ตอนที่ 5 หลิวเมิ่งหลีเวอร์ชั่นใหม่
หลิวเมิ่งหลียกคิ้วสูงมองหญิงสาวท่วงท่าอ่อนหวานที่กำลังก้าวขาเดินออกมา
ท่าทางเช่นนี้ของไป๋จิ้งหรูต่อหน้าทุกคนคือหญิงสาวสูงศักดิ์ที่มีกิริยามารยาทอ่อนหวานน่าทะนุถนอม
แต่ในสายตาของหลิวเมิ่งหลีผู้มาจากโลกอนาคตที่แจ่มแจ้งกิริยาเช่นนี้ของนางนั้นเขาเรียกเสแสร้งชัดๆ คิดจะออกหน้าแทนโจวเหม่ยหลินอย่างนั้นหรือ คิดจะเสแสร้งให้ใครดูกัน?
ไป๋จิ้งหรูเดินขึ้นหน้าออกมา โจวเหม่ยเหลินรีบหลบไปอยู่ด้านหลังของนาง ณ ตอนนี้ไป๋จิ้งหรูเห็นหลิวเมิ่งหลีไม่พูดอะไร นางจึงคิดที่จะเอาความอ่อนโยนที่เคยแสดงอยู่ตลอดเวลายามต่อหน้าผู้คนนั้นออกมา
เดินออกมาถึงตรงกลางห้องโถงใหญ่ที่จัดงานแล้วไป๋จิ้งหรูก็เอ่ยขึ้น
“วันนี้ที่พวกเรามาร่วมงานกันในเมืองหลวงนี้มี ชายหญิงที่มีพรสวรรค์มากมายมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนพรสวรรค์ คัดสรรค์กวีที่ดีที่สุด หาใช่การเดิมพันเพื่อความสะใจอะไรนั่นไม่
อีกอย่างคุณชายจงก็เป็นถึงบุตรชายของรองเสนาบดีจงหากเจ้าให้เขาทำอะไรเช่นนั้นไม่เป็นการลบหลู่ถึงตระกูลจงให้ขายหน้าหรอกหรือ?
ส่วนนี่ก็เป็นคุณหนูรองจวนซ่างซูโจวเหม่ยหลินก็เป็นสหายกันทั้งนั้นคุณหนูหลิวเอะอะก็เดิมพันแพ้แล้วเป็นนั่นเป็นนี่ที่คนมีความรู้ มีพรสวรรค์เขาไม่ทำกัน
วันนี้ก็เห็นคุณหนูหลิวเก่งกาจมีพรสวรรค์สามารถเอาชนะคุณชายจงได้แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถเอาชนะผู้มากพรสวรรค์คนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่ได้ทุกคนเหตุใดถึงต้องยโสขนาดนั้น”
หลิวเมิ่งหลีมองไปที่ไป๋จิ้งหรูแล้วหัวเราะ“คุณหนูไป๋เจ้าพูดมายืดยาวเพียงจะบอกว่าข้าโง่เขลา ข้าเป็นขยะ จองหอง ยโสโอหังหรืออะไรก็เท่านั้นเองเหตุใดต้องวกวนให้ยืดยาวด้วย
ข้อแรกข้าไม่เคยดูถูกผู้ใดแต่เป็นพวกคุณหนูคุณชายผู้ที่ป่าวประกาศว่าเป็นพวกมากพรสวรรค์ดั่งพวกเจ้าดูถูกข้า
ดูถูกไปถึงบิดาของข้าผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่ทิ้งหน้าที่ของบิดาไปทำหน้าที่เพื่อปกป้องรักษาชายแดน ทำให้พวกเจ้าที่ดูถูกเขาได้นอนสงบสุขในเมืองหลวง
ดังนั้นข้าเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของบิดาของข้าถึงต้องเผยความสามารถทั้งหมดที่มีออกมา อย่าว่าแต่เขียนอักษรแต่งกลอนกวี เล่นหมากรุกเลยบิดาของข้าเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ฮู่กั๋ว
ข้าผู้เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวจะโง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถขนาดจะต้องมาคลานเป็นหมาสี่ขาทั่วเมืองให้ผู้คนเหยียดหยามเลยเชียวหรือคุณหนูไป๋เจ้ากำลังดูถูกใครกัน?"
หลิวเมิ่งหลีที่ชาติก่อนเป็นเพียงเด็กสาวที่เติบโตมาจากบ้านแห่งรักบ้านเด็กกำพร้าไม่มีบิดามารดา เมื่อมาไกลถึงนี่ก็ได้มีบิดาเป็นของตนเองแม้ว่าจะไม่เคยพบหน้าแต่ในความทรงจำบิดาแม่ทัพของนางผู้นี้ก็รักนางมาก
นางมีบิดาทั้งทีจะปล่อยให้คนพวกนี้ดูถูกได้อย่างไรกัน เหยียนจื่อหย่งเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็ถึงกับขมวดคิ้ว
ไป๋จิ้งหรูที่โดนหลิวเมิ่งหลีตอกกลับใบหน้าของนางก็ซีดขาว ทำอะไรไม่ถูก แต่เป็นโจวเหม่ยหลินก้าวขาออกมาแทน
"คุณหนูหลิวพูดเช่นนี้เจ้าจะบอกว่าที่ผ่านมาเจ้าเพียงแค่ไม่อยากแสดงความสามารถเช่นนั้นหรือ แต่เจ้าวันๆ ไม่ทำอะไรคอยวิ่งตอแยองค์ชายรองทั้งวันจะเอาเวลาไหนไปร่ำเรียน ใครจะเชื่อเจ้ากัน?"
หลิวเมิ่งหลียกยิ้มเยาะ ปรายตามองไปบนชั้นสอง
"ความจริงข้าก็แค่เบื่อเท่านั้นแหล่ะ ไม่กี่วันบิดาของข้าจะนำทัพเข้าเมืองหลวงแล้วข้าก็เลิกเล่นแล้ว จากนี้ไปข้าหลิวเมิ่งหลีมีแต่ของจริง
อ้อ..คุณชายจงวันนี้หากข้าเป็นผู้แพ้ต่อเจ้าแน่นอนว่าพวกเจ้าคงไม่ปล่อยข้าไปเช่นเดียวกันข้าพูดถูกไหม ดังนั้นเดิมพันแล้วก็ต้องยอมรับผลแพ้ชนะเจ้าว่าข้าพูดถูกไหม?"
จงเฉินที่จู่ๆ ก็ถูกหลิวเมิ่งหลีเอ่ยถึงร่างสูงก็สะดุ้งเล็กน้อย ผู้คนรอบข้างต่างก็รู้สึกว่าหลิวเมิ่งหลีนั้นทำเกินไป
แต่หากเป็นนางที่แพ้คุณชายจงก็ไม่อาจปล่อยนางไปเช่นกันต่อให้พวกเขาไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่อาจออกหน้าได้
เพราะคุณชายจงเองในตอนนั้นก็เป็นคนตอบรับการเดิมพันนี้ด้วยตนเอง ไป๋จิ้งหรูมองหลิวเมิ่งหลีที่แตกต่างจากวันก่อนๆ ที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิงนี้ด้วยความงุนงง
เพียงเพราะท่านแม่ทัพใหญ่จะกลับเข้าเมืองแล้ว เพียงเพราะปกป้องศักดิ์ศรีของผู้เป็นบิดา?
คำพูดเหล่านี้ของหลิวเมิ่งหลีเป็นคำพูดที่ยากจะหาเหตุผลมาลบล้างได้จริงๆ อาจารย์ฉวีเองก็กำลังครุ่นคิดพิจารณาเหตุการณ์ตรงหน้านี้อย่างเงียบๆ ภายในใจกลับคาดหวังบางอย่างจากหลิวเมิ่งหลี
เหยียนจื่อหย่งบนชั้นสองก็ยังคงตกอยู่ในความคิดของตนเอง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างของเขากลับยกยิ้มบางๆ ใบหน้าหล่อเหลาดูผ่อนคลาย
เขาเป็นบุตรชายคนรองของจวนจิ้งหย่วนโหว ผู้คนเรียกเขาว่าท่านโหวน้อยจิ้งอี้เจ๋อ
จิ้งอี้เจ๋อลุกขึ้นยืน
"ท่านเชื่อหรือไม่ว่านางไม่เอาความคุณชายจงหรอก ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการคงไม่ได้อยู่ร่วมชมจนจบ ต้องลาตรงนี้" กล่าวจบร่างสูงสง่าก็โค้งกายลงแล้วหมุนกายเดินออกไป
องค์ชายรองเหยียนจื่อหย่งขมวดคิ้ว "คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไป"
เขาเองก็ไม่อยากอยู่ร่วมจนงานจบ แต่ต้องมานั่งเป็นพยานให้กับงานนี่แหละปัญหา
ดวงตาเรียวของเขาหรี่ลงมองไปยังหลิวเมิ่งหลีอีกครั้ง
ที่ด้านล่างจงเฉินยืดหลังตรงก้าวเดินออกมา มองหลิวเมิ่งหลีด้วยดวงตาแน่วแน่ "ได้ข้าจงเฉินแพ้แล้วก็ยอมรับผลในเมื่อเดิมพันเป็นหมาข้าก็ต้องเป็นหมา!"
ไป๋จิ้งหรูหันไปมองคิ้วเรียวก็ขมวดมุ่น แล้วก่อนนี้ที่นางออกหน้ากลายเป็นว่านางเป็นคนแพ้แล้วไม่ยอมรับผลอย่างนั้นหรือ?
ทุกคนภายในงานต่างก็ตกตะลึงกับการตัดสินใจของคุณชายจง มีหลิวเมิ่งหลีเพียงคนเดียวที่ยืนมองเขาอย่างพิจารณาจากนั้นมุมปากของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อย
"ข้าจงเฉินเดิมพันกวีและหมากรุกกับคุณหนูหลิวเมิ่งหลีเอาไว้ผู้ใดแพ้เป็นหมาคลานสี่ขาหนึ่งวัน วันนี้ข้าแพ้ยอมรับผลเดิมพันทั้งกายใจ
ก่อนนี้ข้าได้ท้าทายและได้กล่าวล่วงเกินไปถึงท่านแม่ทัพใหญ่หลิวเรื่องนี้เป็นข้าที่ไม่รู้ความต้องขออภัยคุณหนูหลิวจริงๆ" กล่าวจบจงเฉินก็ยกมือขึ้นขออภัยนาง
ก่อนนี้เขายังไม่อาจยอมรับได้แต่เมื่อได้ฟังที่หลิวเมิ่งหลีโต้ตอบกับไป๋จิ้งหรูแล้ว เรื่องทั้งหมดก็เกิดจากความฮึกเหิมของเขาเอง วันนี้เป็นเขาที่พูดจาไม่ดีพาดพิงถึงแม่ทัพใหญ่ฮู่กั๋วต้องขออภัยนาง
ส่วนเรื่องเดิมพันแพ้ เขาเองหากเป็นนางที่แพ้ก็คงไม่อาจปล่อยนางไปเช่นเดียวกันดังนั้นเขาก็ต้องยืดอกยอมรับผลให้ได้เพื่อนำไปเตือนตนว่าครั้งหนึ่งเขาเคยโอ้อวดตนจนทำให้คนคนหนึ่งที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องชื่อเสียงถึงกับตื่นรู้ลุกขึ้นมาปกป้องคนที่ตนรักอย่างถึงที่สุด
ขณะนั้นเองหลิวเมิ่งหลีก็อดที่จะหัวเราะในลำคอไม่ได้ คุณชายจงผู้นี้ก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่ ในตอนที่จงเฉินกำลังจะก้มลงคลานถึงพื้น หลิวเมิ่งหลีก็เอ่ยขึ้น
"เห้อ..เอาเถอะข้าเห็นแก่คำขอโทษที่จริงใจของคุณชายจงเรื่องในวันนี้ก็แล้วกันไปเถอะ วันนี้ที่ข้ามาร่วมงานเดิมทีเพียงเพราะเดิมพันกับคุณหนูไป๋เอาไว้
หากข้าไม่มาร่วมก็กลายเป็นคนขี้แพ้ ขี้ขลาด ให้พวกนางหัวเราะเยาะเย้ยหยันต่อไป ในเมื่อมาข้าก็มาแล้ว กวีก็แต่งแล้วเช่นนั้นข้าต้องขอลา
อาจารย์ฉวีข้าน้อยขอลา..."
ในเวลานี้คำพูดของหลิวเมิ่งหลีเข้าหูของผู้คนเสียที่ไหน อาจารย์ฉวีนั้นคาดหวังผลลัพธ์เช่นนี้เอง เขาคาดหวังว่าหลิวเมิ่งหลีจะไม่เอาความคุณชายจง หากนางเอาความผลกระทบอาจจะตกไปถึงรองเสนาบดีจงและท่านแม่ทัพหลิน คุณหนูหลินผู้นี้ไม่เลวเลยจริงๆ
อาจารย์ฉวีหัวเราะ จงเฉินก็ชะงักค้าง เขาลุกขึ้นมาจ้องมองหลิวเมิ่งหลีอย่างพิจารณาอีกครั้ง หลิวเมิ่งหลีก้าวผ่านเขาไปในตอนที่กำลังจะผ่านร่างสูงของจงเฉินไปนั้นมือเล็กๆ ของนางก็เอื้อมไปตบไหล่ของเขาเบาๆ
ภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้สะกดทุกสายตาของคุณชายคุณหนูภายในงานเอาไว้อย่างสิ้นเชิง จงเฉินจ้องมองไหล่ของเขาที่โดนมือของหลิวเมิ่งหลีตบลงอย่างนิ่งงัน
ไปจิ้งหรูเองก็ขมวดคิ้วสีหน้าขาวซีด ตอนแรกคิดว่าจะทำให้หลิวเมิ่งหลีขายหน้า ปกตินางเป็นคนหยาบกระด้าง ทำเป็นเพียงร่ายรำกระบี่มีกังฟูเหมือนพ่อของนาง
ในยามปกติพวกตนก็รังแกหลิวเมิ่งหลีตลอด รังแกนางเหมือนนางเป็นคนโง่ นึกไม่ถึงวันนี้หลิวเมิ่งหลีผู้โง่เขลาจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเช่นนี้
ที่สำคัญนางกลายเป็นคนใจกว้าง สงบเยือกเย็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ผ่านมาคืออะไรกันแน่?
"ฮ่าๆ เอาหล่ะๆ มาจัดการเรื่องตรงหน้าต่อกันเถอะ..." ในที่สุดอาจารย์ฉวีก็ได้สติกลับมาและกล่าวดำเนินการต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของงาน