บทที่ 11 กล้ารังแกลูกชายฉัน? อยากตายเหรอ!
ไม่นานหลินซูเซี่ยก็กลับมาพร้อมเครื่องดื่มแก้วใหม่
“ชิงชิง ครั้งนี้ถือดี ๆ นะ”
“อาจเป็นเพราะช่วงนี้เพิ่งจะได้รับบาดเจ็บมากเกินไป มือไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรง คราวนี้ฉันจะถือดี ๆ ค่ะ”
“มา ชน พี่จะอยู่ข้างเธอเสมอนะ”
คำพูดของหลินซูเซี่ยทำให้เวินชิงชิงรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ขนอ่อนตามแผ่นหลังลุกชันขึ้นทันที
เมื่อชาติก่อนเธอมีอาการสะลึมสะลือหลังจากดื่มเครื่องดื่มเข้าไป คล้ายกับคนเมา ร่างกายอ่อนแรง เคลื่อนไหวลำบาก
หลินซูเซี่ยฉวยโอกาสนี้ให้สวี่เจ๋อยวี่มาคอยดูแลเธอ แล้วก็พาลี่ซือเจี๋ยมาเห็นตอนที่เธอซบไหล่สวี่เจ๋อยวี่เข้าพอดี ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลี่ซือเจี๋ยยิ่งแย่ลงไปอีก
เธอก้มหน้าลงดื่มเครื่องดื่ม พยายามซ่อนสายตาอาฆาตในดวงตาเอาไว้
“เดี๋ยวฉันไปรับรองแขกก่อน ถ้ามีอะไรก็มาหาฉัน หรือถ้าหาฉันไม่เจอจะไปหาพี่เจ๋อยวี่ก็ได้” ประโยคเดียวกันกับเมื่อชาติที่แล้วเลย
“ค่ะ พี่ไปทำธุระต่อเถอะค่ะ”
หลังจากหลินซูเซี่ยออกไป เวินชิงชิงก็รีบหยิบยาที่เตรียมไว้ออกมาใส่ปากทันที เพียงชั่วครู่ความรู้สึกเย็นเฉียบก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ไม่นานมานี้เธออ่านหนังสือทางการแพทย์และสมุดจดบันทึกของตัวเอง และปรุงยานี้ออกมาเพื่อเครื่องดื่มในวันนี้โดยเฉพาะ
ตอนนี้เธอต้องไปหาลูก ๆ ทั้งสองคน
โยโย่พาซีซีไปเล่นในงานเลี้ยง มีเด็ก ๆ หลายคน บรรยากาศคึกคักมาก
พวกเขาสองคนหน้าตาน่ารัก แถมยังฉลาด ร่าเริง ทำให้มีเด็ก ๆ หลายคนอยากจะเล่นกับพวกเขา
“ไอ้เด็กพิการ พวกนายเล่นอะไรกันอยู่?”
“ฉันกำลังคุยกับแกอยู่นะไอ้เด็กพิการ”
เด็กคนหนึ่งเอื้อมมือไปจิ้มแขนโยโย “โยโย เขากำลังคุยกับเธออยู่แหนะ”
โยโยหันกลับไปเห็นเด็กชายคนหนึ่งสูงประมาณร้อยยี่สิบเซนกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้มที่ไม่เป็นมิตร
“ไอ้เด็กพิการ แกหูหนวกด้วยเหรอ” น้ำเสียงของเขาฟังดูหาเรื่องมาก
“ฉันไม่ได้หูหนวก แต่นายน่าจะตาบอดแน่ ๆ ” โยโยตอบอย่างเย็นชา
จู่ ๆ เด็กผู้ชายคนนั้นก็หัวเราะดังลั่นพร้อมกับชี้มาทางโยโยแล้วพูดว่า “พ่อของแกเป็นคนพิการผู้ใหญ่ ส่วนแกก็เป็นไอ้เด็กพิการไงไม่ใช่เหรอ? ฮ่า ๆ พิการกันทั้งบ้าน น่าสนุกจริง ๆ เลย!”
“ห้ามใครว่าแด๊ดดี้ของฉันนะ ไม่งั้นฉันไม่เกรงใจแน่!” โยโยมองเขา เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมาก ซีซีที่อยู่ข้าง ๆ ก็โกรธมากเหมือนกัน แก้มเล็ก ๆ ป่องออกมาเล็กน้อย พลางตะโกนด้วยความโมโหว่า “นายต้องขอโทษพวกเรา!”
“ฉันพูดผิดเหรอ พ่อของพวกแกพิการจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ แล้วลูกคนพิการก็คือเด็กพิการไม่ใช่หรือไง” เขาทำหน้าหยิ่งผยอง และไม่เกรงกลัวคำเตือนของโยโยกับซีซีเลยสักนิด แถมยังพูดอย่างไม่เกรงใจอีกว่า “พวกแกจะเอายังไง? ต่อยเลยไหมล่ะ?”
โยโยที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาดูตัวเล็กกว่าเขามาก แถมยังเพิ่งจะอายุแค่สี่ขวบเท่านั้น เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของเด็กผู้ชายวัยสิบขวบได้ยังไง
ทว่า!
จู่ ๆ โยโยก็คว้าเครื่องปรุงจากโต๊ะข้าง ๆ สาดใส่เด็กผู้ชายคนนั้นขณะที่ทุกคนกำลังงุนงง
เด็กชายคนนั้นไม่ทันตั้งตัว เครื่องปรุงกระเด็กเข้าไปในดวงตาของเขา ทำเอาแสบตาจนเขาต้องร้องออกมา
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น ขณะที่เขาหลับตาและขยี้ตาอย่างสิ้นหวัง โยโยก็วิ่งเข้าไปกระแทกเขาอย่างแรงจนทรุดตัวล้มลงไปกับพื้นก่อนจะขึ้นคร่อมบนตัวเขาแล้วต่อยไปหนึ่งที
“ฉันบอกแล้วว่าจะไม่เกรงใจ!”
ฉากนี้ทำเอาทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ตกใจไปตาม ๆ กัน เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป พวกผู้ใหญ่ต่างทำอะไรไม่ถูก กว่าจะเข้ามาห้าม โยโยก็ลุกขึ้นจากตัวของเด็กผู้ชายคนนั้นแล้ว พร้อมกับจูงมือซีซีและเตรียมตัวจะเดินออกไป
“ลูกแม่ เกิดอะไรขึ้น? ตายแล้ว รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!” ผู้หญิงแต่งตัวสวยคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าลงกับพื้น และช่วยพยุงเด็กชายคนนั้นลุกขึ้น พลางช่วยเช็ดเครื่องปรุงออกจากดวงตาของเขาอย่างเป็นกังวล
“ใครรังแกลูกชายของฉัน”
“ขวางมันไว้ อย่าปล่อยพวกมันไป!” เธอตะโกนสั่งอย่างเฉียบขาด
ทันใดนั้นก็มีผู้ใหญ่หลายคนเข้ามาขวางทางโยโยกับซีซีไม่ให้เดินออกไป
ผู้หญิงสวยคนนั้นล้างตาให้ลูกชายจนเด็กชายคนนั้นลืมตาได้ แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่
“แม่ครับ เขาตีผม เขาตีผมครับ!” เขาชี้ไปที่โยโยพลางพูดฟ้อง ดวงตาแดงก่ำเต็มไปด้วยหยดน้ำตา
หญิงคนนั้นโกรธมากเมื่อเห็นลูกชายถูกรังแกแบบนี้ เธอก้าวเข้าไปชี้หน้าโยโย พลางตะโกนด่าเสียงดัง “เด็กเหลือขอมาจากไหนถึงได้กล้ารังแกลูกชายของฉันแบบนี้?”
โยโยมองกลับด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่กลับปกป้องซีซีเอาไว้ข้างหลัง
“กล้าจ้องหน้าฉันเหรอ? ดูสิว่าฉันจะสั่งสอนแกยังไง!” หญิงสวยคนนั้นยกมือขึ้นกำลังจะตีโยโย
โยโยกำลังจะต่อสู้ แต่จู่ ๆ ก็มีมือหนึ่งมาคว้าข้อมือของหญิงสวยคนนั้นเอาไว้ “จะทำอะไร!”
เวินชิงชิงปรากฏตัวต่อหน้าเด็ก ๆ ได้ทันเวลา
“เธอเป็นใคร” หญิงสวยคนนั้นถามอย่างโกรธ ๆ
“ฉันเป็นแม่ของพวกเขา” เวินชิงชิงผลักเธอออกจนถอยหลังเซออกไปหลายก้าวจนรองเท้าส้นสูงที่สวมใส่เกือบจะพาล้ม แต่โชคดีที่คนข้างหลังช่วยพยุงไว้ได้ทัน
“ที่แท้เธอก็เป็นแม่ของเด็กเหลือขอสองคนนี้เองเหรอ มิน่าล่ะ ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ” หญิงคนนั้นวางท่าหยิ่งผยอง คำพูดทุกคำไม่น่าฟังและรุนแรงมาก
คนที่มางานในวันนี้ล้วนแต่มีหน้ามีตาทั้งนั้น ไม่ว่าส่วนตัวจะเป็นยังไง แต่ต้องรักษามารยาทและคำสั่งสอนให้มากที่สุด แต่ผู้หญิงคนนี้กลับด่าว่าเด็กเหลือขอ แบบนี้มันไม่น่าพอใจเอาซะเลย
“เด็กเหลือขอ?” เวินชิงชิงทวนคำที่เธอเรียกซ้ำอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองโยโยกับซีซี เด็กทั้งสองคนโกรธมาก สีหน้าแย่จนแทบดูไม่ได้เลย
เมื่อโยโยสบตากับเธอ เธอกลับพบว่าตัวเองมองสายตาเด็กสี่ขวบคนนี้ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ แต่นั่นไม่สำคัญ เธอยกมือขึ้นลูบศีรษะของเด็กสาว พลางส่งยิ้มปลอบใจให้เขาราวกับกำลังพูดว่า ‘ไม่ต้องกลัว หม่ามี๊อยู่นี่แล้ว’
“คุณผู้หญิงคะ ถ้าคุณใช้ถ้อยคำหยาบคายแบบนี้มาเรียกเด็กตัวเล็ก ๆ แบบนี้ ฉันว่าความดื้อรั้นและความร้ายกาจแบบนั้นน่าจะเหมาะกับพวกคุณมากกว่านะคะ” เธอพูดพลางกระตุกยิ้ม ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “แต่ลูกของคุณควรใช้คำว่าอะไรมาเรียกถึงจะเหมาะกันนะ?”
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “อ้อ ฉันคิดตื้น ๆ เกินไป ใช้สัตว์มาเรียกน่าจะไม่เหมาะสม น่าจะใช้สัตว์ปีกดีกว่า ฉันว่าลูกชายคุณเหมือนไก่ป่วยเลยนะคะ น่าเกลียด แถมยังอ่อนแอเหมือนไก่ป่วย”
พรืด!
คนรอบข้างบางคนถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
ไม่พูดยังไม่เท่าไหร่ พอพูดออกมาแล้วก็ดูเหมือนไก่ป่วยจริง ๆ แถมยังเป็นไก่ป่วยที่ตัวอ้วนท้วมซะด้วย
“พูดบ้าอะไรเนี่ย! ฉันจะฉีกปากของแกให้กระจุยเลย!” หญิงคนนั้นพุ่งตัวเข้ามากระชากผมของเวินชิงชิง
เวินชิงชิงไม่หลบและปล่อยให้เธอกระชากผมของตัวเอง
โยโยกับซีซีที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ถึงกับตกตะลึงไปด้วยเหมือนกัน แต่หลังจากได้สติ ซีซีก็รีบวิ่งเข้าไปกอดขาผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ และกำลังจะกัด
เพียงชั่วพริบตา ในมือของเวินชิงชิงก็กำรองเท้าส้นสูงแน่น ก่อนจะกระแทกใส่หน้าหญิงคนนั้นอย่างแรง
ส้นแหลม ๆ กระแทกเข้ากับใบหน้าของเธอ ทำให้หญิงคนนั้นล้มพับลงกับพื้นทันที!