บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 เจ้าแพ้แล้ว

"ขนาดเลือกหมากนางยังเลือกสีขาวเลย ดูท่าต้องได้เป็นหมาแน่ๆ"

"นั่นสิ มีโอกาสเลือกกลับเลือกหมากสีขาวคนโง่ก็ยังไงก็เป็นคนโง่วันยังค่ำ"

"เหม่ยหลิน เจ้าว่านางจะแพ้ในกี่อึดใจ?"

"ไม่ถึงสิบอึดใจ!"

เสียงพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดาคุณหนูกลุ่มหนึ่งดังขึ้น

หลิวเมิ่งหลียกคิ้วสูงมุมปากกระตุกนางไม่เกรงใจอีกต่อไปสะบัดชายเสื้อและนั่งลงไปทันที

เสียงอาจารย์ฉวีก็ร้องตะโกนขึ้นว่า

“เริ่มเล่นได้!”

หลิวเมิ่งหลีนางเดินหมากตัวแรกออกไป นางวางหมากลงตรงตำแหน่งมุมบนขวาสุด

จงเฉินเคลื่อนหมากของตนออกไป ตัวที่สอง สามหมากสีดำของเขาอยู่แทบจะทุกตำแหน่งแล้วในตอนนี้

หลิวเมิ่งหลีเคลื่อนหมากมาวางลงตรงตำแหน่งซ้ายล่าง จงเฉินเห็นเช่นนั้นใบหน้าของเขาก็ซีดขาว

"ขวาบนซ้ายล่างของคุณชายจงโดนล้อมแล้วหากอยากรอดต้องรักษาขวาล่างซ้ายบนเอาไว้ให้ได้"

"หากคุณชายจงเคลื่อนไปขวาบนซ้ายล่างก็ต้องโดนรุกแล้ว ไม่คิดว่าคุณหนูหลิวจะมากฝีมือเช่นนี้" เสียงพูดคุยจากผู้คนดังขึ้นมา

ยามนี้แผ่นหลังของจงเฉินเริ่มมีเหงื่อผุดออกมา มือของเขาเริ่มสั่นเทา

หลิวเมิ่งหลีจ้องมองกระดานหมากรุกตรงหน้า นางตวัดดวงตาขึ้นมองจงเฉิน มุมปากของนางก็ยกขึ้น

ก่อนนี้เจ้าของร่างถูกคนผู้นี้ดูแคลนไปไม่น้อยวันนี้ก็จะตอบแทนนางเอาชนะเขาในคราวเดียวก็แล้วกัน

ไป๋จิ้งหรูจ้องมองกระดานหมากรุกที่อยู่ไม่ไกล ดูอย่างไรหลิวเมิ่งหลีก็เป็นผู้ชนะ กระดานหมากรุกเปรียบเสมือนสนามรบแม่ทัพโดนต้อนจนมุมหันไปทางไหนก็ตายหากยกธงขาวยอมแพ้ก็ยังมีโอกาสกลับมาแก้ไขปรับปรุง

แต่หากดื้อดึงสู้ต่อไปมีแต่จะรั้งทำให้เจ็บหนักเวลานี้จงเฉินก็เป็นเพียงนักเล่นหมากรุกคนหนึ่งที่ไม่อาจ ควบคุมสิ่งใดได้ มือของเขาสั่นเทา

หลิวเมิ่งหลีวางหมากลงไปริมฝีปากเล็กๆ เปล่งปลั่งขยับเบาๆ แต่ทรงพลังว่า

" ม้าเข้า! รุกฆาต!"

"ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น....คุณชายจงเจ้าแพ้แล้ว" นางตบท้ายด้วยกวีเอกของขงจื๊อ จากนั้นร่างบอบบางก็ลุกขึ้นยืน

เหยียนจื่อหย่งชะงัก ไป๋จิ้งหรูเองยังตกตะลึง อาจารย์ฉวีเองก็ยืนจ้องหมากกระดานนั้นอย่างคาดไม่ถึง

ที่ชั้นสามด้านหลังผ้าม่านผืนบางที่ปกปิดความเป็นส่วนตัวของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่ภายใน มีชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างสง่างามในชุดสีดำปักลวดลายมังกรด้วยดิ้นทองคำกำลังยืนจ้องมองลงมายังกระดานหมากรุกนั้นอย่างแน่นิ่ง

ดวงตาเหยี่ยวของเขาหรี่ลงจ้องมองไปยังหญิงสาวในชุดสีขาวไข่มุก ใบหน้าของนางงดงามล้ำเลิศแฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่ง ริมฝีปากบางของเขาก็ขบเม้มเข้าหากัน

ข่าวลือเกี่ยวกับหลิวเมิ่งหลีที่เขาได้ยินมาคือหญิงสาวที่ไม่พึงพอใจในรูปโฉมของตนเอง วันๆ นางเอาแต่ผัดหน้าหนาเตอะ สวมใส่เครื่องประดับหรูหราเต็มศรีษะเสื้อผ้าหลากสีฉูดฉาด อวดฉลาดทั้งที่โง่เขลามิใช่หรือแล้วนี่จะเรียกคนโง่เขลาได้อย่างไรกัน

"อาอวิ่นเจ้าบอกว่าคุณหนูหลิวเมิ่งหลีนั้นเป็นอย่างไรนะ?"

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าอาอวิ่นหยุดชะงัก "โง่เขลา เกียจคร้านไม่ร่ำเรียน เที่ยวเล่นไปวันๆ ขอรับ!"

ชายหนุ่มในชุดสีดำล้วนขมวดคิ้ว "แล้วสตรีที่อยู่ชั้นหนึ่งนั่น ใช่หลิวเมิ่งหลีบุตรสาวท่านแม่ทัพที่เจ้าหมายถึงหรือไม่?"

อาอวิ่นถูกผู้เป็นนายเอ่ยถามเช่นนั้นเขาเองก็จนปัญญาที่จะตอบเช่นเดียวกันเพราะคนทั่วไปในเมืองหลวงต่างก็พูดช่นนี้เป็นเสียงเดียวกัน

"ท่านอ๋อง ในเมืองหลวงไม่มีผู้ใดไม่รู้จักนางเลยนะพะย่ะค่ะ" อาอวิ่นโอดครวญ

น้ำเสียงราบเรียบของอ๋องสามเหยียนจื่อเย่เอ่ยขึ้น "แล้วอย่างไรในเมื่อสิ่งที่ผู้คนรับรู้และเล่าลือนั้นไม่เป็นความจริง!" กล่าวจบเขาก็หมุนกายเดินออกไป

ก่อนนี้เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านแม่ทัพใหญ่หลิวถึงได้รีบเร่งขับเคลื่อนกองทัพเข้าเมืองหลวงอย่างไม่หยุดพัก พอไถ่ถามก็ทราบมาว่าท่านแม่ทัพใหญ่ออกมาจากเมืองหลวงหกปีแล้วทิ้งคุณหนูหลิวเอาไว้เพียงลำพัง

ก่อนออกเดินทางท่านแม่ทัพใหญ่ได้รับจดหมายจากจวนว่าบุตรสาวล้มป่วยเขาจึงเร่งรีบนำทัพเดินทางไม่หยุดพักเพื่อรีบกลับมาดูบุตรสาวอันเป็นที่รัก

'บุตรสาวของข้าถูกผู้เป็นบิดาเช่นข้าละเลยจึงกลายเป็นเด็กสาวโง่เขลา ไร้กิริยามารยาท นิสัยป่าเถื่อนมีเรื่องกับคนไปทั่วจนเกิดเรื่องข้าถึงได้เร่งรีบเดินทาง' แม่ทัพหลิวปรับทุกข์กับรองแม่ทัพ ทำให้รองแม่ทัพนั้นก็พลอยหดหู่ไปด้วย

วันนี้กองทัพเดินทางมาถึงที่พักทัพแล้ว รอเพียงเดินทางเข้าเมืองหลวงในอีกสองวัน เขาเดินทางมาส่งข่าวให้ฮ่องเต้เหยียนเจาพระเชษฐาทรงทราบตามแผนการเดินทัพเข้าเมืองจึงได้ถือโอกาสมาดูหลิวเมิ่งหลีบุตรสาวของแม่ทัพหลิวให้กับเขาด้วยเลย

แต่ก็ไม่คิดเลยว่าบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่หลิวนั้นจะเก่งกาจคล้ายแม่ทัพใหญ่หลิวเช่นนี้ ช่าง..เกินความคาดหมายมากจริงๆ

"วันนี้เพียงผ่านมาไม่คิดว่าจะได้ชมกวีที่ไพเราะและการเดินหมากรุกที่เด็ดขาดเช่นนี้ ข้าน้อยหยวนยู่หลงขอชื่นชมแม่นางจากใจจริง"

"หยวนยู่หลง?"

"คุณชายน้อยหยวนนี่นา"

"คุณชายน้อยหยวนผู้สูงส่งถึงกับเอ่ยชมขยะอย่างหลิวเมิ่งหลี?" หญิงสาวนางหนึ่งในกลุ่มคุณหนูสูงศักดิ์เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ

หลิวเมิ่งหลีหมุนกายกลับไปก็พบชายหนุ่มรูปงามในชุดสีฟ้าใบหน้าหวานละมุนคล้ายอิสตรี ในมือของเขาถือพัดประดับลวดลายหุบเขาพัดไปมาช้าๆ หลิวเมิ่งหลีขมวดคิ้วจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่งเมื่อไม่เห็นความเสแสร้งในดวงตาของเขานางจึงยกมือขึ้นตอบรับไมตรี

"คุณชายหยวนชมเกินไปแล้วๆ"

"ไม่เกินไปเลยสักนิด หากคุณหนูหลิวไม่รังเกียจหอไห่สือของข้ายินดีต้อนรับท่านเสมอ"

หอไห่สือ? หลิวเมิ่งหลีครุ่นคิด หยวนยู่หลงเห็นท่าทางครุ่นคิดของนางเขาก็พอเข้าใจว่านางสงสัยอะไรเขาจึงเอ่ยต่อ

"หอไห่สือเป็นหอกิน ดื่ม น้ำชา สุรา อาหาร มีนักแสดงดนตรีเล่นเพลงพิณให้ฟังทั้งวัน วันนี้ข้าเพียงแวะเข้ามาชื่นชมกวียังมีธุระหวังว่าวันข้างหน้าหอไห่สือของข้าจะมีโอกาสได้ต้อนรับคุณหนูหลิว"

 หยวนยู่หลงกล่าวจากนั้นเขาก็ยกมืออำลา

หลิวเมิ่งหลียังไม่ทันรู้สึกตัวคุณชายหยวนก็เดินออกไปไกลแล้ว

"ขยะอย่างหลิวเมิ่งหลีมีสิทธิ์อะไรได้รับเชิญจากคุณชายหยวน!" หญิงสาวคนเดิมเอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ

"จริงด้วยเหม่ยหลินเจ้าดูท่าทางทึ่มโง่ของนางดูสิ เมื่อสักครู่ยังทำท่าทางหยิ่งผยองอยู่เลย"

"ขยะก็คือขยะ ไม่มีค่าให้เสียเวลา" ไป๋จิ่งหรูเอ่ยขึ้น หลิวเมิ่งหลีขมวดคิ้ว นางหันไปมองกลุ่มหญิงสาวคุณหนูชั้นสูงเหล่านั้นก็พบว่าดวงตาของพวกนางแต่ละคนต่างก็มองมาที่นางด้วยความเกลียดชัง

หนึ่งในนั้นหลิวเมิ่งหลีจำได้ขึ้นใจคือคุณหนูไป๋บุตรสาวคนรองของเสนาบดีไป๋เฉิงเสี้ยงสาวงามหนึ่งในห้าผู้มากความสามารถของเมืองเฉวียนโจวและที่สำคัญคือนางเป็นหญิงสาวที่องค์ชายรองต้องใจ

ไป๋จิ่งหรูและหลิวเมิ่งหลีนั้นไม่ถูกกันเพราะแย่งองค์ชายรอง เหอะแย่งผู้ชายไร้ซิคแพก หลิวเมิ่งหลีเอ๋ยเจ้าช่างไร้รสนิยมเสียจริงๆ

"คำก็ขยะสองคำก็ขยะคุณหนูโจวเจ้าก็ออกมาเถิด "หลิวเมิ่งหลีสุดจะทานทน

โจวเหม่ยหลินคือหญิงสาวที่คอยพูดเสียดแทงนางตลอดเวลาจนน่ารำคาญ ดังนั้นหากไม่ปราบให้อยู่หมัดปากของนางก็จะแขวะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ

"แต่หากเจ้ากลัวแพ้ก็ไม่ต้องออกมาและหยุดพูดจาเน่าๆ ได้แล้ว"

"เจ้า!" โจวเหม่ยหลินไม่คิดว่าจะถูกหลิวเมิ่งหลีพูดจาเช่นนี้ใส่ ใบหน้าที่สวยงามของนางก็ถึงกับบิดเบี้ยวในทันที

"เจ้าอะไรล่ะ เจ้าไม่รู้สึกหรอว่าคำพูดของเจ้านั้นเน่าขนาดไหน เอาล่ะในเมื่อกลัวแพ้เจ้าก็ไม่ต้องออกมาหรอกข้ามีธุระไปก่อนแล้วกัน"

หลิวเมิ่งหลีพูดจบร่างบางก็หมุนกายเตรียมจะจากไปแต่แล้วก็มีคนมาขวางไว้

“รอก่อน”

คนที่ขวางนางคืนคุณหนูไป๋จิ้งหรูศัตรูตัวฉกาจของเจ้าของร่างนี้หรือจะเรียกว่าศัตรูหัวใจก็ว่าได้

โจวเหม่ยเหลินที่ปากดีเมื่อสักครู่ก็เป็นคนที่คอยติดตามรับใช้ไป๋จิ้งหรูเสมอ ดังนั้นเพื่อประจบไป๋จิ้งหรูนางก็เลยเกลียดหลิวเมิ่งหลีเข้ากระดูกดำ

..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel