บทที่ 3 ความบ้าคลั่งของสามีผู้แสนจะหวาดระแวง
“พี่เจ๋อยวี่ ฉันเอง ฉันฟื้นแล้ว”
“ชิงชิง ในที่สุดเธอก็ฟื้นสักที! ฉันเป็นห่วงแทบแย่ ต่อไปอย่าทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้อีกนะเข้าใจไหม?”
เวินชิงชิงเหลือบมองหลินซูเซี่ยด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม และพูดอย่างมีเลศนัยว่า “เข้าใจแล้วค่ะ แต่ว่าพี่เจ๋อยวี่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันขนาดนี้หรอกค่ะ เดี๋ยวพี่สาวจะหึงเอา”
หลินซูเซี่ยตกตะลึง
“ชิงชิง เธอพูดอะไรน่ะ?”
“อ้าว? เมื่อกี้พี่เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าพี่เจ๋อยวี่เป็นแฟนพี่ และฉันควรจะรักษาระยะห่างกับเขา” เวินชิงชิงพูดอย่างไร้เดียงสา
หลินซูเซี่ย "..."
“ฉันแค่ล้อเล่นเอง เขาเห็นเธอเป็นน้องสาวจะเป็นห่วงเธอก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว”
“ฉันรู้ว่าพวกพี่ดีกับฉันมาก ดังนั้น ฉันควรจะว่าง่ายมากกว่านี้”
เธอรู้ว่าวันนี้หลินซูเซี่ยมาดูเธอเพื่ออะไร ดังนั้น เธอจึงจงใจพูดด้วยท่าทีเมินเฉยไม่มีมารยาท และพูดกับสวี่เจ๋อยวี่แบบขอไปทีอย่างใจเย็น
แล้วก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เสียงจากปลายสายดูเริ่มหมดความอดทนมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเห็นดังนั้น หลินซูเซี่ยจึงรีบพูดเร่งทันที “พี่เจ๋อยวี่ พี่มีเรื่องอยากขอให้ชิงชิงช่วยไม่ใช่เหรอ”
“อ่า? พี่เจ๋อยวี่เก่งขนาดนี้ยังต้องให้ฉันช่วยอะไรอีกเหรอคะ?” น้ำเสียงของเวินชิงชิงยังคงอ่อนโยนและไร้เดียงสาเหมือนเคย
สวี่เจ๋อยวี่ที่อยู่ปลายสายจุกไปเล็กน้อยจนเกือบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้ง!
จากนั้นเขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และดัดเสียงให้ฟังดูลำบากใจ “ชิงชิง พี่รู้ว่าช่วงนี้เธอต้องเจอกับเรื่องทุกข์ทรมานมามาก และตอนนี้ร่างกายเธอก็อ่อนแอมาก และพี่ไม่ควรให้เธอไปทำเรื่องแบบนี้ แต่...”
“ใช่! ตอนนี้ร่างกายฉันอ่อนแอมาก ดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้”
ทันทีที่เวินชิงชิงพูดออกไปแบบนั้น ปลายสายก็เงียบไปครู่หนึ่ง
แม้จะคุยกันทางโทรศัพท์ แต่เวินชิงชิงก็สามารถนึกภาพอีกฝ่ายแยกเคี้ยวยิงฟันได้
เธอพยายามกลั้นหัวเราะ และจงใจทำสีหน้าท่าทางเสียใจ
หลินซูเซี่ยก็โมโหแทบจะเป็นลมเหมือนกัน นังเด็กชั้นต่ำนี่ทำไมไม่แบไพ่ตามเกมนะ!
“ชิงชิง เธอช่วยพี่เจ๋อยวี่หน่อยเถอะ ระยะนี้ลี่ซือเจี๋ยกดขี่พี่เจ๋อยวี่มาก เธอเองก็รู้ใช่ไหมว่าทำไมเขาถึงกดขี่พี่เจ๋อยวี่ นั่นก็เพราะเธอ...”
“ไม่เกี่ยวกับชิงชิง เธอไม่ต้องพูดแล้ว ลี่ซือเจี๋ยก็แค่ใช้อำนาจส่วนรวมมาแก้แค้นเรื่องส่วนตัวก็เท่านั้น ก็แค่พฤติกรรมของพวกตัวร้ายเท่านั้นเอง!”
หลินซูเซี่ยทำได้เพียงหุบปาก แต่การแสดงออกทางสีหน้าของเธอกลับกำลังบอกกับเวินชิงชิงว่า ‘เพราะแกคนเดียว แล้วแกยังไม่ช่วยอีก?’
พวกเขาทั้งสองคนประสานงานกันอย่างดีและคิดว่าทำออกมาได้สมบูรณ์แบบไม่มีพิรุธเลย
ทว่า กลับไม่ได้สังเกตรอยยิ้มแสนเย็นชาที่ซ่อนอยู่มุมปากของเวินชิงชิงเลย
“พี่เจ๋อยวี่ พี่สาว พวกพี่ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะช่วยพวกพี่เองค่ะ พวกพี่ว่ามาเลยว่าจะให้ฉันทำอะไร ฉันรู้ว่าพวกพี่คงไม่ให้ฉันไปทำเรื่องที่เสียงอันตรายหรอก ใช่ไหมคะ?”
หลินซูเซี่ย "..."
“แน่นอนอยู่แล้ว! ก็แค่อยากให้เธอแอบไปขโมยแผนงานฉบับหนึ่ง ง่ายมาก เธอแค่อาศัยจังหวะที่ลี่ซือเจี๋ยไม่อยู่ ไปขโมยมาแล้วถ่ายรูปส่งมาให้พวกเราก็พอ”
“โอเคค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันขโมยมาได้แน่ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ชิงชิง ตราบใดที่พวกเราร่วมมือกัน พวกเราต้องเอาชนะลี่ซือเจี๋ยได้แน่ ถึงตอนนั้นเธอก็จะไปจากเขาได้!”
“อื้ม!” เวินชิงชิงพยักหน้าอย่างแรง
ด้านนอกห้องพักผู้ป่วย
ลี่ซือเจี๋ยที่หวนกลับมาอีกครั้งสีหน้าดูแย่จนน่ากลัว
มือที่วางอยู่บนที่จับรถเข็นกำหมัดแน่น และจ้องมองไปที่ประตูห้องที่ปิดสนิทอย่างไม่ละสายตา
เวินชิงชิง ที่แท้ที่เธอไม่ยอมหย่าก็เพื่อผู้ชายคนนั้นเหรอ!
ผู้ดูแลที่อยู่ด้านหลังพูดอย่างระแวดระวัง “คุณชายจะเข้าไปข้างในไหมครับ?”
“แจ้งโรงพยาบาลให้ดำเนินเรื่องออกจากโรงพยาบาลเลย”
ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์โกรธ แล้วหันรถเข็นเตรียมจะจากไป
“แต่ว่าคุณนายยังไม่หายดี...”
“อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”