โลกกลม
“ชะนี ไปไหนมาย่ะ อาจารย์ปล่อยแล้ว ดีนะที่อาจารย์ไม่เช็คชื่อ” ฉันว่าแล้วต้องมาไม่ทันเรียนคราบบ่าย แต่ก็ยังดีที่อาจารย์ไม่เช็คชื่อ
“ทำธุระน่ะ เลิกแล้วใช่ป่ะกูกลับก่อนนะ ง่วงอ่ะ” เมื่อไม่มีเรียนฉันก็อยากกลับไปนอน
“เออ วันนี้มึงขับรถมาใช่ไหม”
“อืมขับมา ไปก่อนนะ”
“หมวย ไปส่งด้วยดิ รถกูส่งซ่อม”
“เอ้า ให้วินไปส่งดิกูขี้เกียจ” ฉันบอกรามสูรที่ขอกลับด้วย
“กูไม่ว่างเหมือนกันไปรับสาว” วินเนอร์รีบโต้กลับ ไวเชียวนะมึง
“เออ กูกลับเองก็ได้” ดูเหมือนจะมีคนน้อยใจ
“กูก็อยากไปส่งนะแต่ที่บ้านโทรมาบอกให้กูรีบกลับถ้าเลิกเรียนแล้ว” กีกี้รีบออกตัว พวกมันนี่กำลังทำให้ฉันรู้สึกผิดใช่ไหม
“เออๆ กูไปส่งก็ได้ ทำซะกูเป็นเพื่อนเลวเลยพวกมึง มึงนี่ก็ แค่ไม่ไปส่งแค่นี้ทำหน้าเป็นหมาหงอย ขี้งอนไปได้”
“ใครขี้งอน” รามสูรสะบัดหน้าใส่ฉันแล้วก็เดินออกไปเลย เออ มึงไม่งอนกูเลย
“กูไปก่อนนะพวกมึง” ฉันต้องรีบเดินตามมันไป บ้างครั้งมันก็เป็นจอมดุประจำกลุ่ม บางครั้งก็แบบนี้แหละ ขี้งอนเป็นที่หนึ่ง
“รามรถกูอยู่ทางโน้น รีบไปตามควายรึไง” ฉันตะโกนตามหลังมันเมื่อมันจะเดินไปอีกทาง
“เห็นมึงบอกง่วง” ประชดประชันเป็นที่หนึ่ง
“กูไม่ง่วงแล้ว”
ฉันขับรถไปส่งรามสูรที่คอนโดดีที่คอนโดมันกับคอนโดฉันอยู่ทางเดียวกัน พอส่งมันเสร็จฉันก็กลับมานอน ทำให้อดคิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันไม่ได้
ฉันสรุปเอาเองง่ายๆ แล้วกันว่าได้ตอบแทนเขาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องไปเจอเขาหรือทักไลน์ไปหาเขาอีก ผู้ชายที่เฉื่อยชาและไม่สนใจอะไรแบบนั้น ตามตื้อไปก็เสียเวลาเปล่า แต่ฉันก็อยากรู้นะว่าผู้หญิงแบบไหนนะที่เขาจะสนใจ
ฉันนอนคิดอะไรเพลินๆ แล้วก็หลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์เข้า เป็นกีกี้ที่โทรเข้ามา
“อืม ว่าไง”
(ชะนี วันนี้อากาศปลอดโปร่งไปเที่ยวกันไหม ล่าผู้) ไม่พ้นเรื่องนี้จริง ๆ
“เบื่อ” ฉันเบื่อจริง ๆตามที่พูด นี่ก็ว่าจะไล่ลบไลน์ลบเบอร์ผู้ชายที่คุยด้วยทิ้ง อยากลองอยู่เงียบๆ ดู
(เบื่อ กูไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากชะนีแรดอย่างมึง)
“มึงก็ได้ยินเป็นบุญหูแล้วหนิ”
“ไหนบอกกลับบ้าน”
(ก็กลับมาแล้วไง ไปเหอะ)
“ขี้เกียจ”
(งั้นไม่ไปล่าผู้ก็ได้ ไปนั่งชิว ๆ จิบเบียร์เย็นๆ ดีไหม ชวนไอ้สองคนนั้นไปด้วย) วันไหนไม่ได้ออกจากห้องมันคงลงแดงตาย
“เออๆ ก็ได้ เลือกร้านอาหารอร่อยๆ หน่อยกูหิว”
(เค ตามนั้นส่งชื่อร้านให้ทางไลน์)
พอวางสายไม่เกินห้านาทีมันก็ส่งชื่อร้านมาให้ในไลน์กลุ่ม สองหนุ่มหล่อประจำกลุ่มก็ตอบตกลงว่าไป รามสูรมันก็บอกให้ฉันไปรับมันด้วย เหตุผลว่ารถมันยังซ่อมไม่เสร็จถ้าอยากให้ไปด้วยต้องมารับ
ฉันต้องไปสินะ
หมวยคนสวย : ไปเร็วๆ หน่อยนะกูหิวแล้ว
กีกี้ : ตามนั้นจ้า แต่งตัวออกมาเลยก็ได้ ร้านมันเปิดแล้ว
หมวยคนสวย : เค แต่งตัวเลยนะราม
รามสูร : เค
วินเนอร์ : กูไปช้าหน่อยนะ ยังไม่เสร็จธุระ
ธุระของมันมีเรื่องเดียวเรื่องผู้หญิง ฉันวางโทรศัพท์แล้วก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว จะไม่อาบก็ได้ แต่นอนพึ่งตื่น อยากสดชื่นหน่อยก็ต้องอาบ วันนี้ไม่ได้เข้าผับก็แต่งธรรมดาแล้วกัน ช่วงนี้ฝนตกบ่อยอากาศก็จะเย็นๆ หน่อยใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงขาสั้นรองเท้าผ้าใบแล้วกัน ชิว ๆ แต่งหน้าบาง ๆ ผมก็ปล่อย
เวย์
“พวกมึงออกไปกินข้าวกัน หิว”
“ไปสิกูก็หิวเหมือนกัน ไปร้านชิวๆ นะ อยากฟังเพลงชิวๆ จิบเบียร์ด้วย”
“มึงหิวข้าวหรือมึงหิวเบียร์”
“ก็กินข้าวเสร็จแล้วก็กินเบียร์ไง”
“เออๆ เร็วไอ้เฉื่อย ลุก”
ผมมองมันสองคนทะเลาะกันอย่างเบื่อหน่าย แล้วไอ้ฉายาที่เรียกผมว่าไอ้เฉื่อยนี่เมื่อไหร่มันจะเลิกเรียก อย่างผมเขาไม่เรียกว่าเฉื่อยหรอก ก็แค่ทำอะไรช้าบ้าง ขี้เกียจบ้างเลยไม่อยากทำ พอไม่ได้ดั่งใจพวกมันก็ว่าผมว่าผมเฉื่อยผมช้าบ้างล่ะ
ที่จริงผมไม่ได้เป็นคนพูดน้อยนะ แต่ขี้เกียจพูด เพราะมันมีแต่เรื่องไร้สาระ อันไหนที่จริงจังจริง ๆ ผมก็พูดยาวๆ ได้
และผมก็คิดตลอดว่าตัวเองไม่ได้เฉื่อย
“มึงต้องบอกมันล่วงหน้าสักสามสิบนาทีไอ้เวย์มันถึงขยับตัวได้” ดูมัน
“มึงอย่าเวอร์” ผมลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้ามันออกไป เบื่อพวกมัน
“ไอ้เฉื่อยมันโมโหแล้วเว้ย” พวกมันสองคนนี่พูดมากเป็นที่หนึ่ง แค่นี้ผมก็ปวดหัวแล้ว ถ้าผมพูดมากอีกคน จะเป็นยังไง แค่นี้เสียงพวกมันก็ได้ยินไกลเป็นกิโลแล้ว
“เฉื่อย เอารถมึงไปนะ”
“กูขับเฟอร์รารี่ไป”
“อะไรวะ”
พวกมันจะรู้ว่าถ้าผมขับคันนี้ไปพวกมันไม่มีทางได้นั่งรถผมแน่ เพราะผมจะไม่ให้ใครนั่งด้วยง่ายๆ
“เอารถไปเองก็ได้” พอโอดครวญเสร็จพวกมันก็เดินไปที่รถ
ที่ไม่อยากให้พวกมันไปด้วยเพราะรำคาญ รถที่ผมขับอยู่ประจำรู้สึกว่ามันไม่ปกติ ยังไม่ได้เอาเข้าศูนย์ไปเช็ค เลยไม่อยากขับ เลยหันมาขับคันนี้แทน คันนี้เป็นลูกรักผมเลย ผมชอบรถมาก ชอบแต่งรถ แข่งรถ คันไหนหวงมากก็จะไม่ให้ใครนั่งด้วย
แต่มันมีเหตุการณ์ที่ผมไม่คิดว่ามันจะเกิด วันก่อนมีผู้หญิงโบกรถผมท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา ทีแรกผมคิดว่าจะไม่จอด แต่เธอดันกระโดดมาขวาง ผมตกใจมากแต่ก็ยังมีสติ ไม่คิดว่าเธอจะบ้าดีเดือดขนาดนั้น
หลังจากจอดรถเธอก็มาเคาะกระจกแล้วดึงประตูรถผม แต่ผมก็ไม่เปิด ผมแค่ลดกระจกลง ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าเธอต้องขอติดรถไปด้วย ตอนนั้นคิดว่ายังไงผมก็ไม่มีทางรับเธอขึ้นมาแน่ ตัวเปียกซะขนาดนั้น
แต่คำอ้อนวอนดวงตากลมโตใสแป๋ว อีกทั้งตัวยังเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำของเธอทำให้ผมเริ่มใจอ่อน
เธอบอกว่าจะออกค่าล้างรถให้แล้วฝนมันยังกระหน่ำลงมาอีก ผมได้แต่ถอนหายใจ ยอมปลดล็อกประตูให้เธอ เธอก็รีบขึ้นมานั่งตัวสั่นงกๆ แล้วก็บอกให้ผมเบาแอร์ ผมก็ทำให้ ผมโอดครวญอยู่ในใจว่าลูกผมเปียกหมดแล้ว
เธอหันมาขอบคุณผมเสียงเบาแล้วบอกให้ผมไปส่งที่คอนโด ผมก็บ้าไปส่งเธอด้วย เธอนั่งกอดอกตัวสั่นงกๆ ก็อดสงสารไม่ได้ พอมาถึงคอนโดเธอก็เอ่ยปากอยากตอบแทนผม ขอเบอร์ผมไว้
ไฟในรถที่สว่างจ้าขึ้นทำให้ผมเห็นหน้าเธอชัดๆ ถึงเธอจะเปียกไปทั้งตัวในสายตาผู้ชายอย่างผม ผมก็ยังมองออกว่าเธอสวย ผมไม่ใช่คนที่ไม่สนใจผู้หญิง แต่แค่ไม่ได้แสดงออกมากแค่นั้นเอง อีกอย่างแค่ไม่ได้คบใครเป็นเรื่องเป็นราว
ผมตัดสินใจให้เบอร์เธอไป พอเธอได้ตามที่ต้องการก็วิ่งลงจากรถเข้าไปในคอนโด ผมก็เงยหน้ามองคอนโดสูงๆ ที่อยู่ตรงหน้า
และมาวันนี้ ผมก็ได้เจอเธออีก ผมเห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะที่เธอไลน์มา แต่ไม่ได้เปิดอ่านพึ่งจะมาเปิดอ่านเมื่อเช้า และก็ไม่ได้ตอบกลับไป ผมคิดว่าถ้าเธออยากตอบแทนผมจริง ๆ เธอคงหาผมเจอเองเพราะผมมองสายตาของเธอออก
มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะเธอมากินข้าวที่คณะผม
ใครบอกว่าผมเป็นคนที่ไม่สนใจใคร ผมสนใจทุกคนที่เข้ามาในชีวิตแต่เลือกที่จะจำเป็นบางคนเท่านั้น และเธอคนนี้ก็ทำให้ผมจำเธอได้
เหตุการณ์ใต้ต้นไม้เมื่อตอนกลางวันผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่ง่วงและเธอก็อยู่ตรงนั้นพอดี พอมองเธอตรง ๆ สภาพดี ๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เรียกได้ว่าตรงสเปคผมเลยทีเดียว
ผมเลิกคิดเรื่องผู้หญิงคนนั้น เพราะขับมาถึงที่ร้านชิล ๆ แล้ว นั่นแหละครับชื่อร้าน
“ไปครับคุณชาย” พวกมันสองคนมาถึงก่อน แล้วยืนรอ ผมก็เดินเข้าไปในร้านเงียบๆ พวกมันมองหาที่นั่ง พอได้ที่ที่ต้องการพวกมันก็ตรงไปทันที ตอนนี้ยังไม่ดึกมากคนไม่เยอะเท่าไหร่ เท้าผมสะดุดนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงโต๊ะข้างๆ
“กูสั่งเอง พวกมึงช้า”
“เออๆ ให้อิหมวยสั่ง”
“เอา ต้มยำทะเล ปลากะพงนึ่งมะนาว ยำรวมมิตร ลาบทอด ตำปูปลาร้า มึงไม่กินปลาร้าใช่ไหมราม งั้นเอาตำไทยเพิ่มค่ะ ไก่ทอดเกลือ ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง แค่นี้พอไหมพวกมึง”