ตอนที่ 3
ตอนที่ 3
@หลายวันต่อมา
“คุณภพจะไปไหนแต่เช้าครับเนี่ย” จอมกับผาคนงานในสวน ขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่งผ่านมาที่หน้าบ้านของไตรภพพอดี เห็นเจ้านายกำลังสตาร์ทรถ ผาจึงเอ่ยถามขึ้น เพราะปกติแล้ว จะไม่ค่อยเห็นไตรภพออกไปไหนแต่เช้าวันอาทิตย์แบบนี้
“อยากรู้ก็ขึ้นมาสิ” เมื่อเจ้านายชวนมีหรือทั้งสองคนจะไม่ไป ทั้งสองกระโดดขึ้นรถตามไปด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้านายของพวกเขาจะไปไหนแต่เช้า และเมื่อรถแล่นไปตามท้องถนนเรื่อยๆ
“นี่คุณภพพาพวกผมมาเที่ยวกรุงเทพเหรอครับนี่” จอมเอ่ยถามขึ้น เพราะเห็นว่า เจ้านายกำลังขับรถมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพ แต่ไตรภพไม่ได้จะพาจอมกับผามาเที่ยวหรอก
“เปล่า...พามาช่วยขนของ” ไตรภพหันไปตอบลูกน้องอย่างอารมณ์ดี แถมยังมีรอยยิ้มอีกด้วย ผิดกับวันปกติที่ชอบทำหน้าเข้มอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าหงุดหงิดหรือเป็นเพราะว่าอากาศเมืองไทยมันร้อน
“โถ่ไอ้พวกผมก็คิดว่าพามาเที่ยวซะอีก” ผาตอบอย่างเซ็งๆ แต่ก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้านายของพวกเขา จะพาไปขนของที่ไหน
“ถึงแล้ว...ลง” รถยนต์สี่ประตูคันใหญ่แล่นเข้ามาจอดที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านกลางใจเมืองกรุงเทพ
ทั้งสองหนุ่มผากับจอมลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็ก มีพื้นที่ไม่ได้กว้างมาก พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นตัวบ้าน ส่วนรอบๆก็จะมีแค่ทางเดินเล็กๆเท่านั้น ผิดกับบ้านสวนของไตรภพ ที่มีพื้นที่กว้างขวางแถมร่มรื่นอีกด้วย มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า ดูแล้วสดชื่นไปหมด ไม่เหมือนกับที่บ้านหลังนี้ที่มีแต่ปูน แต่ก็สะอาดสะอ้านดี
“บ้านหลังนี้เหรอครับ”
“อือ เดี๋ยวช่วยขนของกันหน่อยนะ”
ทันใดนั้นพิเชษฐ์ก็ออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นว่าน้องชายขับรถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว
“สวัสดีครับพี่เชษฐ์” ไตรภพเดินเข้าไปหาคนเป็นพี่ ที่ยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน พร้อมกับลูกน้องอีกสองคน ที่เดินตามมาด้วย จอมกับผายกมือไหว้พิเชษฐ์เช่นกัน ถึงพิเชษฐ์จะมีศักดิ์เป็นพี่ชายของไตรภพก็จริง แต่อายุของทั้งสองคนก็ห่างกันมาก
“สวัสดี มาเร็วเหมือนกันนะนี่” ไตรภพอาศัยอยู่จังหวัดที่ไม่ได้ไกลจากกรุงเทพมากนัก ขับรถแค่ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงแล้ว สมัยนี้ถนนดี เหยียบแป๊บเดียวก็ถึง
“พี่รบกวนด้วยนะ ฝากยัยแก้วยังไม่พอ แถมยังต้องให้มารับอีก” พิเชษฐ์พูดถึงตัวเอง ก็ตอนแรกว่าจะไปส่งลูกสาวด้วยตัวเอง แต่ติดธุระกะทันหันขึ้น พรุ่งนี้ก็ต้องออกเดินทางแล้ว พิเชษฐ์จึงโทรไหว้วานให้ไตรภพมารับแก้วขวัญ ซึ่งไตรภพเองก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ไม่เป็นไรเลยครับพี่ มีอะไรก็บอกผมได้ ผมยินดี” ทั้งหมดพากันเดินเข้าไปนั่งในบ้าน โดยมีพิเชษฐ์เป็นคนบริการหาน้ำมาให้ทั้งสามคนดื่ม
“แก้ว…แก้วเอ้ย เสร็จหรือยังลูก คุณอามารับแล้วนะ” พิเชษฐ์ตะโกนขึ้นไปชั้นบนของบ้านเรียกลูกสาว ที่ยังไม่ยอมลงมาสักที
“มาแล้วค่า…” แก้วขวัญวิ่งลงมาจากชั้นบนของบ้าน เธอส่งเสียงมาแต่ไกล เพราะได้ยินเสียงคุณพ่อร้องบอกว่าคุณอามาแล้ว แก้วขวัญมีอาการตื่นเต้นเหมือนเด็กที่กำลังจะได้ไปเที่ยว
“คุณอาภพสวัสดีค่ะ” เสียงใสๆของแก้วขวัญเอ่ยสวัสดีพร้อมกับพนมมือเรียวสวยของเธอไหว้คุณอาไตรภพ และพี่ๆทั้งสองคนที่มากับคุณอาด้วย
“สวัสดี...ไงสาวน้อย พร้อมที่จะไปอยู่ในป่ากับอาหรือยัง” ไตรภพเอ่ยทักทายหลานสาวด้วยรอยยิ้ม
“พร้อมค่ะ แก้วจะไปลักกินผลไม้ของคุณอาให้หมดสวนเลย” แก้วขวัญโต้ตอบคุณอาของเธออย่างตื่นเต้น เธอกำลังคิดถึงภาพผลไม้ที่ดกเต็มต้น ที่คุณพ่อของเธอเคยเล่าให้ฟัง
“ตัวเล็กกะเปี๊ยกแค่นี้จะกินยังไงหมดฮึ” มือใหญ่จับศีรษะหลานสาวโยกไปโยกมาอย่างขี่เล่น จนเด็กสาวถึงกับต้องปัดมือใหญ่นั้นทิ้ง แล้วทำหน้าบูดๆใส่
“คอยดูแล้วกัน ว่าแต่...คุณอาขา...ไปถึงแก้วขอชิมทุเรียนลูกนึ่งได้ไหมคะ”
“ได้สิ จะกินจนอ้วนให้พี่เชษฐ์กลับมาแล้วจำลูกสาวไม่ได้เลยก็ได้นะ” ไตรภพเย้าหลานสาวเล่น เพราะดูจากหุ่นแล้วขุนยังไงก็ไม่น่าจะอ้วนได้
“แก้วไม่ได้ตะกละขนาดนั้นสักหน่อย”
“เอาล่ะ เดี๋ยวพี่ต้องออกไปทำธุระหน่อย ภพจะพักก่อนอีกสักพักก็ได้นะ เดินทางมาเหนื่อยๆ”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ว่าแต่หลานสาวผม พร้อมหรือยังจะได้ให้ไอ้สองคนนี้มันช่วยขนของให้”
“พร้อมแล้วค่ะ ยกของพวกนี้ใส่รถคุณอาเสร็จ ก็ไปกันได้เลยค่ะ” แก้วขวัญบุ้ยหน้าไปทางกระเป๋ากับสัมภาระของตัวเอง ที่ถูกกองรวมกันไว้ใกล้ๆหน้าประตูทางเข้า
“หมดนี่เลยเหรอ” ไตรภพเลิกคิ้วสูงถามหลานสาว เพราะสัมภาระที่ถูกกองรวมกันไว้มันเยอะมาก ตอนแรกคิดว่าเป็นของพิเชษฐ์ที่จะไปดูงานที่เมืองนอกซะอีก
“ค่ะ หมดนี่เลย ทำไมเหรอคะ” แก้วขวัญไม่เข้าใจ ก็เธอไปตั้งสามเดือน แค่นี้ถือว่าน้อย แต่สำหรับผู้ชาย ของที่กองอยู่ตอนนี้มันเยอะมาก มากถึงขนาดต้องหันไปมองดูรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“เอาอะไรไปบ้างนี่ ทำไมเยอะอย่างนี้”
“ก็เสื้อผ้าแล้วก็ของใช้อีกนิดหน่อยค่ะ” เธอใช้คำว่านิดหน่อย แต่ดูจากสิ่งที่กองอยู่มันไม่น่าจะใช้คำว่านิดหน่อยได้นะ แต่คุณอาหนุ่มก็เลือกที่จะไม่ขัดใจ อยากเอาไปหมดนี่เขาก็ยินดีช่วยขน
“ไอ้สองคน ไปสิขนของขึ้นรถ” ไตรภพหันไปสั่งลูกน้องทั้งสองของเขาที่เอาสอยห้อยตามมาด้วย
“ครับ” ผากับจอมเริ่มช่วยกันขนของที่กองไว้ขึ้นรถ โดยมีแก้วขวัญช่วยขนด้วย
“พ่อไปไม่นาน อยู่ทางนี้ดูแลตัวเองด้วยนะลูก” พิเชษฐ์เอ่ยบอกลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนปนเป็นห่วง
“ค่ะคุณพ่อ คุณพ่อไม่ต้องห่วงแก้วนะคะ คุณพ่อไปทำงานให้สบายใจเลย แก้วโตแล้ว แก้วอยู่ได้” แก้วขวัญเป็นคนไม่ได้ยุ่งยากหรือซับซ้อนอะไรมากนัก แล้วเธอก็ไม่อยากให้คุณพ่อของเธอเป็นห่วงด้วย เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จนคนเป็นพ่อรู้สึกสบายใจขึ้น
“ภพ พี่ฝากหลานด้วยนะ” พิเชษฐ์หันไปฝากฝังลูกสาวกับน้องชาย ที่นับถือกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ
“ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลให้อย่างดี” สำหรับไตรภพเด็กสาวตัวเล็กแค่นี้ เขาคิดว่าเขาช่วยดูแลให้ได้สบายอยู่แล้ว และแก้วขวัญเอง เธอก็เป็นเด็กน่ารัก แต่ถึงจะแอบดื้ออยู่บ้างตามนิสัยเด็กๆ แต่ไตรภพก็คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
“ขอบใจมาก ถ้าอย่างนั้นขับรถดีๆนะ ได้เวลาแล้ว พี่ต้องเข้าบริษัทไปเอาเอกสารอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้จะเดินทางแล้ว” พิเชษฐ์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วก็เห็นว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องไปทำธุระแล้วจึงได้เอ่ยขึ้น
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับพี่”
“คุณพ่อ...มาให้แก้วกอดหน่อย หอมแก้มด้วย ฟอด! ฟอด!” แก้วขวัญกอดคุณพ่อของเธอ พร้อมกับหอมแก้มซ้าย แก้มขวา อย่างออดอ้อน เหมือนกับปกติที่เธอชอบทำเป็นประจำ
“เจ้าลูกคนนี้มันขี้อ้อนจริงๆ เมื่อไหร่จะโตสักทีหึ” คนเป็นพ่อก็มักจะมองว่าลูกเป็นเด็กเสมอในสายตาของท่าน แต่แก้วขวัญกลับไม่ชอบให้ใครมาพูดว่าเธอเป็นเด็ก
“แก้วไปนะคะ” ทั้งหมดร่ำลากันเสร็จ ก็ออกเดินทางทันที