บทที่ 13 จดชื่อคนเลวทุกคนลงในสมุดบันทึก
ทั้งสองคนตื่นตกใจ เมื่อหลินซูเซี่ยเห็นพวกเขาสองคน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสน หลังจากมองเห็นพวกเขาอย่างชัดเจน เธอตกใจจนตัวสั่น สายตาของเธอกลับมาชัดเจนอีกครั้งและดูตื่นตระหนกมาก
แต่ชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอดูนิ่งสงบมาก เขาโอบไหล่เธอด้วยมือหนึ่งข้าง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม แถมยังทำท่าแลบลิ้นเลียริมฝีปากไม่หยุด
สวี่เจ๋อยวี่โมโหจนวิ่งเข้าไปชกหน้าของชายคนนั้น ทำเอาหลินซูเซี่ยตกใจจนกรีดร้องออกมา
เวินชิงชิงรีบเข้าไปดึงตัวหลินซูเซี่ยไว้ “พี่คะ พวกเราไปก่อนเถอะ”
หลินซูเซี่ยตกใจกลัวมาก เธอไม่ทันได้คิดอะไรมาก ก่อนจะถูกเวินชิงชิงดึงตัวออกไปโดยที่ไม่ทันได้อธิบายด้วยซ้ำ
พอเดินออกมา นั่นทำให้สวี่เจ๋อยวี่ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ทั้งสองคนเริ่มชกต่อยกัน
แต่ผู้ชายคนนั้นก็ใช่ย่อย ตอนแรกเขาโดนสวี่เจ๋อยวี่ต่อย แต่หลังจากสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ดูเหมือนว่าสวี่เจ๋อยวี่จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
“สวี่เจ๋อยวี่ ตราบใดที่เซี่ยเซี่ยยังไม่แต่งงานกับแก ฉันก็ยังมีโอกาส เซี่ยเซี่ยต้องชอบฉันแน่ ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่จูบตอบฉันหรอกจริงไหม”
ประโยคนี้ยิ่งกระทบจิตใจสวี่เจ๋อยวี่ สวี่เจ๋อยวี่ก็อยากจะต่อยอีกครั้ง แต่กลับถูกชายคนนั้นผลักออก
“ฉันไม่มีเวลาต่อยกับแกหรอกนะ คอยดูต่อไปแล้วกัน ฉันจะแย่งเซี่ยเซี่ยกลับมาได้แน่นอน” หลังจากพูดจบเขาก็เดินออกไป
สวี่เจ๋อยวี่โมโหจนชกเข้ากำแพงสองครั้ง ในหัวมีแต่ภาพที่หลินซูเซี่ยจูบกับผู้ชายคนอื่นเมื่อกี้นี้ รวมถึงสิ่งที่ชายคนนั้นพูด
ส่วนหลินซูเซี่ยที่ถูกเวินชิงชิงพาตัวออกไปยังคงอยู่ในอาการงุนงง
“พี่คะ ดื่มน้ำสักแก้วไหมคะ”
“ชิงชิง ฉะ ฉัน...เป็นอะไรไป? ทำไมฉันถึง...พี่เจ๋อยวี่ ฉันต้องไปหาพี่เจ๋อยวี่” เธอเหมือนจะพูดไม่สอดคล้องกันแล้ว
“ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ นี่ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ พี่ค่อย ๆ อธิบายกับพี่เจ๋อยวี่ดี ๆ นะ”
“ใช่ ใช่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เข้าใจผิด” หลินซูเซี่ยยังไม่ค่อยได้สติ
เวินชิงชิงกระตุกมุมปากเล็กน้อย เข้าใจผิดงั้นเหรอ
ถ้าแค่พิงคนอื่นยังพูดได้ว่ารู้สึกไม่สบาย ยืนไม่นิ่ง แต่นี่ถึงขั้นจูบ แถมยังจูบอย่างดูดดื่มสีหน้าก็ไม่เหมือนถูกบังคับด้วย จะอธิบายยังไง?
แถมผู้ชายคนนั้นยังเป็นคนที่ตามจีบหลินซูเซี่ยอยู่แล้วด้วย แถมหลินซูเซี่ยยังเคยชินกับการเก็บตัวสำรองเอาไว้อยู่แล้วด้วย เธอชอบความรู้สึกที่ถูกคนมาตามจีบ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้ใช้ประโยชน์จนได้
“ฉันต้องไปหาเขา!”
“ถ้าพี่ไปหาเขาตอนนี้ เขากำลังโกรธคงจะไม่ยอมฟังคำอธิบายของพี่แน่ ๆ ถึงตอนนั้นถ้าทะเลาะกันขึ้นมาอีกทุกคนจะรู้กันหมดนะคะ”
ประโยคนี้สามารถบิดเบือนความคิดของหลินซูเซี่ยได้สำเร็จ
ส่วนเรื่องความเข้าใจผิด เวินชิงชิงรู้ดีว่ายิ่งช้าความเข้าใจผิดก็จะยิ่งลึกซึ้งยิ่งขึ้น และจะยิ่งหาหลักฐานได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
“พวกเธอช่วยดูแลพี่สาวด้วยนะ เธอน่าจะดื่มหนักเกินไป ฉันต้องกลับแล้ว” เวินชิงชิงเรียกคนของตระกูลหลินมาดูแลหลินซูเซี่ย “พี่คะ ฉันกลับก่อนนะคะ พี่กลับไปพักผ่อนนะคะ อย่าคิดมาก”
เธอกลับไปหาลี่ซือเจี๋ยกับลูก ๆ
และพบว่าพวกเขากำลังยืนอยู่หน้าประตู
“ทุกคนกำลังรอฉันอยู่เหรอ” เวินชิงชิงถามด้วยรอยยิ้ม
“เปล่า!” ลี่ซือเจี๋ยพูดอย่างเย็นชา
ก่อนจะถูกซีซีแฉซะก่อน
“หม่ามี๊ พวกเขากำลังรอหม่ามี๊อยู่ค่ะ รอมาห้า หก เจ็ด แปดนาทีแล้ว” ขณะที่นับถึงเลขแปดเธอก็ยกนิ้วเล็ก ๆ ขึ้นมาทำท่าเลขแปดด้วยท่าทางซน ๆ ด้วย
“ว้าว ขอบคุณค่ะซีซี โยโย แล้วก็อาเจี๋ยด้วย”
ลี่ซือเจี๋ยกระตุกมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่หลังจากตระหนักได้ถึงสีหน้าของตัวเองในตอนนี้เขาก็รีบกดมุมปากลงทันที
หลังจากขึ้นรถ ผู้ใหญ่ไม่ได้พูดอะไร มีแต่เด็กทั้งสองคนที่คุยกันเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว
“พี่คะ คนที่รังแกพวกเราวันนี้...ไก่อ่อนตัวอ้วนชื่อว่าอะไรนะคะ” ซีซีถาม
เวินชิงชิงกระตุกมุมปากหัวเราะอย่างอดไม่ได้
“ไม่รู้ คราวหน้าพี่จะไปสืบและมาบอกนะ”
จากนั้นก็เห็นซีซีหยิบสมุดบันทึกกับปากกาสุดน่ารักออกมาจากกระเป๋าใบเล็กของเธอ แล้วเขียนลงไปว่า ‘อ้วน’ …
“พี่คะ ไก่ป่วยเขียนยังไงเหรอคะ”
โยดยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ใช้พินอินเขียนแทนแล้วกัน”
สุดท้ายเธอก็เขียนลงในสมุดบันทึกว่า ‘ไก่ป่วยตัวอ้วน รังแกฉันกับพี่ชาย’
เวินชิงชิงรู้ว่านี่เป็นสมุดจดบันทึกความแค้นของซีซี เธอจะเขียนชื่อคนที่รังแกเธอกับโยโยลงในนั้น บางครั้งก็จะเขียนว่า ‘พี่ชายดุซีซี ต้องเมินพี่ชายสามสิบนาที’
หลังจากกลับถึงบ้านทุกคนก็ต้องไปอาบน้ำ
ซีซีพูดกับเวินชิงชิงว่า “หม่ามี๊ช่วยอาบน้ำให้หนูหน่อยได้ไหมคะ”
“แน่นอนสิคะ” เวินชิงชิงหยิกแก้มเล็ก ๆ ของซีซี รักมากจนไม่อยากจะปล่อย
“โยโยให้หม่ามี๊ช่วยอาบน้ำไหม?”
โยโยที่เดิมทีกำลังทำหน้าผิดหวัง พอได้ยินเวินชิงชิงถามแบบนั้นก็ดีใจขึ้นมาทันที ไม่นานก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่ต้อง ผมเป็นผู้ชาย!” เขาตอบอย่างจริงจังราวกับเด็กน้อยที่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่
เวินชิงชิงมองลี่ซือเจี๋ย เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ลี่ซือเจี๋ยก็รีบเบือนหน้าหนีทันที ใบหูของเขาแดงระเรื่อ แต่สีหน้ากลับยังเย็นชาเหมือนเดิม
เธอไม่ได้พูดอะไร แล้วอุ้มซีซีไปทางห้องน้ำ
โยโยเดินเข้าไปหารถเข็นของลี่ซือเจี๋ย มือเล็ก ๆ จับที่วางแขนของรถเข็นอย่างประหม่าแล้วกระซิบว่า “แด๊ดดี้ ผมเป็นห่วงซีซีนิดหน่อย”
อาบน้ำ ดูเหมือนจะเกิดอุบัติเหตุเอาได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
ลี่ซือเจี๋ยขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ตอบเขาทันที
“วันนี้ตอนที่หม่ามี๊ช่วยลูก ลูกรู้สึกยังไง” เขาถามโยโย
โยโยอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
“ไม่รู้สึกอะไรครับ” ตอนตอบคำถามเขาไม่กล้ามองสบตากับลี่ซือเจี๋ย
“ลูกไปเรียกป้าจางมาช่วยไป” ลี่ซือเจี๋ยไม่ได้พูดอะไรอีก
"อืม"
โยโย่วิ่งไปหาป้าจาง
ลี่ซือเจี๋ยมองเด็กชายตัวเล็กที่กำลังวิ่งออกไปอย่างครุ่นคิด เขารู้แล้วว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น การที่เวินชิงชิงออกมาปกป้องเด็ก ๆ เป็นเพราะอยากปกป้องจริง ๆ หรือมีเหตุจูงใจอื่นกันแน่?
ตั้งแต่เรื่องที่โยโยตกน้ำ และเรื่องพิษในกาแฟ ทำให้เขาไม่กล้าเชื่อใจเวินชิงชิงง่าย ๆ
“คุณชายครับ หลี่ปินโทรมาหาผมหลายครั้ง แต่ผมไม่ได้รับสาย” ผู้ช่วยรายงานกับลี่ซือเจี๋ย
หลี่ปินเป็นสามีของผู้หญิงที่เพิ่งจะรังแกลูกทั้งสองคนของเขา
“ถ้าพรุ่งนี้เขาโทรมาอีกก็บอกเขาไปว่าฉันยุ่งมาก”
“ครับ”
“นายสั่งคนไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหลี่ปินและบริษัทภายใต้ชื่อของเขามา แล้วก็พาพันธมิตรใหม่มาด้วย”
“ครับ ผมจะให้คนไปจัดการเดี๋ยวนี้”
อันที่จริงหลี่ปินเจรจาทำความร่วมมือกับลี่ซือเจี๋ยสำเร็จแล้ว และจะเซ็นสัญญากันในอีกสองวันนี้ แต่ตราบใดที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาก็ยังทำความร่วมมือกันไม่ได้
มีคนหลายคนอยากจะร่วมงานกับลี่ซือเจี๋ย คนอย่างลี่ซือเจี๋ยไม่เคยขาดพันธมิตรทางความร่วมมือ!