บทที่ 8 แด๊ดดี้จะหย่ากับหม่ามี๊ไหม?
“ใช่ ฉันกลัว กลัวว่านายจะจับไม่ได้ ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายคงยังตามหาคนคนนั้นไม่เจอสินะ” เธอมองลี่ซือเจี๋ยด้วยสายตาเฉียบคมและมุ่งมั่น “คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คงไม่ปล่อยให้นายหาตัวพบแน่ แต่ต่อให้นายหาตัวมันเจอ มันก็คงจะพูดอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อฉันเท่าไหร่”
เธอไม่รอให้ลี่ซือเจี๋ยพูดอะไรโดยที่เธอรีบพูดต่อทันที “วันนั้นตอนที่ฉันกระโดดลงไปช่วยโยโยมีคนจับขาของฉันเอาไว้ไม่ให้ฉันขยับ ฉันพยายามดิ้นสุดแรง แต่ระหว่างที่พยายามดิ้นให้หลุดนั้นศีรษะของฉันกระแทกเข้ากับก้อนหิน”
“เธอพูดเรื่องพวกนี้เพื่อจะเอาตัวรอด?” ลี่ซือเจี๋ยสีหน้านิ่งเฉย
“เปล่า ฉันแค่อยากเตือนนายว่าอย่าเพิกเฉยเรื่องที่มีคนคิดจะทำร้ายโยโยเพียงเพราะอคติที่มีต่อฉัน ถ้าฉันอยากจะทำร้ายโยโยจริง คงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น แถมยังแลกด้วยการที่ตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอดอีก”
เวินชิงชิงพูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันที แผ่นหลังเหยียดตรง รูปร่างเพรียงบางของเธอเต็มไปด้วยความดื้อรั้น
เธอรู้ว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับหลินซูเซี่ยแน่ เพราะหลินซูเซี่ยรู้เรื่องที่เธอพาโยโยออกไปในวันนั้น และหลินซูเซี่ยก็เป็นคนเสนอความคิดเห็นนี้เองด้วย
ทีแรกหลินซูเซี่ยอาจจะแค่อยากจะแยกความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอสองแม่กับลูก แต่พอเห็นเธอกระโดดลงน้ำ จะหยุดกะทันหันก็ไม่ได้เลยต้องจัดการฆ่าเธอให้ตาย แต่กลับให้โอกาสเธอได้เกิดใหม่อีกครั้ง!
ลี่ซือเจี๋ยมองตามแผ่นหลังของเวินชิงชิงอยู่พักหนึ่งพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาพบว่าตั้งแต่เธอฟื้นหลังจากจมน้ำ เวินชิงชิงก็แตกต่างไปจากเมื่อก่อนจนทำให้ไม่สามารถละสายตาได้
โดยเฉพาะวิธีเข้าหาเขาแบบเป็นมิตร
เมื่อก่อนเวลาเธอมองเขา สายตาของเธอมักจะแสดงความรังเกียจและต่อต้านอยู่เสมอ ถึงขนาดไม่ยอมเข้าใกล้เขาเลย แต่เมื่อกี้แววตาของเธอทั้งเยือกเย็น ชัดเจน และนิ่งสงบ
“แด๊ดดี้?” โยโยกับซีซีที่อยู่ในห้องย่อมได้ยินเสียงพวกเขาสองคนคุยกันอยู่แล้ว
โยโยเปิดประตูเบา ๆ พลางเหลือบมองออกไป แต่เห็นแค่ลี่ซือเจี๋ยที่ยังคงนิ่งอยู่หน้าประตู
ลี่ซือเจี๋ยหันรถเข็นมาหาโยโย ก่อนจะเข้าไปข้างในห้อง
เขาเหลือบมองนมที่วางอยู่บนโต๊ะ
“นี่เป็นนมที่เขาเอามาให้พวกหนูเหรอ?”
“ใช่ค่ะ แต่พี่ชายไม่ให้หนูดื่มเพราะกลัวว่าหม่ามี๊จะใส่ยาพิษลงไปในนมค่ะ” ซีซีพูดด้วยเสียงเด็กน้อยของเธอ
โยโยไม่พูดอะไร แต่มองไปที่ลี่ซือเจี๋ย
“ถ้าไม่อยากดื่มก็ไปเททิ้งเถอะ” เมื่อนึกถึงเรื่องยาพิษในเมล็ดกาแฟ เขาก็ไม่สามารถเชื่อใจเวินชิงชิงได้เหมือนกัน
ซีซีมองโยโยเทนมทิ้งก่อนจะเบะปากเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ห้ามกินของที่หม่ามี๊ให้เหรอคะ?”
ลี่ซือเจี๋ยนิ่งเงียบและไม่ได้ตอบคำถามในทันที คำถามนี้...
หลังจากตรวจร่างกายของตัวเองแล้ว เขาก็ได้ตรวจร่างกายของลูกทั้งสองคนด้วย แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร ส่วนร่างกายของเขา เนื่องจากมีพิษปริมาณน้อยเกินไป และไม่ได้รับประทานเข้าไปเป็นเวลานาน ร่างกายจึงไม่มีปัญหาอะไร
อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเวินชิงชิงไม่ได้ลงมือกับลูก ๆ ทั้งสองคน แต่ระวังเอาไว้จะดีกว่า
“ต่อจากนี้ไป ของที่รับประทานร่วมกันสามารถทานได้ แต่ถ้าเป็นของที่เอาให้พวกหนูส่วนตัว พวกหนูก็ไม่ต้องกิน” จนกว่าจะมีหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเวินชิงชิง ระมัดระวังไว้จะดีกว่า
สุขภาพของเด็กยิ่งมีปัญหาง่ายด้วย
ซีซีกัดริมฝีปากอย่างเศร้าใจ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง เธอก็มองลี่ซือเจี๋ยด้วยดวงตากลมโตแล้วพูดว่า “แด๊ดดี้ อันที่จริงหม่ามี๊ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะคะ”
เมื่อมองท่าทางของซีซี ลี่ซือเจี๋ยก็นึกขึ้นได้ว่าถ้าหากเวินชิงชิงต้องการจะใช้ประโยชน์จากลูก ๆ ทำไมถึงไม่ใช้ซีซีที่เชื่อฟังมากกว่า เพราะความสัมพันธ์ระหว่างซีซีกับเธอก็ดีอยู่ไม่น้อย
ตอนที่อยู่โรงพยาบาลคุณหมอก็บอกว่าเวินชิงชิงมีรอยฟกช้ำตามร่างกายหลายจุด ซึ่งน่าจะเกิดจากตอนที่ถูกตรึงและควบคุมตัวเอาไว้ ฉะนั้น เธอไม่ได้โกหก?
“เอาล่ะ ดึกมากแล้ว พวกหนูต้องเข้านอนแล้วนะ”
ซีซีกับโยโยต่างขึ้นนอนบนเตียงของตัวเอง แต่ทั้งคู่ยังมองมาที่ลี่ซือเจี๋ย
“แด๊ดดี้ถึงเวลาเล่านิทานก่อนนอนแล้วค่ะ”
ลี่ซือเจี๋ยเผยรอยยิ้มอ่อนโยนที่หายากออกมา ก่อนเขาจะหยิบหนังสือนิทานขึ้นมาเริ่มเล่าเรื่องให้พวกเขาฟังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เด็กทั้งสองคนฟังไปสักพักก็เริ่มเข้าสู่อาการสะลึมสะลือ
ขณะที่ลี่ซือเจี๋ยกำลังจัดปลายผ้าห่มให้โยโย เขาก็ได้ยินเสียงโยโยกระซิบเบา ๆ ว่า “แด๊ดดี้ หม่ามี๊ไม่ได้เกลียดผมใช่ไหม”
หัวใจของเขากระตุกแรง ยิ่งเห็นน้ำตาที่เกาะอยู่บนหางตาของโยโย เขายิ่งรู้สึกปวดใจมาก
วันรุ่งขึ้น
อาการบาดเจ็บของเวินชิงชิงเกือบจะหายดีแล้ว และเธอตัดสินใจกลับบ้านที่เคยอาศัยในวัยเด็ก
แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถเข้าออกคฤหาสน์ตระกูลลี่ตามอำเภอใจได้ จะออกไปไหนต้องขออนุญาตลี่ซือเจี๋ยก่อน ซึ่งนั่นทำให้เธออดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้
ชีวิตในคุกของเวินชิงชิง คุณนายตระกูลลี่!
“ฉันอยากกลับบ้านที่เคยอยู่ตอนเด็ก นายจะให้คนตามฉันไปด้วยก็ได้” เธอบอกกับลี่ซือเจี๋ย
กับเวินชิงชิงที่ตรงไปตรงมาแบบนี้ ทำให้ลี่ซือเจี๋ยไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะจะให้เขาขังเวินชิงชิงไม่ให้ออกไปไหนเลยก็ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงตอบตกลง
เวินชิงชิงมาถึงบ้านพักที่เคยอาศัยอยู่ตอนสมัยเด็กพร้อมกับคนขับรถและคนรับใช้อีกคน
เธอมองบ้านหลังใหญ่หลังนี้แล้วคิดถึงพ่อแม่ที่จากไปของเธอ คิดถึงช่วงเวลาที่มีความสุขและไร้เดียงสาที่เธอเคยมี เพียงแต่ทั้งหมดนี้ได้สลายหายไปพร้อมกับตอนที่พ่อแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุแล้ว จากนั้นเธอต้องใช้ชีวิตอยู่แบบพึ่งพาคนอื่น
ทีแรกบ้านหลังนี้เกือบจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ ต่อมาไม่รู้เพราะอะไรถึงรักษาบ้านหลังนี้เอาไว้ได้ ของทุกอย่างในบ้านก็ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว
เธอเดินเข้าไปในห้องหนังสือ ทุกอย่างข้างในยังคงเหมือนเดิมก่อนที่เธอจะจากไป
เธอมองสิ่งของพวกนี้อย่างเหม่อลอย ฝุ่นที่เกาะอยู่ข้างบนเพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าบ้านหลังนี้ไม่มีใครเข้าออกมานานแค่ไหนแล้ว
“คุณนายคะ ให้ทำความสะอาดไหมคะ” คนรับใช้เอ่ยถาม
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจะหาของที่จะขนกลับไปด้วยออกมาก่อน แล้วพวกเธอค่อยมาช่วยขนไปที่รถก็พอแล้ว”
ไม่นานเธอก็หาสิ่งของที่อยากจะเอาไปด้วยออกมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากพวกเขาขนขึ้นรถแล้วก็กลับไปทันที หลังจากกลับมาถึงก็ขนเข้าไปไว้ที่ห้องของเวินชิงชิง
“พวกเธอไปทำงานของตัวเองเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ขอบคุณมาก”
คนขับรถและคนรับใช้ต่างอึ้งไปตาม ๆ กัน เพราะเมื่อก่อนเวินชิงชิงปฏิบัติกับพวกเขาแย่มาก คำพูดเย็นชา ที่พวกเขาอดทนก็เพราะเวินชิงชิงคือคุณนายลี่
แต่ตอนนี้เธอกลับพูดขอบคุณพวกเขางั้นเหรอ?
ทั้งสองมองหน้ากันและเดินออกจากห้องนอนไปพร้อมกับความงุนงงสงสัยที่เกิดขึ้นในใจ
คนขับรถไปรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดให้ลี่ซือเจี๋ยทราบ
“เธอแค่ไปเอาของบางอย่างแล้วก็กลับมางั้นเหรอ?”
“ครับคุณชาย”
“ของที่ว่าคืออะไร?”
“พวกหนังสือต่าง ๆ ครับ คุณนายแค่เข้าไปเก็บของในห้องหนังสือครับ”
ลี่ซือเจี๋ยขมวดคิ้วพลางคิดว่าการกระทำของเวินชิงชิงดูแปลกมาก ไปขนของพวกนี้จากบ้านเก่ามาทำไม?
เท่าที่เขารู้ หลังจากพ่อแม่ของเวินชิงชิงประสบอุบัติเหตุ เธอก็หายตัวไปเป็นปี จากนั้นก็ถูกตระกูลหลินรับไปเลี้ยงดู ปกติแล้วแทบจะไม่กลับไปที่คฤหาสน์เก่าเลย พฤติกรรมแบบนี้ผิดปกติมาก
...
คฤหาสน์เก่า
เวินชิงชิงมองดูกล่องหนังสือและบันทึกต่าง ๆ ก่อนจะเผยยิ้มอย่างมีความสุข โชคดีที่ของทุกอย่างยังอยู่
หนังสือพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นหนังสือทางการแพทย์แผนจีนและสูตรอาหาร
ตอนเด็กเธอบังเอิญมีโอกาสได้เรียนแพทย์แผนจีนจากปรมาจารย์ท่านหนึ่ง แล้วยังเคยช่วยตรวจอาการป่วยให้คนอื่นโดยที่มีปรมาจารย์คอยช่วยเหลือด้วย เดิมทีตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธออยากเลือกเอกการแพทย์แผนจีน แต่ภายใต้คำโน้มน้าวของหลินซูเซี่ยทำให้ลงเรียนออกแบบเสื้อผ้า
ต่อมาหลินซูเซี่ยไปได้ยินมาว่าเปิดร้านอาหารทำกำไรมาก ก็มาลากเธอไปเปิดร้านอาหารด้วยในฐานะหุ้นส่วน ทำให้เธอต้องเรียนรู้การทำอาหารอีก ปรากฏว่ามีครั้งหนึ่งลูกค้าทานอาหารที่เธอทำแล้วพบว่ามีปัญหา ทำให้ร้านอาหารต้องชดเชยเงินให้ นั่นทำให้เธอต้องถอนตัวออกจากร้านอาหาร และมอบทุกอย่างให้หลินซูเซี่ยดูแล ซึ่งตอนนี้ร้านอาหารกำลังไปได้สวย
ตอนนี้มาคิด ๆ ดูแล้วก็เป็นเพราะเธอไม่เคยระแวดระวังหลินซูเซี่ย ทำให้ตกหลุมพรางครั้งแล้วครั้งเล่า
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วจัดหนังสือและสมุดบันทึกต่าง ๆ เข้าที่ให้เรียบร้อย
เมื่อดูปฏิทินบนโต๊ะ สายตาของเธอก็หยุดลงตรงวันที่ 17 เมษายน ซึ่งนั่นเป็นวันครบรอบวันเกิดเจ็ดสิบปีของนายหลินเฒ่า เธอกระตุกมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มแสนเย็นชา
หลินซูเซี่ย เมื่อวันนั้นมาถึงฉันจะประกาศสงครามกับเธอ!
อะไรก็ตามที่เธอพรากไปจากฉัน ฉันจะเอาคืนให้หมด!