บทที่ 15 เอาชนะใจเด็กสองคนด้วยอาหารรสเด็ด
วันรุ่งขึ้น เวินชิงชิงตื่นตั้งแต่เช้า ทั้งไปซื้อผัก และเตรียมส่วนผสมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อย
“คุณนายนี่จะ...”
“มื้อเย็นเดี๋ยวฉันทำเอง พวกเธอคอยช่วยฉันแล้วกัน”
“หือ? คุณนายจะทำอาหารเหรอคะ?” เชฟตกใจไปตาม ๆ กัน
ตระกูลลี่มีเชฟสองคน คนหนึ่งเป็นเชฟ อีกคนเป็นผู้ช่วยเชฟ ซึ่งรับผิดชอบอาหารสามมื้อต่อวันของตระกูลลี่
เวินชิงชิงไม่เคยเข้าครัวมาก่อน
“ใช่” เธอไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะแทนที่จะพูดมากสู้พิสูจน์ด้วยฝีมือที่แท้จริงจะดีกว่า
ประมาณบ่ายสอง เธอก็ยุ่งอยู่กับงานในครัว เชฟทั้งสองคนเฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ ช่วยส่งจานให้เป็นครั้งคราว และช่วยปอกกระเทียม หั่นผลไม้
ทีแรกพวกเขาสงสัยในฝีมือการทำอาหารของเวินชิงชิงมาก พลางคิดในใจว่าเธอคงกำลังพยายามทำให้ลี่ซือเจี๋ยและลูกสองคนพอใจกับการแสดงออกแบบนี้
ทว่าหลังจากได้เห็นทักษะการใช้มีดและเทคนิคการทำอาหารของเวินชิงชิงแล้ว พวกเขาถึงกับมึนงงทันที
“ฉันไม่ได้ทำอาหารมานานแล้ว ทักษะการใช้มีดของฉันอาจจะขึ้นสนิมไปบ้างแล้ว เลยหั่นได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่” เวินชิงชิงมองผักที่ตัวเองหั่นอย่างไม่พอใจนัก
เชฟทั้งสองคน ? ? ? พวกเขาสองคนแอบสงสัยว่าเธอกำลังอวดฝีมืออยู่หรือเปล่า
“คุณนายกำลังจะทำผักกาดขาวปลีต้มเหรอครับ”
“ใช่”
ทั้งสองคนตกตะลึงไปอีกครั้ง ผักกาดขาวปลีต้มเป็นอาหารระดับชาติเลยนะ ฟังจากชื่ออาจจะฟังดูธรรมดา แต่วิธีทำนั้นประณีตมาก
วัตถุดิบสำหรับการทำผักกาดขาวปลีต้มต้องใช้แม่ไก่แก่ เป็ด แฮม ซี่โครง หอยเชลล์ และของอื่น ๆ และยังต้องใช้กะหล่ำปลีที่อ่อนมาก ๆ กระบวนการทำซับซ้อนและประณีตมาก
มองจากภายนอกอาจดูเหมือนชามกะหล่ำปลีที่มีน้ำ แต่ทันทีที่ได้ลองชิมซุป รสชาติที่ได้จะหอมหวน และไม่มันเลี่ยน
กะหล่ำปลีกรอบ หวาน และสดมาก
“เชฟทั้งสองคนลองชิมดูสิ” เวินชิงชิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่บังอาจครับ ไม่บังอาจ” เชฟทั้งสองคนชิมซุป ทันใดนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็ตาสว่างขึ้นมาทันที “คุณนาย รสชาติดีมากเลยครับ”
เวินชิงชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก อาหารจานนี้ยากมากๆ และอาจจะเสียเปล่าถ้าทำไม่ถูกวิธี
ยิ่งเมื่อได้มองอาหารจานอื่น ๆ เชฟทั้งสองคนก็ไม่กล้าดูแคลนฝีมือการทำอาหารของเวินชิงชิงอีกต่อไป พวกเขาถือเป็นเชฟผู้รอบรู้ แค่ได้มองท่าทางของเวินชิงชิงก็รู้ว่าเธอเคยเรียนมาแน่นอน และเธอต้องเรียนมาจากปรมาจารย์ที่เก่งมากแน่ ๆ
“ในที่สุดก็เสร็จสักที พวกคุณช่วยยกออกไปทีนะ ขอบคุณค่ะ”
“คุณนายจะเกรงใจเกินไปแล้วครับ” พวกเขาอยากจะแบ่งปันทักษะการทำอาหารกับเวินชิงชิงอีกสักเล็กน้อย ทักษะการใช้มีดแล่ปลาของเธอทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก
หลังจากยกอาหารออกมาทั้งหมดแล้วก็ไปเรียกคนอื่น ๆ มาทานอาหาร
“ว้าว กลิ่นหอมจังเลย” ซีซีกับโยโยออกมาแล้วเพราะได้กลิ่นหอม จมูกเล็ก ๆ พยายามสูดกลิ่น ปากก็พยายามสูดกลิ่นเข้าไปด้วย
“คุณชายครับ อาหารเย็นวันนี้คุณนายเป็นคนทำเองทั้งหมด พวกเราแค่คอยช่วยเท่านั้น มีอาหารสามอย่างซุปหนึ่งอย่างครับ”
“ผักกาดขาวปลีต้ม ปลากระพงนึ่งซีอิ๊ว หมูนึ่ง เต้าหู้กุ้งซุปไข่เค็ม แล้วก็มีของหวานด้วยครับ เป็นเยลลี่ยาคูลท์มิกซ์ฮันนี่”
ลี่ซือเจี๋ยมองเวินชิงชิงด้วยความประหลาดใจเหมือนไม่เชื่อว่าทั้งหมดนี้เวินชิงชิงเป็นคนทำทั้งหมด
โยโยที่ตอนแรกขยับตะเกียบคีบอาหารแล้ว พอได้ยินว่าเวินชิงชิงเป็นคนทำก็ชะงักนิ่งไปทันที แต่พอมองอาหารอันโอชะพวกนี้แล้วก็ไม่อยากชักตะเกียบกลับ ทำได้แค่ตัวแข็งค้างอยู่กลางอากาศอย่างเก้อเชิน
แต่ซีซีกินหมูนึ่งไปแล้วหนึ่งคำ “หม่ามี๊ นี่หม่ามี๊เป็นคนเองเหรอคะ หนูนึกว่าเป็นฝีมือพระเจ้าเลยนะคะเนี่ย อร่อยจังเลย”
โยโย ? ?
น้องพี่ ไม่ต้องโอเว่อขนาดนี้ก็ได้
“จริงเหรอ? อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ? หม่ามี๊ลองชิมบ้างสิ”
เวินชิงชิงชิมดูบ้าง รสชาติดีจริง ๆ ดูเหมือนว่าทักษะการทำอาหารของเธอจะไม่ถดถอยไปเลย สมกับที่เธอเรียนอย่างหนัก
“อาเจี๋ยอยากกินอะไรตามสบายเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“…” เธอต่างหากที่เกรงใจเกินไป
โยโยลองเยลลี่ยาคูลท์มิกซ์ฮันนี่และนั่นทำให้เขาต้องประหลาดใจมาก ก่อนจะตักกินอีกสองสามคำ เห็นได้ชัดว่าเขาชอบมันมาก
“กินอาหารก่อน ไม่อย่างนั้นจะกินของหวานจนอื่มไม่ได้นะ” เวินชิงชิงพูดกับเขา
เขาเก้อเขินเล็กน้อย แต่ก็ยอมวางเยลลี่ยาคูลท์มิกซ์ฮันนี่ไว้ข้าง ๆ ก่อนจะเริ่มทานอาหาร
เวินชิงชิงช่วยตัดเต้าหู้กุ้งซุปไข่เค็มให้เขากับซีซี “ดื่มซุปก่อน”
ลี่ซือเจี๋ยลองชิมไปสองสามคำก็พบว่ารสชาติอร่อยจริงๆ
“เธอเรียนทำอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่?” เขาถามอย่างสบาย ๆ
“เมื่อก่อนสมัยเรียน หลินซูเซี่ยบอกว่าอยากเปิดร้านอาหาร ฉันก็เลยไปเรียนกับเชฟมาสักระยะ” เธอบอกอย่างไม่ปิดบัง
เขาเคยชินกับการที่เวินชิงชิงพูดชื่อหลินซูเซี่ยอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้แล้ว เขาสังเกตเห็นว่าท่าทีของเวินชิงชิงที่มีต่อหลินซูเซี่ยก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเหมือนกัน
“หลังจากนั้นล่ะ”
“มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันทำอาหารให้ลูกค้าทานแล้วท้องเสีย ต้องชดเชยเงิน หลินซูเซี่ยก็เลยไม่ให้ฉันไปที่นั่นอีก ต่อมาร้านอาหารก็ตกเป็นของเธอ” เธอพูดคำเหล่านี้ออกมาเบา ๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ตอนนั้นเธอถูกหลินซูเซี่ยหลอกเหมือนคนโง่ ลูกค้าคนนั้นหลินซูเซี่ยเป็นคนจ้างมาให้จงใจทำแบบนั้น เพราะตอนนั้นกิจการร้านอาหารกำลังไปได้สวย หลินซูเซี่ยไม่อยากให้เธอได้กำไรด้วย เลยใช้วิธีนี้เป็นเหตุผลในการปลดเธอออก
โชคดีที่ไม่ใช่ว่าไม่ได้อะไรมาเลย เพราะอย่างน้อยเธอก็ได้ทักษะการทำอาหารมา
“ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเธอกับหลินซูเซี่ยก็ไม่ได้ดีนัก” ลี่ซือเจี๋ยพูดเย้ยหยัน
“ฉันก็คิดแบบนั้น”
คำตอบของเธอทำให้ลี่ซือเจี๋ยคาดไม่ถึง เมื่อก่อนเธอยืนอยู่ข้างหลินซูเซี่ยมาตลอด แค่ลี่ซือเจี๋ยพูดถึงหลินซูเซี่ยในทางที่ไม่ดี เธอก็โกรธมากแล้ว
“หม่ามี๊ พรุ่งนี้หม่ามี๊จะทำอาหารอีกไหมคะ หม่ามี๊ทำอาหารอร่อยมากเลย” ซีซีเรียกได้ว่าประจบประแจงเก่งมาก ปากเล็ก ๆ ยังกินอาหารเต็มปาก ริมฝีปากมีแต่คราบน้ำมัน
“ได้สิ ถ้าพวกหนูชอบกิน หม่ามี๊ก็จะทำ”
เชฟทั้งสองคนใจสั่นเล็กน้อย ‘พวกเขากำลังจะตกงานงั้นเหรอ’
แม้ว่าโยโยจะไม่พูดอะไร แต่เขาก็ยังกินไม่หยุด เหมือนกระรอกน้อยที่กำลังยุ่งกับการกินอาหาร ซึ่งการกระทำได้แสดงความคิดของตัวเองออกมาหมดแล้ว
ตอนกลางคืน เวินชิงชิงก็ศึกษาสูตรอาหารและเทคนิคการฝังเข็มตามปกติ
เธอวางแผนจะทำอาหารบำรุงให้ลี่ซือเจี๋ย เอาแบบที่ชิมแล้วไม่รู้ว่าเป็นยาแถมยังดีต่อสุขภาพของเขาด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงจะสงสัยว่าเธอวางยาพิษอีก
เรื่องกาแฟเธอเดาว่าลี่ซือเจี๋ยน่าจะรู้แล้ว ดังนั้นถึงได้ระมัดระวังเธอเป็นพิเศษ
ในเมื่อเธอทำผิด เธอก็ต้องยอมรับ
วันรุ่งขึ้น เธอออกไปซื้อส่วนผสมกลับมาแล้ว ก่อนจะได้รับโทรศัพท์จากหลินซูเซี่ยขอให้เธอไปหา ปลายสายเอาแต่ร้องไห้ เธอรู้ว่าคงจะเป็นเรื่องนั้นแน่ ๆ จึงตอบตกลง
เธอไปหาลี่ซือเจี๋ย
“อาเจี๋ย ฉันทำอาหารเย็นที่บ้านไม่ได้แล้วนะ หลินซูเซี่ยโทรมาบอกให้ฉันไปหา นายบอกเด็ก ๆ ให้ด้วยนะ”
ตอนนี้เด็ก ๆ ทั้งสองคนไม่อยู่บ้าน เธอจึงไม่ได้บอกด้วยตัวเอง
“หลินซูเซี่ยเรียกเธอไปหาเรื่องอะไร” สายตาของเขามองอย่างไม่ใส่ใจราวกับว่าเขากำลังรอว่าเวินชิงชิงจะพูดความจริงไหม
“งานเลี้ยงวันเกิดคุณปู่เมื่อคราวก่อน หลินซูเซี่ยจูบกับผู้ชายคนหนึ่งแล้วถูกสวี่เจ๋อยวี่จับได้ เธอเรียกฉันไปคงจะเพราะอยากจะแก้ปัญหาเรื่องนี้”
ลี่ซือเจี๋ยแปลกใจนิดหน่อย แอบจูบกับผู้ชายคนอื่นในงานวันเกิดของคุณปู่ แถมยังถูกคู่หมั้นจับได้อีก?
“เกิดเรื่องแบบนี้กับพวกเขา เธอก็มีโอกาส”
“โอกาสอะไร” เธอถามพร้อมเลิกคิ้วอย่างจงใจ
“ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์!”
ลี่ซือเจี๋ยมองเธอด้วยสายตาประชดประชัน
“เขา?” เวินชิงชิงหัวเราะเย้ยหยันอย่างเหยียดหยาม “เขาหล่อกว่านายไหม เขารวยกว่านายหรือเปล่า เขาเก่งกว่านายงั้นเหรอ”
แต่สายตาของลี่ซือเจี๋ยกลับจ้องไปที่ขาของตัวเอง
ไม่ว่าเขาจะเก่งกว่าสวี่เจ๋อยวี่มากแค่ไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาเทียบสวี่เจ๋อยวี่ไม่ได้ นั่นก็คือขาที่แข็งแรง!