกวีที่สุดล้ำเลิศจริงๆ ดูตัวอักษรนั่นสิดั่งมังกรทะยานสู่ท้องนภา อาจารย์ฉวีเจ้าพอจะบอกเราได้หรือไม่ว่า เจ้าของกวีบทนี้เป็นใครกัน"
อาจารย์ฉวียกมือโค้งคำนับ "ทูลฝ่าบาท เป็นคุณหนูหลิวเมิ่งหลีบุตรีท่านแม่ทัพหลิวพะย่ะค่ะ!"
"อ้อ...เป็นบุตรีท่านแม่ทัพหลิวนี่เอง นางช่างมีความสามารถมากจริงๆ ไม่เสียแรงเลยที่เป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่" ฮ่องเต้เหยียนเจาตรัสชื่นชม
หลังจากละสายตาจากกวีแล้วจากนั้นพระองค์ก็มองไปยังอาจารย์ฉวีอีกครั้ง "นำกวีบทนี้ไปคัดลอกลงบันทึกเอาไว้จากนั้นนำต้นฉบับนี้ไปแขวนเอาไว้ที่สถานศึกษาแล้วกัน"
"กระหม่อมรับบัญชาพะย่ะค่ะ"
หลังจากที่อาจารย์ฉวีรับม้วนกระดาษกลับมาแล้ว สวีกงกงที่อดทนเก็บความสงสัยเอาไว้ก็ไม่สามารถทนเก็บเอาไว้ต่อไปได้ เขาเอ่ยถามอาจารย์ฉวีว่า
"อาจารย์ฉวี ท่านจำผิดคนหรือไม่ ไม่ใช่ว่าบะตรีท่านแม่ทัพหลิวเป็นหญิงสาวสติปัญญาไม่ดี ไม่ชอบการร่ำเรียน เป็นเพียงหญิงสาวผู้โง่เขลาคนหนึ่งหรอกหรือเหตุใดนางถึงได้แต่งกวีที่ลึกล้ำเขียนอักษรที่งดงามเช่นนี้ออกมาได้?"
"เอ๋..มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?" หลังจากได้ยินสวีกงกงเอ่ยถามอาจารย์ฉวีออกไปเช่นนั้นฮ่องเต้เหยียนเจาก็ทรงชะงักแล้วหันมาตรัสถาม
"ทูลฝ่าบาท ที่ผ่านมาหม่อมฉันก็ได้ยินเช่นนั้นเช่นเดียวกัน แต่กวีบทนี้เป็นคุณหนูหลิวเมิ่งหลีบุตรีท่านแม่ทัพเป็นคนประพันธ์และคัดเองกับมือของนางต่อหน้าบัณฑิตและผู้มีความรู้ความสามารถของเมืองหลวงเลยพะย่ะค่ะ
ดังนั้นเป็นางแต่งขึ้นและคัดลายมือด้วยตัวนางเองจริงๆ พะย่ะค่ะ"
"อืม ดี ดี กงกงเรื่องซุบซิบเหล่านั้นเจ้าควรฟังให้น้อยหน่อยดูสิข่าวลือผิดไปเสียแล้ว" ฮ่องเต้เหยียนเจาทรงตรัส
ขณะนั้นเองสวีกงกงก็ยังคงไม่อยากจะเชื่อ แต่ในเมื่ออาจารย์ฉวียืนยันเช่นนั้นกงกงชราก็พยักหน้าขึ้นลง "ข้าน้อยทราบแล้วพะย่ะค่ะฝ่าบาท"
ฮ่องเต้เหยียนเจาทรงหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างอารมณ์ดี "พรุ่งนี้ขบวนกองทัพจะเข้าเมืองหลวงแล้ว ตอนค่ำก็จัดงานเลี้ยงเลยให้คนส่งข่าวออกไปให้ท่านแม่ทัพและท่านอ๋องทรงทราบด้วยล่ะ จริงสิงานเลี้ยงต้อนรับกองทัพอนุญาตให้เหล่าขุนนางนำครอบครัวเข้ามาร่วมงานด้วยเรื่องนี้ก็จัดการตามนี้แล้วกัน"
"รับคำสั่งพะย่ะค่ะ" กรมพิธีการรับคำสั่งจากนั้นทุกคนก็ถอยออกไป
ภายในห้องทรงอักษรเหลือเพียงฮ่องเต้เหยียนเจาและสวีกงกง กงกงคนสนิทของพระองค์ สวีกงกงนั้นยังไม่วางใจจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า
"ฝ่าบาทข้าน้อยไม่ได้เลอะเลือนนะพะย่ะค่ะ ผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าบุตรีท่านแม่ทัพหลิวนั้นนางโง่เขลาเพียงใด องค์ชายรองยังทรงทราบเลยพะย่ะค่ะ "
ฮ่องเต้เหยียนเจาทรงอ่านฎีกาต่อ แต่พอได้ฟังสวีกงกงพูดเช่นนั้นพระองค์ก็ทรงตรัสขึ้นมาอย่างช้าๆ ว่า
"บางทีนางอาจมีเหตุผลถึงได้ปกปิดความสามารถที่แท้จริงก็เป็นได้ ขนาดว่าลำดับหญิงงามและเป็นเลิศของเมืองหลวงนางยังไม่สนใจเลย"
"อ้อ..อาจจะเป็นเช่นนั้น" สวีกงกงพยักหน้า
ที่จวนกั๋วกง
หลังจากหญิงสาวทั้งสองกลับมาจากจวนแม่ทัพพวกนางก็หิ้วกล่องอาหารที่บรรจุเต้าหู้ทั้งสามชั้นมายังเรือนของฮูหยินชราในทันที
"ท่านย่าเจ้าคะคุณหนูหลิวฝากของอร่อยมาให้ท่านย่าทานด้วยเจ้าค่ะ" ทันที่ถึงเข้ามายังเรือนอันหลิงหยุนก็รีบรายงาน
"หืม? คุณหนูหลิวทำอาหารเป็นด้วยหรือหรือเป็นขนมล่ะ?" หญิงชราเอ่ยถาม
"ท่านย่าเจ้าคะ เต้าหู้เจ้าค่ะนางนไถั่วมาโม่แล้วได้น้ำเต้าหู้ จากนั้นก็มาเป็นเต้าหู้..เอ๊ะข้าพูดถูกไหมหลิงหยวน?"
"อื้ม นางโม่ถั่วแล้วนำน้ำมาต้มตอนนั้นกลิ่นคาสมากข้ายังคิดว่าจะทานไม่ได้อยู่เลย แต่พอตั้งไฟแล้วเป็นน้ำเต้าหู้รสชาติดีมากเลยเจ้าค่ะท่านย่า ยิ่งมาเป็นเต้าหู้รสชาติก็อร่อยมากจริงๆ เจ้าค่ะ ท่านย่าต้องลองชิมนะเจ้าคะ"
หญิงสาวทั้งสองคุยโวเสียงดังจนทำให้หญิงชราอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ "ได้ๆ อาสี่เจ้าไปจัดตั้งโต๊ะไปข้าจะลองชิมดูว่าจะอร่อยขนาดไหน"
"เจ้าค่ะ"
ไม่นานเต้าหู้สามถ้วยก็ถูกยกมาวางบนโต๊ะสำรับฮูหยินชราขมวดคิ้วมอง เกิดมาจนอายุเจ็ดสิบกว่าไปรบก็หลายปีไม่เคยเห็นอาหารเช่นนี้เลย
นางเงยหน้าขึ้นมองหลานสาวทั้งสองแล้วเอ่ยถาม "นี่คุณหนูหลิวนางทำเองจริงหรือ?"
..