บทที่ 16 ชายเลวหญิงชั่วกัดกันเอง
เวินชิงชิงสังเกตเห็นสภาพเขาก็รู้ว่าเขาใส่ใจขาตัวเองอีกครั้ง
เธอเดินไปยืนด้านหลังวีลแชร์ โน้มตัวไปกระซิบทุ้มต่ำข้างหูเขา “อย่ากังวล มันจะดีขึ้น! นายยอดเยี่ยมกว่าเขาร้อยเท่า”
ลมหายใจอุ่นเข้าไปในหู เขี่ยในช่องหูเบาๆ เหมือนขนนก มันทั้งจั๊กจี้และเสียวซ่าน
เขากำลังจะเคลื่อนวีลแชร์เพื่อเว้นระยะห่าง เวินชิงชิงกลับขยับก่อน เดินมาตรงหน้าเขาแล้วโบกมือให้เขา “ฉันไปดูก่อนนะว่าเกิดอะไรขึ้น จะกลับบ้านก่อนสามทุ่ม”
บ้าน? เธอเห็นที่นี่เป็นบ้านเธอเหรอ?
เวินชิงชิงไปแล้ว ไม่เห็นปฏิกิริยาของลี่ซือเจี๋ยในขณะนี้
เธอขับรถไปที่ตระกูลหลิน
“สวัสดีค่ะคุณอาคุณน้า”
“ชิงชิงมาแล้วเหรอ เธอรีบไปดูเซี่ยเซี่ยเร็วเข้า หล่อนขังตัวเองในห้องตลอดเลย ข้าวก็ไม่กิน เราร้อนใจกันแทบตายแล้ว”
“ได้ค่ะ ฉันจะไปดู พวกคุณไม่ต้องกังวลนะคะ”
เวินชิงชิงนำอาหารเล็กน้อยเข้าไปในห้องหลินซูเซี่ย
พอเข้าไปก็เห็นดวงตาหลินซูเซี่ยร้องไห้จนแดงไปหมด
“ชิงชิง ฉันควรทำยังไงดี? พี่เจ๋อยวี่ไม่สนใจฉันแล้ว”
“ถ้าพี่เจ๋อยวี่ต้องการถอนหมั้นฉันจะทำยังไงดี?”
“พี่ไปหาเขาแล้วเหรอ?”
“เขาไม่รับสายฉัน ฉันไปหาเขาที่บริษัท เขาไม่อยากคุยกับฉัน ให้ฉันกลับบ้าน ฉันไม่อยากโวยวายจนน่าเกลียดเกินไปก็เลยกลับมา เธอช่วยฉันหน่อยสิ”
เวินชิงชิงถอนหายใจ “เรื่องนี้จัดการยากจริงๆ”
“ชิงชิง เธอต้องช่วยฉันนะ ถ้าพี่เจ๋อยวี่ถอนหมั้นฉัน ฉันจะไปตาย!”
“……” งั้นเธอก็รีบไปซะ! ตอนนี้ เวลานี้ เดี๋ยวนี้!
หลินซูเซี่ยเห็นเวินชิงชิงรู้สึกเฉยๆ จึงรู้สึกทันทีว่าแสดงละครต่อไปไม่ลง
“ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่ดื่มเหล้าเยอะขนาดนั้นหรอก ใครจะไปรู้เผลอดื่มเหล้าเยอะ แถมโดนไอ้สารเลวนั่นฉวยโอกาสอีก!” หลินซูเซี่ยพูดกัดฟันกรอด
“พี่ ตอนนั้นที่เราเห็น พี่ไม่ได้โดนบังคับจูบ เหมือนกับว่า……” เพลิดเพลินมาก!
จูบก็จูบ แถมจูบอย่างเพลิดเพลินอีก จะให้สวี่เจ๋อยวี่เอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“ตอนนั้นฉันเมา ฉันคิดว่าเป็นพี่เจ๋อยวี่น่ะ” หลินซูเซี่ยพูดอย่างหงุดหงิด
“……”
“พี่ เรื่องนี้ต้องกลายเป็นหนามในใจสวี่เจ๋อยวี่แน่ๆ จะนึกถึงเรื่องนี้ทุกครั้งที่เห็นพี่”
“แล้วทำยังไงดี?”
เวินชิงชิงคิดแล้วพูดขึ้น “ไม่มีวิธีที่ดีแล้วจริงๆ นอกจากว่าจะย้อนเวลากลับไป หรือไม่ก็ให้เขาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นบ้าง แบบนี้พี่ก็จะเสมอกัน”
หลินซูเซี่ยกลับตื่นเต้นขึ้นมาทันใด จับไล่เวินชิงชิงเอาไว้ “ชิงชิง เธอพูดถูก แค่ให้เขาทำเรื่องผิดพลาดเหมือนกัน แบบนั้นเราสองคนก็จะเสมอกัน เขาก็อารมณ์เสียใส่ฉันไม่ได้แล้ว งานหมั้นเราก็จะดำเนินต่อไปได้”
“พี่ ฉันแค่พูดไปเรื่อย”
“ฉันต้องหาคนไปยั่วเขา หรือไม่ก็วางแผนเขาสักหน่อย”
“พี่ ทำแบบนี้ไม่ดีเลย นี่มันฆ่าศัตรูพันคนตัวเองเสียไปแปดร้อยคนนะ”
“ก็ยังได้กำไรสองร้อยไม่ใช่เหรอ?”
“……” เก่งคณิตศาสตร์ซะจริง!
“ชิงชิง เธอว่าฉันหาใครดีล่ะ?”
อย่าเอาฉันก็พอ!
ทว่า……
“ชิงชิง ฉันว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเธอเท่านั้น เธอช่วยฉันหน่อยนะ”
“……” ไปตายซะ!
“เธอคือคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุด มีแต่เธอเท่านั้นที่ฉันวางใจ ถ้าเป็นคนอื่นฉวยโอกาสมายั่วพี่เจ๋อยวี่จะทำยังไง?”
“……” เธอไม่ต้องห่วง สวี่เจ๋อยวี่ไม่ได้มีเสน่ห์มากขนาดนั้น
“ชิงชิง เธอช่วยฉันเถอะนะ เธอทนเห็นฉันเป็นแบบนี้ได้เหรอ?”
ทนได้มากๆ!
“พี่ ไม่ใช่ฉันไม่ช่วยพี่นะ คือ……”
หลินซูเซี่ยไม่ฟังเธอพูดจบก็เริ่มบ้าคลั่งแล้ว
“ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน เรื่องนี้ก็ไม่มีทางคลี่คลาย คลี่คลายไม่ได้ฉันก็อยู่ไม่ได้แล้ว เธออยากเห็นฉันเลิกกับพี่เจ๋อยวี่ต่อหน้าต่อตางั้นเหรอ?”
“หรือว่าเธออยากให้ฉันกับพี่เจ๋อยวี่เลิกกันใจจะขาด?”
หลินซูเซี่ยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา สายตาที่มองเวินชิงชิงมีการพิจารณาเล็กน้อย
“พี่ พี่พูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง? พี่เห็นฉันเป็นคนยังไง?”
เวินชิงชิงมองหลินซูเซี่ยด้วยใบหน้าเสียใจ
“ในเมื่อพี่คิดแบบนี้ งั้นต่อไปฉันจะอยู่ห่างๆ พวกพี่ ไม่ติดต่อพวกพี่อีกแล้ว”
เธอหันหลังจะออกไปจากตระกูลหลิน
หลินซูเซี่ยรีบคว้าเธอไว้ “ขอโทษ ฉันใจร้อนเกินไปหน่อย ฉันพูดผิดไปแล้ว เราสองพี่น้องรักกันลึกซึ้ง จะกระทบความสัมพันธ์เพราะผู้ชายคนเดียวไม่ได้”
“เรื่องของเธอกับลี่ซือเจี๋ยในตอนนั้น……ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรเลยนี่หน่า?”
เฮอะ เธอจะพูดอะไรได้อีกล่ะ? นี่มันแผนเธอคนเดียวไม่ใช่หรือไง?
“ยังจะพูดเรื่องตอนนั้นอีก อยากบีบบังคับให้ฉันตายหรือไง?”
ในอดีตทุกครั้งที่หลินซูเซี่ยพูดเรื่องนี้ เวินชิงชิงจะรู้สึกผิดในใจ คิดว่าตัวเองทำลายงานหมั้นลี่ซือเจี๋ยกับหลินซูเซี่ย
“เอาล่ะๆ ไม่พูดแล้ว เราคิดหาวิธีกันก่อนดีกว่าเนอะ? เธออย่าโกรธเลย”
หลินซูเซี่ยรู้สึกแปลกๆ เวินชิงชิงในตอนนี้ทำไมถึงเอะอะก็โกรธ? ทำให้เธอรู้สึกยากที่จะควบคุม
“งั้นต่อไปพี่ห้ามพูดเรื่องแบบนี้อีก ไม่งั้นฉันไม่มาแล้วจริงๆ ด้วย”
“เข้าใจแล้ว ไม่พูดแล้ว!”
ถ้าเวินชิงชิงไม่มาตระกูลหลิน ผู้ที่เสียเปรียบจะต้องเป็นตระกูลหลินแน่นอน
“รอบตัวพี่เขยหรือไม่ก็บริษัทมีคนที่พี่รู้สึกเกลียด ที่อยากยั่วยวนพี่เขยไหม?”
“มี! มีแน่!” หลินซูเซี่ยตอบทันที มั่นใจอย่างยิ่ง
ที่บริษัทสวี่เจ๋อยวี่มีพวกยั่วสวาทอยากขึ้นเตียงสวี่เจ๋อยวี่ไม่น้อย
“งั้นก็ง่ายเลย ฉันเชื่อว่าด้วยสติปัญญาของพี่จะต้องจัดการเรื่องนี้ได้แน่นอน ไม่เหมือนฉันที่โง่เขลา ทำอะไรไม่ดีสักอย่าง”
“……” ซี้ด ความรู้สึกแปลกๆ กระแทกหน้านี่มันอะไรกัน?
หลังจากเวินชิงชิงเสนอความคิดเห็นแล้ว หลินซูเซี่ยรู้ว่าควรทำยังไง เธอก็ให้เวินชิงชิงอยู่ทานอาหารเย็น
พ่อหลินแม่หลินเห็นเธอมีความสุข ก็ลากเธอมาคุยค่อนวัน
“วันนั้นเห็นเธอกับลี่ซือเจี๋ยสนิทสนมกันมาก เราก็ดีใจด้วย ยังไงก็แต่งงานกันแล้ว ต้องอยากให้พวกเธอมีความสุขได้ แค่ว่า……” แม่หลินพูดไปพูดมาก็หยุด
“ฉันรู้ว่าคุณอากับคุณน้าเป็นห่วงฉันมาก ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี วางใจเถอะค่ะ”
แม่หลิน:??
เธออยากพูดประโยคหลัง “แค่ว่า” แทบบ้า แต่เวินชิงชิงไม่ให้โอกาสเธอพูดเลย!
“กินข้าวกันก่อนเถอะ” พ่อหลินเอ่ยปากคลายความกระอักกระอ่วนแม่หลิน
แม่หลินไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ตอนทานอาหารก็เอ่ยถามต่อ
“ชิงชิง เห็นเธอกับลี่ซือเจี๋ยเข้ากันได้ดี ตามหลักการแล้วฉันไม่ควรพูดเยอะ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะเตือนเธอสักประโยค ต้องเก็บเงินของเธอไว้ให้ดีนะ อย่าให้เขาเอาไปเด็ดขาด ผู้หญิงน่ะต้องรวยถึงจะพูดอย่างมั่นใจ”
“อุ๊ยตาย!” เวินชิงชิงเผยสีหน้ากระวนกระวายทันที
ตระกูลหลินทั้งสามคนมองเธออย่าตึงเครียด “เกิดอะไรขึ้น? เงินเธอถูกลี่ซือเจี๋ยเอาไปแล้วเหรอ? โดนเอาไปเท่าไร? เอากลับมาได้ไหม?”
เวินชิงชิงจู่ๆ ก็ยิ้ม “ฉันแค่ทำให้พวกคุณตกใจเฉยๆ เงินฉันยังอยู่ดีค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ นั่นเป็นเงินที่พ่อแม่ฉันแลกมาด้วยชีวิต ฉันไม่มีทางทำอะไรงี่เง่า”
แค่รอยยิ้มเธอในตอนหลังค่อนข้างน่าขนลุก
คนพวกนี้อยากมีส่วนร่วมในเงินชดเชยมหาศาลที่พ่อแม่เธอทิ้งไว้ อยากพูดสนุกปากในเหตุการณ์สลด!
“เธอทำเราตกใจแทบตาย” แม่หลินลูบหัวใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“คุณน้า คุณตกใจขนาดนี้ไปทำไม?
“ฉัน ฉันกลัวเธอโดนรังแกนี่หน่า? เงินจำนวนมากขนาดนั้นถ้าถูกลี่ซือเจี๋ยเอาไป ต่อไปเธอจะทำยังไงล่ะ? มันไล่เธอออกจากบ้านได้ทุกเมื่อเลย”
“น่าเสียดายฉันเอาเงินไปฝากประจำซะแล้ว ไม่งั้นจะเอามาให้คุณอาคุณน้าดูแล”
พ่อหลินแม่หลินมีก้อนเลือดอุดตันลำคอทันที
“เธอฝากไปกี่ปี?” หลินซูเซี่ยถาม
“หนึ่งปี”
“งั้นดีเลย ถึงกำหนดเธอก็ถอนออกมาให้ที่ปรึกษาทางการเงินที่พ่อแม่หาให้เธอโดยเฉพาะ บริหารถึงจะได้เงิน ดอกเบี้ยธนาคารมันต่ำมาก”
“อย่างนั้นเหรอคะ ได้ค่ะ งั้นถึงกำหนดฉันจะถอนเงินออกมาให้พวกคุณ”
ได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าพ่อหลินแม่หลินก็เผยรอยยิ้มทันใด
เงินชดเชยก้อนนี้ใช้เวลาหลายปีกว่าจะจ่าย ไม่งั้นพวกเขาลงมือไปนานแล้ว
หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว เวินชิงชิงก็กลับบ้าน
กลับถึงบ้าน เธอพบว่าโยโยนั่งโซฟา เห็นเธอกลับมาก็ยืนขึ้น นึกว่าเขาจะไป สรุปคือเดินมาหาเธอ พูดกับเธอด้วยใบหน้าเข้มงวดว่า “หม่ามี๊ตามผมมาหน่อย”