๕ ความรู้สึกที่ถูกทิ้งขว้าง (๒)
ตื่นเต้นตั้งแต่ยังไม่ออกจากคอนโด เธอถือถุงผ้าขนาดกลางไว้แน่นขณะลงจากรถตู้เพื่อเข้ากอง วันนี้มาถ่ายทำยังบริษัทยูทีแอลที-มี คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) แน่นอนว่าพนักงานต่างมายืนรอต้อนรับพร้อมขอถ่ายรูปเต็มไปหมด กว่าจะเคลียร์พื้นที่แล้วขึ้นมายังชั้นที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ก็ใช้เวลาพอสมควร
ช่างไฟมาเดินสายและจัดเซตไว้ก่อนหน้าแล้ว ร่างบางหันซ้ายแลขวาเพื่อหาจังหวะไปคุยกับผู้กำกับ
“ทำไมมาเร็วนักล่ะ คิวถ่ายสิบเอ็ดโมงไม่ใช่เหรอ นี่เพิ่งจะแปดโมงเอง” มองนาฬิกาเห็นว่าหล่อนมาก่อนเวลาหลายชั่วโมง
ใบหน้าหวานยิ้มเจื่อนไม่กล้าบอกความจริงว่าอยากแวะไปหาวิศวกรหนุ่มก่อน ไม่มีใครรู้เรื่องของตนกับร่างสูง หลายคนคิดว่าแฟนคนแรกของเธอคือกนต์ธร ซึ่งไม่เป็นความจริงสักนิด
สำหรับเธอแล้วเขาไม่เคยเข้ามาอยู่ในใจ และไม่เคยมีใครแทนที่เอื้ออังกูรได้เลยสักคน
“แวะมาธุระแถวนี้เลยคิดว่ามารอดีกว่าค่ะ เอ่อ ดาวขอไปหาเพื่อนสักสิบนาทีได้ไหมคะ เดี๋ยวจะกลับมาแต่งหน้าอ่านบท” ขออนุญาตทั้งที่ไม่เป็นจำเป็นด้วยซ้ำ
“ไปเลยอีกนานกว่าจะถึงฉากนางเอก” ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น หล่อนรีบเดินแกมวิ่งไปยังลิฟต์แล้วกดชั้นทำงานของเอื้ออังกูรทันที เรื่องนี้ถามมาจากคุณวิบูลย์ประธานบริษัท เธอใช้ลูกล่อลูกชนบอกเป็นรุ่นน้องก็อยากมาทักทายรุ่นพี่ จนได้ข้อมูลของเขาเพียบ
หล่อนรู้เรื่องที่ร่างสูงมาทำงานยังเมืองหลวงไม่นานจากเพื่อนสนิทของอีกฝ่าย ภวัศค่อนข้างสนิทกับเธอและเก็บความลับเป็นอย่างดี เจอกันตามห้างสรรพสินค้าบ้างแต่ก็นานครั้ง เธอเองไม่ค่อยมีเวลาออกไปเดินเล่น งานกองท่วมหัวเพราะพี่พายรับจนแทบไม่ให้เด็กในปกครองพัก
ถามไถ่เรื่องของชายหนุ่มผ่านรุ่นพี่คนนี้ตลอด เพราะเคยไว้ใจเพื่อนสนิทของตนแต่กลับถูกหักหลังอย่างเลือดเย็น กลายเป็นต้องตัดขาดกันไปทั้งที่คบมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย
เสียดายที่เพิ่งรู้ตอนเขามาทำงานเข้าเดือนที่สาม ไม่อย่างนั้นคงได้มาหาตั้งแต่เดือนแรก ถ้าเธอไม่เห็นสถานที่ถ่ายทำละครว่าเป็นบริษัทในเครือของเขา ก็คงไม่ทักไปถามภวัศจนได้รู้ว่าร่างสูงกลับมาทำงานที่บริษัทใหญ่แล้ว
เวลาช่างประจวบเหมาะเสียจริง
“โอ๊ะ ขะ คุณดาว คุณดาวสวัสดีครับ” มาถึงห้องทำงานของทีมเฉพาะกิจ เธอผลักประตูเข้าไปทำให้คนในห้องหันมามอง
วเรณย์แทบจะเข้ามาประคองร่างบางแล้วเชื้อเชิญเข้าไปนั่ง เมื่อเช้าเขารีบมาทำงานเพื่อถ่ายรูปหญิงสาวโดยเฉพาะ ไม่คิดว่าหล่อนจะเข้ามาหาถึงในห้อง
ส่วนแฝดที่มักตัวติดกันก็รีบลุกจากเก้าอี้มายืนตรงหน้าหล่อน ไม่คิดว่าจะเห็นดาราตัวเป็นๆ เธอสวยกว่าในทีวีซะอีก หุ่นกำลังพอดีมีน้ำมีนวล และเป็นผู้หญิงรูปร่างเซ็กซี่มาก ขนาดใส่เสื้อผ้ามิดชิดยังมีเสน่ห์
“สวัสดีค่ะ ดาวเอาของกินมาให้ค่ะ” ค้อมศีรษะให้คนทั้งสอง พลางมองเข้าไปข้างในพบชายร่างสูงกำลังนั่งทำงาน ไม่หันมามองหรือให้ความสนใจในตัวหล่อนแต่อย่างใด
จากที่ยิ้มแย้มก็หน้าเจื่อน ก่อนจะกลบด้วยรอยยิ้มอีกครั้งเมื่อทินภัทรเข้ามารับของจากมือหล่อน หวังว่าจะแตะมือดารากับเขาบ้าง แต่เหมือนเธอจะรู้ทันแล้วรีบปล่อยทันที พลางยิ้มเหมือนไม่รู้เรื่องราวอะไร
“ขอบคุณมากนะครับ ผมจะกินให้หมดไม่ให้เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวสักนิดเลยครับ” พูดเอาใจคนนำมาฝาก แต่เหมือนดวงตาของหล่อนจะเหลือบมองข้างหลังแทนที่จะเป็นพวกเขา
ทินภัทรเห็นอย่างนั้นก็ลืมว่ารุ่นน้องอีกคนยังไม่ทักทายหล่อน จึงได้หวังดีเรียกเอื้ออังกูรที่นั่งทำงานไม่สนใจโลกให้หันมามองคนดัง โดยไม่รู้เลยว่าคนทั้งสองเคยสนิทกันมากเพียงใด
“เอื้อ มาทักทายคุณดาวหน่อยสิ” ร่างสูงถอนหายใจเสียงเบา เขาไม่รู้ว่าเธอจะมาหาถึงห้องทำไมทั้งที่วันงานเลี้ยงบริษัทก็เห็นภาพตำตาขนาดนั้น
น่าจะเลิกยุ่งแล้วต่างคนต่างอยู่ไม่ใช่หรือไง ดื้อไม่มีใครเกิน
ร่างบางกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ไม่ให้เผลอยิ้ม ถึงล่าสุดที่เจอเขาจะจากกันไม่ดีเท่าไหร่ ภาพที่อีกฝ่ายจูบกับหญิงอื่นยังวนเวียน แต่หล่อนก็ไม่ละความพยายาม รู้ว่าในอดีตทำผิดกับชายหนุ่มเอาไว้มากแค่ไหน โดนเท่านี้ยังเล็กน้อย
วิศวกรหน้าหล่อหยิบเอกสารแล้วเสื้อยีนส์มาพาดที่แขน พร้อมเก็บของทุกอย่างลงกระเป๋าก่อนเดินผ่านเธอเหมือนเป็นอากาศ ไม่ทักทายหรือสบตาสักนิด ปล่อยร่างบางยิ้มค้างอยู่แบบนั้น จนต้องหุบยิ้มแล้วเหลียวมองตามหลัง
คนที่เหลือถึงกับพูดไม่ออก ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายอาจหาญเมินหญิงสาวคนดังระดับประเทศได้ แถมยังทำเหมือนหล่อนไม่มีตัวตนอีก ทั้งสองเห็นใบหน้าหวานซีดเผือดก็นึกสงสาร ทว่าไม่รู้จะปลอบเช่นไร ทำเพียงอึกอักอยู่ในอาการพูดไม่ออก
“เขา เขาพูดไม่ได้ครับ เป็นใบ้ ฮ่าๆๆ” คิดว่าอย่างไรก็คงไม่ได้เจอกันอีก โกหกเพื่อความสบายใจของเธอน่าจะดีกว่า
“ถ้างั้นดาวขอตัวก่อนนะคะ” ค้อมศีระไม่โต้แย้งอย่างใด ทว่าพอหันหลังก็ได้ยินคนทั้งสองพูดคุยกันถึงอาการของฝ่ายชาย
“หรือมันไม่สบาย เห็นตอนเช้าไอบ่อยด้วย เมื่อวานก็ไปไซต์งานตากฝนอยู่นานเลย” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที
เริ่มเป็นห่วงเขาเสียแล้วจนต้องเดินช้าลงอยากฟังอาการของเอื้ออังกูร ยามไม่สบายดื้อน้อยเสียเมื่อไหร่ ยาก็ไม่ยอมกินเอาแต่นอนแล้วก็นำผ้าชุบน้ำไว้ที่หน้าผาก คิดว่ามันจะหายหรือไง
เธอต้องทั้งดุทั้งบังคับให้ลุกมากินข้าวกินยา ไม่อย่างนั้นคงนอนซมทั้งวัน คราวนี้ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก โหมงานหนักแถมยังตากฝนจนไม่สบาย
“น่าจะใช่ เห็นไอ้สองเอายาให้มัน แต่ไม่ยอมกิน นั่นไงวางอยู่บนโต๊ะ” เริ่มคิดหนักว่าควรทำเช่นไร เธอไม่อยากปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว
ระหว่างลงลิฟต์ก็คิดวิธีสารพัดก่อนจะยกยิ้มเมื่อได้ไอเดียที่ดี แถมยังเป็นการสร้างบรรยากาศให้ตนกับร่างสูงอีกด้วย หวังว่าคงไม่โดนไล่ตะเพิดออกมาก่อนหรอกนะ
การถ่ายทำวันนั้นเลิกค่อนข้างดึกเพราะซีนที่ค่อนข้างยาว กว่าจะออกจากบริษัทก็ห้าทุ่มเข้าให้แล้ว ทำเอาพันดารากระวนกระวายกลัวไปคอนโดมิเนียมของชายหนุ่มไม่ทัน ดีที่เป็นทางผ่านไปเพนท์เฮาส์ของตนจึงไหว้วานคนขับจอดตรงหน้า
วันนี้พี่พายไม่มาด้วยจึงไม่มีคนบ่นเธอเรื่องนี้ คนตัวเล็กหอบหิ้ววัตถุดิบที่จะไปทำอาหารให้คนป่วย พอเข้ามาข้างในก็อภิสิทธิ์ความเป็นดาราขอขึ้นไปหาเพื่อน ตอนแรกนิติบุคคลก็ไม่ยอม เธออ้อนอยู่นานจนต้องยอมตามใจ พาหล่อนไปชั้นที่หมาย
มาถึงหน้าห้องพักของวิศวกรหนุ่มก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เธอมาหลายครั้งและจำเลขตรงหน้าได้เป็นอย่างดี ห้าปีที่คบกันก็คลุกอยู่ที่ห้องของฝ่ายชายทุกครั้งยามว่างจากการทำงาน จนเขาให้กุญแจเอาไว้เผื่อวันไหนหล่อนมาแล้วตนไม่อยู่ จะได้เข้าไปรอข้างใน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เคาะห้องแล้วหลบให้พ้นตาแมว กลัวเขาเห็นตนแล้วจะไม่ยอมเปิดออกมา เสียงข้างในยังเงียบจึงเคาะอีกครั้งกลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นอะไรไป เริ่มกระวนกระวายใจซะแล้ว
คราวนี้กดออดติดกันจนกระทั่งประตูห้องถูกเปิดออก และเขาอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมต้อนรับแขกเพราะสวมชุดคลุม บ่งบอกให้รู้ว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
ดวงตากลมเบิกกว้างไม่คิดว่าอีกฝ่ายกำลังอาบน้ำ ถึงได้กดออดอย่างไม่เกรงใจ หล่อนคิดว่าเขาป่วยจนไม่ได้สติเสียอีก
“มาทำไม” ถามเสียงเรียบ ดวงตาคมไม่ใคร่พอใจเท่าไหร่นักที่เห็นหล่อนมายืนอยู่หน้าห้องตน ภาพในอดีตมันลอยมาอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงมีแต่รอยยิ้ม ผิดจากตอนนี้ที่อยากปิดประตูใส่หน้าทุกเมื่อ
มือเล็กชื้นเหงื่อจนแอบเช็ดที่กางเกง ไม่รู้ทำไมถึงประหม่าเวลาอยู่ต่อหน้าเอื้ออังกูร เหมือนเขาไม่ใช่รุ่นพี่คนเก่าที่ตนเคยรู้จัก
“ดาวได้ยินว่าพี่ไม่สบายเลยเอายามาให้ แล้วก็จะทำข้าวต้มให้กิน พี่ชอบข้าวต้มฝีมือดาวไม่ใช่เหรอ” ถึงหล่อนจะทำอาหารได้ไม่หลากหลายเมนู แต่ที่ภูมิใจนำเสนอคือข้าวต้มที่ชายหนุ่มชอบทานเป็นประจำ บอกว่าเธอทำอร่อย เล่นเอาแม่ครัวจำเป็นตัวลอยอยู่พักใหญ่
“ไม่ต้อง ฉันจัดการตัวเองได้” กำลังจะปิดประตูแต่เพราะเธอตัวเล็กกว่าถึงลอดเข้ามาได้ในจังหวะที่เขาเผลอ ทำให้ตอนนี้พันดาราอยู่ในห้องของชายหนุ่มเป็นที่เรียบร้อย
ทุกอย่างยังถูกจัดวางเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เห็นก็พลันน้ำตารื้นจนต้องเม้มปากแน่น ไม่อยากร้องไห้ตอนนี้จนต้องแสร้งฉีกยิ้ม
“เดี๋ยวดาวทำข้าวต้มให้นะคะ พี่เอื้อไปนั่งรอที่โซฟาได้เลย” ทำทุกอย่างเหมือนตอนที่ยังคบกัน เธอคุ้นเคยกับแบบแปลนของห้องเป็นอย่างดีจึงเดินไปที่ควร
แต่ทว่าแขนเล็กกลัวถูกคว้าไว้แล้วกระชากเข้ามาจนชนแผงอกหนา ของที่ถือตกลงบนพื้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ เงยหน้ามองใบหน้าคมที่เกรี้ยวกราด เขากัดฟันแน่นจนเห็นสันกรามชัดเจน บีบแขนของหล่อนขณะคิดถึงเรื่องวันวาน
อยากบอกเลิกก็ไป อยากคืนดีก็กลับมา
เห็นเขาเป็นผู้ชายง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
“เธอเป็นคนบอกเลิกฉันเอง จะกลับมาทำไม” ข่มความโมโหแล้วถามเสียงเข้ม เขาไม่อยากเสวนากับหญิงสองใจผู้นี้สักนิด
“ตอนนั้นดาวไม่ได้อยากเลิก ดาวไม่เคยลืมพี่ได้เลยนะ” บอกเสียงสั่น เธอเจ็บแขนที่ถูกบีบจนหน้าเหยเก พยายามจะแกะมันออกแต่เขาก็ไม่สนใจ
“เหรอ เธอไม่ได้อยากเลิกแต่บอกฉันว่าเธอรักผู้ชายคนนั้น ฉันไม่มีปัญญาจะส่งให้เธอไปถึงดวงดาวได้ เธอไม่อยากทนอยู่กับผู้ชายแบบฉัน จำคำพูดของตัวเองไม่ได้หรือไงพันดารา!” ตะโกนถามเสียงดังอย่างเหลืออด จนเธอสะดุ้งแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลริน
“พี่เอื้อ ดาวเจ็บ” แขนเล็กเป็นรอยแดงจากการถูกบีบอย่างแรง
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเชื่อว่าร่างสูงจะไม่แม้แต่ทำสิ่งใดให้หล่อนเจ็บ พอเหลือบมองแขนตัวเองที่ถูกกำไว้แน่นก็นึกสะท้อนใจ
เธอกำลังทำอยู่กันแน่...
“ยังเจ็บไม่ได้ถึงครึ่งที่ฉันเจ็บด้วยซ้ำ” ปล่อยหล่อนให้เป็นอิสระ จนร่างบางต้องลูบแขนตัวเองปอยๆ เงยหน้าที่มีร่องรอยน้ำตาเพื่อมองอดีตคนรัก
“เราลืมอดีตแล้วเริ่มต้นใหม่ไม่ได้เหรอ ดาวอยากเริ่มต้นใหม่กับพี่จริงๆ นะ” ความรู้สึกของเธอยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน รักเขาอย่างไรก็ยังรักอยู่แบบนั้น
กาลเวลาไม่เคยทำลายสายใยสัมพันธ์ให้ขาดลงได้ ดวงตากลมมองคนตรงหน้าไม่คลาดเคลื่อน หวังให้เขาตอบตกลงถึงรู้ว่ามันจะยาก
สำหรับเอื้ออังกูรแล้วเธอคงเป็นผู้หญิงที่แย่มากสินะ
“ทำไม ผู้ชายคนเก่าของเธอมันเอาไม่ถึงใจเท่าฉันหรือไง” วาจาร้ายกาจหลุดออกมาจากปากเขา แทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าผู้ชายอ่อนโยนจะกล่าวถึงเรื่องนี้ คนฟังสะท้านในอกก่อนจะเรียกชื่อร่างสูงเสียงดัง
“พี่เอื้อ!” ไม่คิดว่าตนจะถูกด้อยค่าลง เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้สักครั้ง นอกจากเอื้ออังกูรก็ไม่เคยมอบกายให้ใครได้เชยชมอีก
ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกลากให้ไปชิดกำแพง ไหล่สองข้างถูกตรึงเอาไว้ด้วยมือหนา เธอรับรู้ถึงลางร้ายบางอย่างที่คืบคลานเข้าหาตน ใบหน้าหวานส่ายไปมาก่อนเขาจะเอ่ยประโยคที่หล่อนไม่คาดฝันว่าจะได้ยินจากปากหนา
“ถ้าอย่างนั้นฉันสนองให้ก็ได้” ก้มลงจุมพิตที่ปากหยักอย่างไม่ปราณี ไร้ซึ่งความอ่อนโยนมีเพียงความกักขฬะที่ร่างสูงมอบให้ เธอพยายามปิดปากและหลบเลี่ยงแต่เขาก็เลื่อนมือมาจับกรอบหน้ามนให้เงยขึ้นและล็อคไม่ให้หันหนีอีก
หล่อนรัวกำปั้นใส่อกเขาหวังให้ปล่อยตนเป็นอิสระ ทว่าเอื้ออังกูรแทบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากลงทัณฑ์คนที่ทำร้ายตนเองในอดีต
เขากัดริมฝีปากสีเชอร์รี่จนเลือดออก ให้หล่อนได้เจ็บเหมือนที่ตนเคยเจ็บ อยากเอาคืนมากกว่านี้แต่ก็ยอมผละออกเมื่อเห็นว่าดาราสาวไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ปล่อยเธอเป็นอิสระและมองแววตากลมที่เลื่อนลอยอย่างสมเพช
“ขอโทษที ฉันไม่ชอบกินของเก่า อะไรที่ทิ้งไปแล้วไม่อยากเก็บมากินอีก” คำพูดทำร้ายจิตใจเกินกว่าจะทนไหว หญิงสาวเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าออกทันที
เธอไม่ใช่คนอ่อนแอหรือยอมโดนรังแกฝ่ายเดียว นอกเสียจากว่าเรื่องนั้นตนจะเป็นคนผิดจริง ทว่าคราวนี้มันมากเกินไป ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรเจอวาจาใจร้ายเช่นนี้ออกจากปากคนที่รัก
เพี๊ยะ
ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบ ถือเป็นครั้งแรกที่พันดาราตบเขา มันแรงจนชายหนุ่มหน้าหันอาจเพราะผสมกับความรู้สึกโมโหของหล่อนด้วย หัวใจวูบโหวงอย่างไม่เคยเห็น ก่อนจะหันกลับมามองร่างบางที่หน้าแดงก่ำ
“ถ้าคิดได้แค่นี้ ดาวก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วค่ะ” โกรธจนตัวสั่น เธอเช็ดเลือดที่ปากแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกไปจากห้อง ทิ้งของที่ถือมาให้อยู่อย่างนั้นไม่หันกลับไปมองอีก
เจ้าของห้องยืนค้างแล้วมองตามหล่อนจนประตูปิดลง
เมื่อครู่เขาทำผิดไปอย่างนั้นเหรอ...