บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ไม่ยอมแพ้

ใบหน้าของทุกคนต่างอยู่ในความมึนงง อาจารย์ฉวีพยักหน้าด้วยความชื่นชม "ดี ดี บทกวีนี้ของคุณหนูหลิวมีคำว่าดอกท้อถึงห้าครั้งยอดเยี่ยมๆ"

"นี่หลิวเมิ่งหลีนางแต่งกวีได้จริงๆ หรือเนี่ย?"

"นั่นสิหรือนางไปลอกมาจากตำราเล่มใด?"

"ในตำราหากมีกวีบทนี้อยู่ทุกคนแม้แต่องค์ชายก็ต้องเคยผ่านตามาบ้างแล้วล่ะ อาจจะแค่บังเอิญก็ได้ต่อไปนางตายแน่"

หลิวเมิ่งหลีไม่สนใจคนเหล่านั้นนางหันไปมองจงเฉินแล้วพูดต่อว่า

'ที่ป้อมปราการดอกท้อ มีเทพธิดาดอกท้อ เฝ้ามองดอกท้อเบ่งบาน ภายใต้แสงจันทราเทพธิดาเฝ้ารอวันได้ดื่มสุราดอกท้อเมามาย'

'เมื่อสร่างเมามานั่งใต้ต้นท้อ เมื่อเมามายก็นั่งใต้ต้นท้อครึ่งสร่างครึ่งเมาวันแล้ววันเล่ามองดอกท้อโรยดอกท้อบานปีแล้วปีเล่า'

'สรวงสวรรค์มีเทพเซียน บนดินมีมนุษย์ เทพเซียนล่องลอยมนุษย์เดินดิน หากเปรียบดอกท้อกับความงดงามของสตรี ดอกท้อมีดีสตรีมีดีสุดท้ายต่างโรยราดอกท้อเบ่งบานอีกคราแต่สตรีดับสูญเทพเซียนแข็งแกร่งมนุษย์ดับสิ้น'

ผู้คนในงานต่างก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง นางตวัดดวงตาหงส์ขึ้นไปมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านบน นึกถึงความรักที่เจ้าของร่างมีให้กับเขาแล้วพลันรู้สึกหน่วงๆ แปลกๆ

'คนวันนี้ไม่เคยเห็นแสงจันทราในอดีต แต่จันทราเคยสาดส่องคนมาแต่อดีต'

'สายน้ำไหลผ่านสวนดอกท้อ จากกันวันนี้ไม่โศกา เขาเขียวสูงแนวร่วมฝนฟ้า เดือนเพ็ญไหนหรือมีสองดวง'

องค์ชายรองเหยียนจื่อหย่งชะงักค้าง มองลงไปยังร่างบางที่กำลังแหงนหน้ามองขึ้นมา

คุณหนูรองไป๋จิ้งหรูมองเห็นองค์ชายรองเหยียนจื่อหย่งจ้องมองหลิวเมิ่งหลีร่างบางก็หยุดชะงักสองมือกำแน่น

ทุกวันนี้นางและองค์ชายรองมีใจต่อกันไม่มีใครไม่รู้และยังมีหลิวเมิ่งหลีขยะไร้ค่าคนนั้นคอยก่อกวนตลอดทุกคนก็รู้

แต่ที่นางดูเหนือกว่าก็เพราะนางเป็นหญิงงามที่ฉลาดอันดับหนึ่งในห้าของเมืองหลวงจึงจัดอยู่ได้ว่าเหนือกว่าหลิวเมิ่งหลีที่งามเพียงหน้าตา

แต่วันนี้หลิวเมิ่งหลีขยะน่าตายคนนี้กลับมายืนท่องกวีต่อหน้าคนมากมาย แล้วที่ผ่านมาเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนโง่หรืออย่างไร

ไป๋จิ้งหรูกำลังจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกกวีบทนี้ของหลิวเมิ่งหลีหยุดเอาไว้

"ท่ามกลางดงดอกท้อกับสุราหนึ่งไห นั่งดื่มเดียวดายไร้คนเคียงข้าง ยกจอกขึ้นเชิญชวนจันทร์นวลเด่น เกิดเป็นเงาตรงข้ามของสามคน"

ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คน หลิวเมิ่งหลีละสายตาออกมาจากองค์ชายรองเหยียนจื่อหย่ง จากนั้นนางก็ตวัดสายตามองไปยังคุณชายจงแล้วกล่าวว่า

"กวีของข้ากล่าวครบแล้วต่อไปก็เชิญคุณชายจง" กล่าวจบนางก็ยกมือขึ้นคำนับอาจารย์ฉวีแล้วเดินหลบออกไป

อาจารย์ฉวีกระพริบตา หลังจากได้สติกลับมาเขาก็รีบเดินไปหาหลิวเมิ่งหลี "คุณหนูหลิวกวีของเจ้านั้นล้ำเลิศลึกซึ้งยิ่งนัก หากข้าจะขอจดบันทึกเพื่อกราบทูลต่อฮ่องเต้จะได้หรือไม่?"

หลิวเมิ่งหลีหยุดชะงักคิ้วงามถูกยกขึ้น จากนั้นนางก็ยกมือขึ้นพร้อมกับโน้มกาย "ขายหน้าแล้วกวีนี้เป็นเพียงกวีที่กล่าวขานไปตามอารมณ์เล่นๆ ของข้า แต่หากอาจารย์ฉวีชื่นชอบข้าก็ยินดีเจ้าค่ะ ขอบคุณอาจารย์ฉวีมากเจ้าค่ะ"

อารมณ์เล่นๆ?

"นางจะบอกว่าเพียงกวีที่แต่งขึ้นมาเล่นๆ เท่านั้นหรือ?"

"โอ้อวดเกินไปแล้วนางจะต้องมีอาจารย์ที่คอยให้คำแนะนำอยู่เบื้องหลังแน่ๆ"

"นั่นสิ ที่ผ่านมานางก็เป็นเพียงสตรีโง่งมคนหนึ่งเท่านั้น หายหน้าหายตาไปไม่กี่วันกลับกลายมาเป็นคนเก่งกาจเช่นนี้นางย่อมมีคนอยู่เบื้องหลัง"

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นมาอีกครั้งแต่หลิวเมิ่งหลีนั้นไม่สนใจ

อาจารย์ฉวีรีบสั่งการให้คนไปนำกระดาษพู่กันออกมาเพื่อจดบันทึกกวีเหล่านี้นำขึ้นถวายแด่ฮ่องเต้ในวันพรุ่งนี้

"เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วหล่ะ ต่อไปเป็นใคร มีใครจะลงแข่งต่อกวีเจ็ดก้าวเจ็ดบทกับแม่นางหลิวหรือไม่?"

จงเฉินหยุดชะงัก แต่งกวีมีคำสองคำในเจ็ดก้าวเขายังว่ายากเลย นี่หลิวเมิ่งหลียังจะมาเจ็ดก้าวเจ็ดบทจะให้เขาคิดออกมาในเวลารวดเร็วได้อย่างไร

แต่หากเขาไม่แข่งเขาก็แพ้สิ แพ้ต่อใครก็ได้แต่ไม่ใช่หญิงโง่เขลาอย่างหลิวเมิ่งหลีนะ

"นี่..."  จงเฉินกล่าวออกมาได้เพียงเท่านั้น หลิวเมิ่งหลีก็ยกยิ้มเย้ยหยัน นางหันไปมองอาจารย์ฉวี

"อาจารย์ฉวีท่านนำกระดาษกับพู่กันมาให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะเขียนกวีที่ออกมาจากหัวใจให้ท่านในระหว่างนี้ก็รอคุณชายจงคิดกวีพลาง"

อ่า...

นี่?

"อะไรนะ หลิวเมิ่งหลีรู้จักตัวอักษรไม่กี่คำด้วยซ้ำ นางจะมาเขียนกวีให้ท่านอาจารย์ฉวีอีกหรือ?"

"ไม่เจียมตัว!"

เหยียนจื่อหย่งที่นั่งอยู่บนชั้นสองได้ยินหลิวเมิ่งหลีกล่าวเช่นนั้นคิ้วเรียวของเขาก็ขมวดเข้าหากัน

รู้จักหลิวเมิ่งหลีมาหลายปีนางไม่เคยเข้าศึกษาที่สถานศึกษาเลยสักวันนางไม่เคยสนใจเรื่องอะไรนอกจากออกเที่ยวเตร่คอยหาเรื่องสตรีคนอื่นๆ ไปทั่ว และคอยตามติดเขาไม่ห่างปากก็พูดพร่ำจะสมรสกับเขา

วันนี้นางแต่งกวีได้เจ็ดก้าวเจ็ดบท ยังจะมาเขียนกวีให้อาจารย์ฉวีอีกหรือ?

นางจะแปลกมากเกินไปแล้ว

ไป๋จิ้งหรูชะงักค้าง คิ้วของนางกระตุกหญิงสาวค่อยๆ ตวัดหางตาขึ้นไปมองชายหนุ่มในดวงใจที่นั่งมองหลิวเมิ่งหลีอย่างตกตะลึง ฉับพลันความกรุ่นโกรธในใจก็ครุกรุ่นขึ้น

หลิวเมิ่งหลีฝากเอาไว้ก่อนเถอะ เจ้าจะไม่มีวันได้ใจขององค์ชายรองอย่างแน่นอน

อาจารย์ฉวีสั่งให้คนนำกระดาษและพู่กันมาวางลง หลิวเมิ่งหลีก้าวเดินไปนางหยุดมองกระดาษตรงหน้า ครู่หนึ่งก็หยิบพู่กันขึ้นมา

หญิงสาวตวัดพู่กันพลิ้วไหวอย่างเป็นธรรมชาติ ใบหน้างามดูจริงจัง ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็จ้องมองอย่างไม่กระพริบตา บางคนก็รอดูว่าหลิวเมิ่งหลีผู้จองหองโอ้อวดนี้จะทำให้ตนเองขายหน้าตอนไหน

มีเพียงอาจารย์ฉวีเท่านั้นที่ยืนนิ่งแข็งค้างจ้องมองตัวอักษรบนกระดาษนั้นอย่างตกตะลึง

กวีที่ออกมาจากใจของนาง ปรากฎอยู่บนกระดาษ เหยียนจื่อหย่งจ้องมองลงมาพลันร่างหนาก็หยุดชะงัก ถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่ชัดว่านางเขียนกวีอะไร แต่ตัวอักษรที่ปรากฎไกลๆ นั้นย่อมเป็นตัวอักษรที่ดี

“อะไรของนาง?”

"อย่าเขียนออกมาให้น่าเกลียดนะข้าจะหัวเราะสามวันเลย!"

อาจารย์ฉวีค่อยๆ หยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาแล้วกางออกสู่สายตาผู้คนอย่างตื่นเต้น ไป๋จิ้งหรูมองไปทางนั้น สีหน้าของนางดูย่ำแย่

กวีที่ปรากฎสู่สายตาของผู้คนเป็นกวีที่ดีมากและที่สำคัญตัวอักษรนั้นแข็งแกร่งและทรงพลัง เหมือนมังกรกำลังแหวกไหว้อยู่ในก้อนเมฆ แม้แต่พ่อของนางก็ไม่สามารถเขียนตัวหนังสือแบบนี้ออกมาได้

"แสงจันทร์ส่องกระทบลงหน้าเตียง ดูคล้ายดั่งน้ำค้างแข็งอยู่บนพื้น แหงนหน้ามองจันทร์สุกสว่าง ก้มหน้าหวนคำนึงถึงบ้านเกิด "

เหยียนจื่อหย่งขมวดคิ้วทบทวดกวีบทนั้นของหลิวเมิ่งหลี่ฉับพลันเขาก็รู้สึกเหงื่อซึมออกมา

"องค์ชายรองท่านว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูหลิวกัน?" ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างของเหยียนจื่อหย่งอดใจไม่ไหวจนได้เอ่ยถามออกมา

"ข้าไม่รู้!" เหยียนจื่อหย่งเอ่ย เขาก็ไม่รู้จริงๆ นั่นแหล่ะ ก่อนนี้หลิวเมิ่งหรูนอกจากใบหน้าที่งดงามไม่เหมือนผู้ใดในเมืองหลวงแล้วอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรดี ยิ่งเป็นกิริยามารยาทก็ยิ่งย่ำแย่

ความรู้หรือก็ยิ่งไม่มี วันๆ นางไม่ร่ำเรียนไม่เอาไหนแต่งหน้าหนาเตอะ ทั่วศรีษะก็ประดับประดาด้วยเครื่องประดับมีค่ามากมายจนรุงรัง อาภรณ์ที่สวมใส่ก็สีสันฉูดฉาด นางไม่มีอะไรดีเลยจริงๆ

แต่ว่าตอนนี้....

"กองทัพใหญ่จะถึงเมืองหลวงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หรือว่านางเห็นแก่หน้าท่านแม่ทัพใหญ่เลยลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตนเอง?" ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างเหยียนจื่อหย่งเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

"อืม อาจเป็นไปได้" ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว เหยียนจื่อหย่งคิดเช่นนั้น

หลังจากเขียนกวีจากหัวใจให้อาจารย์ฉวีนำไปทูลต่อฮ่องเต้แล้วหลิวเมิ่งหลีก็ปัดมือไปมา

"คุณชายจงเฉิน ในเมื่อเจ้าเดิมพันกับข้าแล้วแต่ยังไม่ออกมาแสดงว่าเจ้านั้นยอมแพ้ต่อข้า อย่าลืมนะผู้ใดแพ้เป็นหมา..."

"หลิวเมิ่งหลีเจ้าอย่าได้ใจไป กวีข้าแพ้ต่อเจ้า หากเจ้าแน่จริงมาแข่งหมากรุกกัน คราวนี้หากข้าแพ้ข้าจะคลานสี่ขาเห่าเป็นหมาให้เจ้าดู!" จงเฉินตะโกนออกไปเสียงดัง

หลิวเมิ่งหลียกคิ้วขึ้นสูง "ได้สิ เชิญ.."

"นี่?"

ทุกคนที่อยู่ภายในงานต่างก็หยุดชะงัก คุณชายจงเป็นเลิศการเดินหมากหลิวเมิ่งหลีไม่เจียมตนเลยจริงๆ

"แต่งกวีอาจจะแพ้แต่เดินหมากคุณชายจงไม่แพ้แน่!"

เสียงพูดคุยของคนอื่นไม่ได้รบกวนหลิวเมิ่งหลีสักนิดเมื่อกระดานหมากรุกถูกจัดเรียงหลิวเมิ่งหลีตวัดดวงตาขึ้นไปมองจงเฉิน

"เจ้าใช้หมากสีดำแล้วกันของข้าหมากสีขาว" นางกล่าว

..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel