

บทที่ 3 เด็กบ้านแตก
เวลาผ่านไปเกือบห้าปีเด็กหญิงรัตติยากร กาญจณานุวัฒน์ ก็โตเป็นสาวและกำลังจะเข้าเรียมหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัดเชียงรายที่เป็นบ้านเกิดของคุณยายเพ็ญนภา
บ้านทรงไทยประยุกต์หลังใหญ่ตั้งโดดเด่นกลางไร่ผลไม้เกือบสองร้อยไร่ มีทั้งส้ม ลำไย มะม่วง กล้วย ที่เป็นรายได้ของคุณเพ็ญนภาแต่ไม่ใช่รายได้หลักเพราะท่านเพิ่งกลับมาดูแลไร่เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมานี่เองพื้นเพท่านเป็นคนอำเภอแม่จันแล้วแต่งงานกับหนุ่มกรุงเทพก็ใช้ชีวิตที่กรุงเทพพอสามีเสียชีวิตท่านก็กลับมาฟื้นฟูไร่ให้มันมีชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ดูแลจริงๆจังๆมานานเพราะไม่มีใครมาดูแล จะมีแค่ครอบครัวของนายต้อยกับสมพรที่ท่านจ้างให้ดูแลสวนและอนุญาติให้สองผัวเมียเก็บผลไม้ไปขายมาจุนเจือครอบครัวส่วนท่านก็ไปๆมาๆเพราะต้องดูแลหลานสาว
“ไอ้หนุ่ม พี่บอกให้แกไปเอาตะกร้ามาเร็วๆไง” เสียงหวานดังแว่วมาจากริมลำธารหรือที่คนทางเหนือเรียกว่าห้วยเป็นธารน้ำธรรมชาติที่ไหลมาจากบนภูเขา คนเป็นยายส่ายหน้าเมื่อได้ยินเสียงหลานสาวที่ทำตัวเหมือนเด็กผู้ชายเข้าไปทุกวัน
“ผมหาไม่เจอครับพี่ลูกหว้า ไม่รู้แม่เอาไปไว้ไหนครับ” เสียงแตกเนื้อหนุ่มของไอ้หนุ่มตอบลูกพี่ที่สั่งไปแล้วไม่ได้ดั่งใจสาวน้อยคนสวยจะให้ลูกน้องเอามารับมะม่วงที่เธอเก็บจะได้ไม่ตกเสียหาย
“แล้วยัยนุ่นล่ะ ได้อะไรมาบ้าง”
“นุ่มเอามีดกับน้ำปลาน้ำตาลพริกป่นกุ้งแห้งปลาร้ามาแล้วค่ะ” นุ่นยกตะกร้าใบขนาดกลางที่มีกระปุกสี่ห้าอันวางอยู่ให้คนตัวเล็กบนต้นมะม่วงที่นั่งห้อยขาลงมารอสองพี่น้องไปเอาของที่เธอสั่ง
“งั้น นุ่นทำพริกน้ำปลาหวานเอาให้อร่อยนะเดี๋ยวพี่จัดการมะม่วงเอง ไอ้หนุ่มรับมะม่วงนะอย่าให้ตกพื้น” เสียงหวานดังแว่วๆสั่งนั่นนี่โน่นเด็ดมะม่วงที่อยู่ใกล้มือโยนลงมาให้หนุ่มรับเกือบสิบลูกก็มีหลุดมือไปบ้างแต่ไม่เป็นไรจนสุดท้ายทั้งสามคนก็นั่งกินมะม่วงน้ำปลาหวานกันอย่างอร่อย
“นุ่นทำน้ำปลาหวานอร่อยสุดยอดเลย” ลูกหว้ายกนิ้วให้นุ่นแล้วหยิบมะม่วงจิ้มกินอย่างอร่อย
“ถ้านุ่นทำไม่อร่อยก็เสียชื่อแม่หมดสิคะพี่ลูกหว้า” เด็หญิงชมตัวเอง "พี่ลูกหว้าจะอยู่นานมั้ยคะ” นุ่นถามลูกพี่สาวที่มักจะมาอยู่กับคุณยายในช่วงปิดเทอมหากไม่ได้ไปเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ
“พี่จะมาเรียนที่นี่นะ น่าจะสักสี่ปีมั้ง” ลูกหว้าตอบหน้าตาเฉยแต่สองพี่น้องมองเธอตาโต
“จริงเหรอครับ / จริงเหรอคะ”
“ใช่สิ ใครจะมาพูดเล่นล่ะ” ลูกหว้ามองสองพี่น้องที่เธอรักและเอ็นดูเหมือนน้องจริงๆเธอเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้องมีแต่น้องสาวน้องชายลูกของอาชายที่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่จึงไม่สนิทกันและแม่ของเธอก็มีปัญหากับน้องสะใภ้ด้วยจึงทำให้ลูกของอาชายไม่ค่อยชอบเธอกับแม่
“พี่ลูกหว้าไม่ไปเรียนเมืองนอกเหรอคะ” นุ่นถามอย่างสงสัยลูกหว้าไปเรียนซัมเมอร์บ่อยๆก็นึกว่าเตรียมตัวไปเรียนต่อเมืองนอก
“ไปสิ พี่รอจบตรีก่อนแล้วค่อยไปต่อโทต่อเอกน่ะ” ลูกหว้าเรียนโรงเรียนสตรีชื่อดังมาตั้งแต่เด็กเรื่องภาษาอังกฤษเธอจึงแน่นไหนจะไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษอีกล่ะทำให้เธอพูดภาษาอังกฤษคล่องปรือ
“ดีจังเลยค่ะ นุ่นจะได้มีคนช่วยติวหนังสือจะไม่ง้อพี่หนุ่มแล้วล่ะ” นุ่นพูดอย่างดีใจที่จะมีคนเก่งช่วยติวหนังสือให้ก่อนทั้งสามจะแยกย้ายกันเข้าบ้าน
ร่างเพรียวนั่งกอดเข่าตรงระเบียงมุมส่วนตัวมองไปทางภูเขาสูงที่มีกลุ่มเมฆฝนปกคลุมมืดคลื้มไปทั่วตั้งแต่เช้าแล้วจนบ่ายฝนก็ยังตกๆหยุดๆ
“เป็นอะไรไปอีกล่ะฮึหลานยาย” คุณเพ็ญนภานั่งลงข้างหลานสาวที่หันมาโอบกอดท่านซุกตัวในอ้อมกอด
อันอบอุ่นของคุณยายที่ปลอบใจเธอทุกครั้งที่มีปัญหา คุณเพ็ญนภาสาวสวยชาวแม่จันจากบ้านไปเรียนต่อที่กรุงเทพได้พบรักกับคุณเสกสรรค์ ทรัพย์ไพศาล หนุ่มหล่อลูกชายนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พันล้านและแต่งงานกันมีลูกสองคน จีรนันท์ ทรัพย์ไพศาล วัยสี่สิบสามปีลูกสาวคนโตที่สืบทอดธุรกิจของครอบครัวแทนบิดาได้อย่างดีเยี่ยมแต่งงานกับวาคิน กาญจนานุวัฒน์ วัยสี่สิบห้าปี อดีตพระเอกชื่อดังในอดีตและปัจจุบันก็ยังทำงานในวงการควบคู่กับบริษัทนำเข้ารถยนต์หรูธุรกิจส่วนตัวของเขาที่ร่วมหุ้นกับรุ่นน้องและช่วยธุรกิจครอบครัวที่เขาทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ของโรงพยาบาล แบงค์คอก อินเตอร์เนชั่นเนล และในเครืออีกนับสิบแห่งทั่วประเทศมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ลูกหว้าหรือ รัตติยากร กาญจนานุวัฒน์ วัยสิบเจ็ดปีและเลิกกันตอนลูกสาวอายุได้สิบสองปีเพราะเมียจับได้ว่านอกใจ
ลูกชายคนเล็ก เทิดไทย ทรัพย์ไพศาล วัยสี่สิบปีแต่งงานกับสมฤทัยลูกสาวนักธุรกิจห้างหรูที่มีอยู่ทั่วประเทศมีลูกสองคน ลดามาศ หรือน้องลดาวัยสิบห้าปี ลูกสาวคนโตและลภณ วัยสิบสามปี เมื่อสามีเสียชีวิตคุณเพ็ญนภาก็กลับมาใช้ชีวิตอย่างพอเพียงอยู่บ้านเกิดให้ลูกสาวลูกชายบริหารธุรกิจต่อจากสามีเมื่อลูกสาวเลิกกับสามีท่านก็ไปๆมาๆระหว่างกรุงเทพกับเชียงรายเพื่อดูแลหลานสาวและตอนนี้ท่านต้องมาอยู่แม่จันถาวรเพราะหลานสาวเลือกเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังของเชียงราย
รัตติยากรเป็นเด็กที่ครอบครัวแตกแยกอยู่กับแม่ที่ดูแลธุรกิจของครอบครัวส่วนเธอก็อยู่กับคุณยายและพี่ต่ายพี่เลี้ยงที่เธอรู้จักตั้งแต่จำความได้จนเธออายุได้สิบสองปีเป็นครบรอบวันเกิดที่เด็กหญิงรัตติยากรจดจำไปตลอดชีวิตคือพ่อแม่เลิกกันเพราะพ่อลืมว่าเป็นวันเกิดของเธอแล้วพาคู่ควงไปกินอาหารที่ภัตตาคารลอยฟ้าและเป็นสถานที่เดียวกับแม่และคุณยายพาเด็กหญิงรัตติยากรไปเลี้ยงฉลองวันเกิดแล้วจ้ะเอ๋เข้าพอดีก็เกิดเรื่องพ่อกับแม่ทะเลาะกันและเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งว่าพ่อนอกใจแม่ทำให้ทั้งสองหย่าขาดจากกันทั้งที่ยังรักเธอจึงกลายเป็นเด็กบ้านแตกไปโดยปริยาย
พ่อไม่ได้แต่งงานใหม่แต่มีผู้หญิงไม่ขาดส่วนแม่ก็ทำแต่งานไม่สนใจผู้ชายที่เข้ามาจีบ ลูกหว้ารักแม่มากและไม่อยากไปนอนบ้านพ่อในวันศุกร์กับวันเสาร์ตามที่พ่อกับแม่ได้ตกลงกันไว้เธอจึงอ้างนั่นอ้างนี่เพื่อจะได้ไม่ไปนอนบ้านพ่อแต่บางครั้งก็อดสงสารท่านไม่ได้
“ไม่มีอะไรค่ะคุณยาย หว้าแค่ห่วงแม่จะอยู่คนเดียวหากหว้ามาเรียนที่นี่ค่ะ” รัตติยากรเผยความในใจให้ยายของเธอรู้
“งั้นเรียนที่กรุงเทพดีมั้ยลูก แม่นันท์เค้าจะได้ไม่เหงา” คุณยายบอกหลานสาวท่านก็เป็นห่วงลูกสาวเหมือนกันถึงแม้จะมีทั้งแม่บ้านเลขาและบอดี้การ์ดแต่ท่านก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่ค่ะ หว้าอยากเรียนที่นี่ค่ะ ไม่เป็นไรหว้าให้พี่ต่ายคอยดูแลคุณแม่ให้ค่ะ” สาวน้อยไว้ใจพี่เลี้ยงสาวมากเพราะต่ายดูแลคุณหนูของเธอมาตั้งแต่เด็กจนพบรักกับสามีที่เป็นคนขับรถให้แม่จึงทำให้ต่ายกับสมพงษ์ทำงานให้แม่ของเธอมานานแล้วตอนนี้เธอโตขึ้นดูแลตัวเองได้และมีคุณยายคอยดูแลจึงให้พี่เลี้ยงอยู่กรุงเทพคอยดูแลแม่
คุณเพ็ญนภาลูบศีรษะเล็กของหลานสาวเบาๆ รัตติยากรอายุยังน้อยแต่มีความคิดความอ่านกว่าอายุอยู่
กรุงเทพออกงานสังคมกับพ่อแม่หรือกับปู่ย่ารัตติยากรเป็นเด็กเรียบร้อยน่ารักพูดจาอ่อนหวานใครเห็นก็รักใคร่เอ็นดูกับกิริยามารยาทและหน้าตาสวยงามน่ารักสมกับเป็นลูกสาวอดีตพระเอกชื่อดัง รัตติยากรไม่สนใจงานในวงการเหมือนพ่อทั้งที่มีแมวมองและผู้จัดทั้งหลายติดต่อพ่อแม่ของสาวน้อยเพื่อให้แสดงละครเดินแบบถ่ายโฆษณาแต่รัตติยากรไม่เคยสนใจปฏิเสธหัวชนฝา จีรนันท์ก็ไม่อยากให้ลูกเข้าวงการผิดกับวาทินที่พยายามหว่านล้อมลูกสาวให้รับงานในวงการสุดท้ายก็ต้องยอมเพระลูกสาวไม่ชอบ
