๔ ความฝันที่เรามีกันและกัน (๒)
แต่อ่อยเยอะจนคิดว่าเอื้ออังกูรน่าจะรู้แล้วว่าตนคิดไม่ซื่อ
“นัดผมมามีอะไรหรือเปล่า” สรรพนามยังคงห่างเหิน แต่น้ำเสียงกลับอ่อนลงกว่าวันแรกที่เจอหน้ากันมาก
“ดาวชอบพี่เอื้อค่ะ ถ้าเป็นไปได้ดาวอยากขอพี่เอื้อเป็นแฟน” หนุ่มวิศวะไม่คิดว่าจะเจอกับคำสารภาพรักที่พูดตรงจนไม่ทันให้ตั้งตัว
เขาเผยอปากค้างมองหญิงตรงหน้าที่ถูกเล่าลือถึงความสวย เคยเห็นเธอในโทรทัศน์อยู่บ้างและคิดว่าสวย ทว่าพอเจอตัวจริงในสภาพหน้าใสไร้การแต่งแต้ม กลับสวยสะดุดตาชวนมองมากกว่าเดิมอีก
ไม่คิดว่าเธอจะมาชอบเขาที่เป็นเพียงเด็กต่างจังหวัด หน้าตาก็ไม่หล่อเหลาเท่าพระเอกที่หล่อนเล่นละครด้วย มันคือความฝันหรือเปล่า บางทีเขาอาจจะยังไม่ตื่น
“คุณไม่อารัมภบทหรือพูดเกริ่นหน่อยเหรอ” พอตั้งตัวได้ก็ถามกลับ
เคยถูกสาวสารภาพรักหลายครั้ง ซึ่งแต่ละคนมักจะเกริ่นมาก่อนหรือทำทีเขินอาย ทว่าหล่อนต่างออกไป มีท่าทางมั่นใจและเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมา
น้ำเสียงแสดงถึงความจริงใจไม่ได้บังคับแต่อย่างใด
“ไม่ค่ะ ดาวรู้สึกว่ามันเป็นการเสียเวลา ดาวชอบพี่เอื้อและอยากเป็นแฟนพี่เลยขอตรงๆ ถ้าพี่ไม่ชอบดาวก็ไม่เป็นไรนะคะ เราเป็นพี่น้องกันก็ได้ แต่ดาวมีพี่ชายเยอะแล้วไม่ค่อยอยากได้พี่ชายเพิ่มเท่าไหร่” ถึงกับหลุดหัวเราะกับการปิดกั้นคำปฏิเสธ
แล้วเขาเลือกอะไรได้ล่ะ...
ดวงตาคมจ้องคนตรงหน้า เขาเองก็ไม่อยากปิดบังว่าสนใจหล่อนเช่นเดียวกัน พบหน้าวันแรกที่โรงอาหารคณะตนเอง ไม่รู้เธอมาที่นี่ได้อย่างไรแต่วินาทีที่สบตาเขาก็ถูกดูดเข้าไปในโลกของพันดาราเสียแล้ว
ตามดูละครของหล่อนทุกเรื่อง เก็บภาพที่แฟนคลับถ่ายเอาไว้ในโทรศัพท์ พยายามทำตัวนิ่งยามเพื่อนพูดถึงอีกฝ่ายแต่หูผึ่งทุกครั้ง เก็บข้อมูลเอาไว้ตลอด
เพราะเขาเองก็ชอบเธอเช่นเดียวกัน
“ผมเองก็ชอบคุณเหมือนกัน เราเป็นแฟนกันนะ” ตอบอย่างเขินอาย ไม่คิดว่าตนต้องมาพูดคำนี้กับหญิงสาวที่คุยกันยังไม่ถึงประโยค แทบไม่รู้จักนิสัยใจคอก็ขอเป็นแฟนเสียแล้ว ใจเร็วด่วนได้เกินไปหรือเปล่า
ร่างบางไม่สงวนท่าทีรีบพยักหน้า ตอบตกลงกับการเป็นแฟนที่เขาขอ ไม่ผิดจากที่คิดเอาไว้เพราะเธอก็หยั่งเชิงเขามาตลอด ใครจะอยากผิดหวังกันล่ะ
ก่อนมาขอเป็นแฟนต้องมั่นใจว่าอีกฝ่ายก็ชอบตนบ้างสิ หญิงสาวไม่ได้เข้าข้างตนเองมากเกินไป แต่เวลาหันไปหาเขาทีไรมักเจอดวงตาคมมองอยู่ก่อนแล้ว
นั่นแสดงว่าเอื้ออังกูรก็ต้องชอบหล่อนบ้างแหละ
“เป็นค่ะ ถ้าอย่างนั้นถือว่าพรุ่งนี้เราเป็นแฟนกันวันแรกนะคะ” ขยับเข้ามาใกล้แล้วถือโอกาสกอบกุมมือหนาไว้ ชายหนุ่มเองก็เขินเพราะไม่เคยมีแฟน พยายามหุบยิ้มแต่มันก็ทำได้ยากจนต้องยกยิ้มพลางพยักหน้าตกลง
“ถ้าอย่างนั้นพี่เอื้อต้องแทนตัวเองว่าพี่ แล้วเรียกหนูว่าดาว ห้ามผมคุณแล้วมันห่างเหินเกินไป เอ่อ” พูดจบก็คิดได้ว่าตนจู้จี้เกินไปหรือเปล่า อีกฝ่ายคงไม่ขอเลิกทั้งที่เพิ่งคบกันหรอกนะ
“ดาวเรื่องมากไปไหมคะ” กระพริบตาปริบแล้วมองเขาไม่คลาดเคลื่อน ชายหนุ่มส่ายศีรษะแล้วยกมือขึ้นลูบหัวเธอ
“ไม่หรอก น่ารักแล้ว” ได้ยินคำชมเช่นนั้นก็ฉีกยิ้มกว้าง เธอเพิ่งมีแฟนครั้งแรกก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน แค่กล้าบอกรักและขอเป็นแฟนก็เหนือความคาดหมายแล้ว
และหญิงสาวหวังว่าเราจะคบกันไปแสนนาน..
“ดาวชอบพี่เอื้อนะคะ” พูดจบก็เขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตปากหยัก ก่อนผละออกอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งหนี กลัวเขาดุกับการกระทำก๋ากั่นของตนเอง
แต่เอื้ออังกูรกลับนิ่งอ้างอย่างล่องลอย พอได้สติก็ยกมือขึ้นจับปาก ความหวานยังติดไม่จางหายจนต้องเลียริมฝีปากตนเอง ถ้ามีครั้งหน้าเขาจะไม่ปล่อยให้เธอรอดพ้นเด็ดขาด หมายมาดเอาไว้ใจแล้วค่อยเดินกลับที่พัก
ดวงหน้าคมยิ้มกว้างจนคนที่เดินผ่านสงสัยว่าเขากินยาผิดขนานหรือเปล่า ปกติเคยยิ้มให้คนอื่นเสียที่ไหน
การเป็นแฟนของคนทั้งสองถูกปิดเงียบ พวกเขาไม่ได้บอกใครและพอเวลาผ่านไปค่อยบอกเพื่อนสนิทของตน ดีที่ต่างพากันช่วยเก็บความลับ เข้าใจถึงสถานะของดาราสาวเป็นอย่างดี กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและถูกจับคู่กับนักแสดงหน้าใหม่ ผู้ใหญ่ไม่อยากให้มีข่าวรักใคร่กลัวความนิยมจะตก
เอื้ออังกูรจึงยอมเป็นคนในความลับ ขอเพียงแค่ในใจเธอยังมีเขาก็พอ
“พี่เอื้ออธิษฐานขออะไร” วันลอยกระทงพวกเขาก็มาลอยด้วยกันเป็นครั้งแรก แต่ต้องรอจนดึกคนไม่ค่อยเยอะเสียก่อน ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา
“ขอให้ดาวรักพี่ไปนานๆ” จับมือเดินเคียงกันหลังลอยกระทงเสร็จแล้ว ร่างบางยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น เปลี่ยนมาเป็นกอดแขนคนรักแล้วเขย่งปลายเท้าบอกรักข้างหูเขาอีกครั้ง
“ดาวรักพี่เอื้อนะคะ” คบกันมาได้เจ็ดเดือนความรักยังเบ่งบานไม่เปลี่ยน เธอแสนดีและน่ารักเหมือนวันแรกที่เจอ หลอมละลายหัวใจเย็นชาของร่างสูงจนเหลวเป็นน้ำ
มือหนาเอื้อมไปลูบศีรษะมนอย่างรักใคร่ เขาหลงเธอจะแย่แล้ว ถ้าทำได้ก็อยากพามาอยู่ด้วยกันเสียเลย ติดแค่หล่อนต้องเรียนและทำงานไปพร้อมกัน ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
เวลาว่างหญิงสาวมักจะมาอยู่กับเขา สถานที่เป็นห้องสมุดที่ลับตาผู้คน หรือโรงหนังยามค่ำคืน ร้านอาหารที่ไม่ค่อยมีคนบ้าง อาจต้องหลบซ่อนแต่เขาก็มีความสุขดี
“พี่ก็รักดาว” เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
เพราะเป็นเวลาดึกทำให้รถประจำทางไม่ผ่าน เธอก็ไม่กล้ารบกวนเพื่อนสนิทให้มารับจึงตัดสินใจขอไปพักที่คอนโดของแฟนหนุ่ม แม้รู้ว่าอะไรจะเกิดต่อจากนี้
“ดาวไปพักห้องพี่นะคะ” ดวงตาคมเบิกกว้างเล็กน้อย ไม่คิดว่าเธอจะขอเช่นนี้ แต่เขาก็พยักหน้าตกลงทันที
สองหนุ่มสาวเดินไปคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยด้วยกัน ระหว่างทางต่างตกอยู่ในภวังค์ไม่มีใครเอ่ยออกมาสักคำ เหมือนใช้ความคิดและพยายามไม่นึกถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น
มาถึงห้องของร่างสูงเธอก็สำรวจทันที คอนโดแห่งนี้ค่อนข้างกว้าง มีสองห้องนอนและห้องรับแขกที่ค่อนข้างใหญ่ ดูท่าเขาจะมีฐานะพอสมควร การตกแต่งเน้นโทนขาวเทาตามความชอบเจ้าของห้อง
ไม่ค่อยมีของประดับตกแต่งมากนัก แต่ก็เห็นโมเดลรถตั้งไว้สี่ห้าคัน บ่งบอกความชอบของเอื้ออังกูรเป็นอย่างดี วันเกิดเขาปีนี้จึงคิดออกแล้วว่าควรซื้ออะไรให้อีกฝ่าย
“ดาวใส่ชุดพี่นอนก็แล้วกัน เดี๋ยวชุดของดาวพี่จะเอาไปซักให้เอง” พอได้ยินเช่นนั้นก็รีบส่ายหน้า ไม่อยากให้เขาลำบากดูแลตนถึงขนาดซักเสื้อผ้าให้
“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวดาวจัดการเอง” เจ้าของห้องพยักหน้าแล้วปล่อยหล่อนไปทำธุระส่วนตัว
พอได้เข้ามาในห้องนอนของร่างสูงก็อดสำรวจไม่ได้ แต่ไม่ค่อยมีอะไรมากนอกจากเตียงกว้างกลางห้อง ตู้หนังสือ โต๊ะอ่านหนังสือและตู้เสื้อผ้าบิวท์อิน การตกแต่งเรียบง่ายสมเป็นเอื้ออังกูร
แต่ดูจากยี่ห้อของแต่ละชนิด ไม่ได้สมถะเลย...
เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมชุดกีฬาของเขาอย่างภาคภูมิใจ หล่อนอยากใส่มานานแล้วเพิ่งมีโอกาส ต้องเก็บภาพที่ระลึกไว้หน่อย
เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยถึงได้ออกมานั่งเล่นที่ส่วนกลางของห้อง ปล่อยร่างสูงไปอาบน้ำบ้างส่วนตนก็ดูทีวี ทั้งที่ไม่มีอะไรเข้าหัวเลยนอกจากคิดว่าคืนนี้จะยอมดีไหม
อย่างไรก็คบกันมาสักพักแล้ว เรื่องทางเพศเป็นปกติของคนเป็นแฟน อายุหล่อนก็พ้นผู้เยาว์สามารถตัดสินใจเองได้ ทุกอย่างลงล็อคและเหมาะสม
คิดดังนั้นก็พยักหน้ากับความคิด ค่อยลุกไปซักเสื้อผ้าแล้วนำไปตากเพื่อจะได้ใส่พรุ่งนี้ ปิดเครื่องมือสื่อสารไม่ให้คนอื่นรบกวน ส่วนมารดาก็บอกท่านเรียบร้อยว่านอนกับเพื่อนสนิท ท่านไม่ค่อยเช็คเท่าไหร่ถ้าเธอยังทำงานและหาเงินให้ครอบครัวได้
“ดูหนังอยู่เหรอ” พอเขาออกมาก็เห็นร่างบางกำลังนั่งดูภาพยนตร์ อีกฝ่ายถึงได้ยกน้ำดื่มและผลไม้ในตู้เย็นมาวางตรงหน้า
เธอเอื้อมไปหยิบมากิน เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยก่อนพยักหน้าตอบ เห็นอย่างนั้นก็นึกเอ็นดูแล้วนั่งลงข้างกายแบบบาง
“ดูหนังผีได้เหรอ ไหนเคยบอกว่ากลัวไง” เย้าเล่นจนหล่อนต้องหันมาค้อนวงใหญ่ แล้วค่อยผินหน้ากลับไปดูหนังต่อ แต่ก็ขยับมาใกล้เขาแล้วกอดแขนหนาไว้แน่น
เล่นเอาเจ้าของร่างตัวแข็งทื่อเพราะสัมผัสได้ถึงทรวงอกสล้างที่ไม่มีสิ่งใดปกปิด เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เหงื่อออกตามไรผมเมื่อจินตนาการถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
“กรี๊ด” ตกใจจนร้องเสียงดัง แทบจะกระโดดนั่งตักแฟนหนุ่มกับภาพน่ากลัว ก่อนจะเริ่มรู้สึกตัวแล้วเงยหน้ามองเขา
เอื้ออังกูรไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย เขาจุมพิตแผ่วเบาเพื่อดูปฏิกิริยาหรือเป็นการวัดใจว่าควรไปต่อหรือหยุดอยู่ตรงนี้ และการที่หล่อนไม่ผลักไสแถมยังมองตาปริบก็ทำให้มั่นใจแล้วว่าคืนนี้คงไม่ได้นอนกอดหมอนข้างเดียวดาย
“ถ้าพี่จะขอกอดดาว ได้ไหม..” ลองหยั่งเชิง ทั้งสองรู้ความหมายดีกับคำว่ากอดไม่ใช่เพียงนอนข้างกันแล้วแขนสัมผัส แต่ยังรวมไปถึงการทำรักที่เป็นครั้งแรกของพวกเขา
แก้มนุ่มแดงปลั่งแค่คิดก็ร้อนรุ่มไปทั้งกาย เธอไม่รู้ว่าการทำเช่นนี้มันถูกต้องหรือเปล่า แต่ความอยากรู้อยากลองก็ทำให้ตัดสินใจพยักหน้า ซึ่งพอเขาเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มมีความสุข
“แต่ต้องใส่ถุงยางนะคะ” รู้ดีถึงอันตรายหากไม่ยอมสวมถุงยางอนามัย โรคแฝงที่มากับการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรืออาจเกิดข้อผิดพลาดทำให้ตั้งครรภ์ซึ่งหล่อนยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่คนในช่วงวัยเรียน แม้จะพอรับผิดชอบตัวเองได้บ้างแล้ว
แต่การให้ดูแลอีกหนึ่งชีวิตที่อาจเติบโตในท้องหากไม่ป้องกันก็ทำให้อนาคตในวงการบันเทิงดับวูบไป
“พี่เตรียมไว้แล้ว” กล่องอนามัยถูกเก็บไว้ในลิ้นชักของโต๊ะข้างโซฟา ทำเอาดวงตากลมเบิกกว้างอย่างทึ่ง แล้วที่เห็นมันไม่ได้มีแค่กล่องเดียว
“พี่เอาไว้ใช้กับใคร ทำไมมีเยอะขนาดนั้น” ถามเสียงสะบัด เริ่มไม่ชอบใจเมื่อจินตนาการถึงสิ่งที่เขาอาจจะทำกับผู้หญิงคนอื่น
ร่างหนาเห็นอย่างนั้นก็อมยิ้ม ยกมือขึ้นลูบศีรษะมนอย่างรักใคร่ มีเธอเป็นรักแรกและอาจจะเป็นเมียคนแรก แล้วเขาจะมองใครอื่นได้อีก
“ไว้ใช้กับดาว กับดาวแค่คนเดียว” เพียงแค่นั้นใจก็อ่อนยวบ ยอมให้เขากอดทั้งตัวและยกหัวใจทั้งสี่ห้องให้เป็นของชายหนุ่มเพียงผู้เดียว
เอื้อมมือไปหยิบรีโมทมาปิดโทรทัศน์ เขาไม่อยากให้เสียงรบกวนการทำรักที่กำลังจะเกิดขึ้น
เขาดึงเธอให้มานั่งบนตัก ช้อนสะโพกมนเอาไว้โดยมีคนตัวเล็กนั่งหันหน้าเข้าหากัน เธออยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่ของแฟนหนุ่ม และเป็นเสื้อกีฬาที่เขาให้ยืม และพันดาราอยากใส่ไปอวดคนอื่นเหลือเกิน
ผู้หญิงในมหาวิทยาลัยชอบเขาน้อยเสียเมื่อไหร่ ไปไหนก็เห็นคนพูดถึงพี่เอื้อคณะวิศวะโยธากันเต็มไปหมด มันน่าโมโหและน่าหมั่นไส้ในคราวเดียวกัน เพราะเธอไม่อาจบอกใครได้ว่าผู้ชายคนนั้นคือแฟนของตน
“เป็นเมียพี่นะ” เพียงแค่ประโยคสั้นๆ แต่ทำเอาหน้าเธอร้อนเห่อ ใจเต้นแรงกับคำว่าเมียที่เขาเอ่ย ไหนจะสายตาร้อนแรงนั่นอีก
ทำไมเอื้ออังกูรเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ขนาดนี้
หล่อนลูบใบหน้าคม ถึงจะเล่นละครกับพระเอกหน้าตาหล่อเหลามาหลายคน แต่ไม่เคยมีใครทำให้ใจเต้นแรงได้ขนาดนี้มาก่อน
“อย่าลืมให้แม่มาขอนะคะ” หยอกล้อกลับ และตอนนี้เขาก็คิดการณ์ไกลไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มฝันถึงวันแต่งงานและได้นั่งเคียงข้างเจ้าสาวคนสวย อยากทะนุถนอมหล่อนจนกว่าจะถึงวันสำคัญ แต่แค่คบกันไม่ทันถึงปีก็มีอันทำให้ความตั้งใจพังทลายลง ใครบ้างจะอดใจไหวกับการที่มีหล่อนอยู่ในห้อง
ส่งสายตายั่วเย้าแบบนี้...
เขาเลยตบะแตก
“อือ จะแห่ขบวนขันหมากไปหาถึงบ้านเลย” พูดเพียงเท่านั้นก็จับใบหน้าหวานให้เอียงเพื่อจะได้จุมพิตอย่างถนัด เขาแทบจะสูบวิญญาณหล่อนออกมาด้วยเพราะการจุมพิตครั้งนี้ต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง
ริมฝีปากจิ้มลิ้มเปิดกว้างเพื่อให้เขาได้เข้ามาสำรวจ ความหวานจากปลายลิ้นรับรู้ถึงได้รสชาติผลไม้ที่ทาน เขาเอียงหน้าให้ได้องศาแล้วจับท้ายทอยหล่อนให้แนบชิดมากกว่าเดิม ลมหายใจร้อนเป่ารดกัน เขากัดริมฝีปากล่างของหล่อนก่อนเปลี่ยนเป็นไซ้ที่ซอกคอ พลางเลียจนเปียกชุ่ม
ผละไปสัมผัสสันกรามแล้วกลับมาหยอกล้อที่ปากสีเชอร์รี่อีกครั้ง เขามีความสุขจนเปล่งเสียงหัวเราะในลำคอก่อนสอดมือเข้าไปภายใต้เสื้อตัวใหญ่
“อ่ะ พี่เอื้อ ตะ ตรงนี้มัน” เพียงแค่ปลายนิ้วแตะยอดถันลำตัวเธอก็เกร็ง ทำให้เขารู้ทันทีว่าจุดอ่อนของร่างบางคือตรงไหน
วิศวกรหนุ่มยกยิ้มมุมปาก พึงพอใจที่ได้ยินเสียงครางกระเส่า พลางห่อไหล่เพื่อไม่ให้เขารุกรานไปมากกว่านี้ แต่มีหรือที่ร่างสูงจะยอมผละออก ทรวงอกนุ่มถูกกอบกุมเอาไว้ทั้งสองข้าง ก่อนขย้ำไปมาอย่างมันมือ
“นมดาวใหญ่เต็มมือพี่เลย ดูสิ แถมมันยังสู้มือพี่ด้วย ขอจับทั้งวันเลยได้ไหม” โดนชมต่อหน้าเช่นนี้เจ้าของกายของไปไม่เป็น
หล่อนไม่ค่อยชอบหน้าอกที่ใหญ่เกินขนาดตัวของตน มันทำให้ดูอวบและไม่ค่อยชุดชั้นในไซส์พอดีเท่าไหร่ ถึงมีก็เป็นลายเรียบไม่ค่อยมีลายน่ารักเหมือนขนาดเล็ก
จะใส่เสื้อผ้าน้อยชิดก็กลายเป็นโป๊ ถูกมองด้วยสายตาแทะโลมจนเธอต้องใส่เสื้อผ้ามิดชิดเพราะไม่ชอบแววตาพวกนั้น
ทว่าพอได้ยินเขาชมกลับรู้สึกดีใจเป็นครั้งแรก เธอครางรับเสียงแผ่วไม่กล้าร้องดังเพราะกลัวข้างห้องได้ยิน ต้องเม้มปากเอาไว้แล้วแสดงทางสีหน้า
“พี่เอื้อ ดาว ดาวอยาก..” เสื้อผ้าของพวกเขายังอยู่ครบ แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนเปลื้องออกหมดแล้ว ชายหนุ่มก้มลงมาชิมยอดหวานผ่านเสื้อผืนหนา มันดุนดันขึ้นมาท้าทายซะเหลือเกิน
เขาขบเม้มเป็นการหยอกล้อ แล้วค่อยถอดเสื้อออกจากร่างบางโดยเธอให้ความร่วมมือเต็มที่ จนเห็นกายขาวผ่องตรงหน้าก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
มองอยู่อย่างนั้นด้วยความหลงใหล จนคนตัวเล็กยกมือขึ้นมาปิดทรวงอกเอาไว้ แต่เพราะขนาดที่ใหญ่จนล้นออกมาทำให้เขากลืนน้ำลายลงคอค่อยจู่โจมอย่างรวดเร็ว
บีบดอกบัวงามเข้าหากันแล้วก้มลงไปชิมความหวาน มันแทบจะเด้งดึ๋งใส่หน้า เห็นแล้วก็เกิดอารมณ์มากกว่าเดิม แถมยังทำให้หล่อนครางแทบตลอดเวลา
“จุดอ่อนของดาวคือตรงนี้ใช่ไหม” ขนาดเธอเองยังไม่ทราบ แต่เขาแตะต้องไม่กี่ครั้งก็รู้แล้ว ชายหนุ่มขบเม้มยอดถันเพื่อแหย่หล่อนให้ครางเสียงดัง หญิงสาวจึงตัดสินใจโน้มไปกัดไหล่เขาเอาไว้เพื่อเป็นการบอกให้หยุด
เอื้ออังกูรไม่รู้สึกเจ็บสักนิด กลับมีความสุขมากกว่าเดิมเสียอีก เขาจับเธอให้ลุกยืนก่อนถอดเสื้อผ้าของตนเองออกจนหมด ดวงตากลมรีบหลุบลงไม่กล้ามองความใหญ่โตตรงหน้า ทั้งไม่กล้าจ้องตรงๆ และแอบเหลือบมองด้วยความอยากรู้
“เดี๋ยวพี่ถอดเสื้อผ้าให้นะ” ข้างบนไม่ต้องเพราะถอดออกหมดแล้ว เหลือเพียงด้านล่างและแค่เขาเกี่ยวนิ้วรูดมันก็ลงไปกองที่เท้า
พวกเขาทั้งสองจึงเปลือยกายอยู่ตรงหน้ากันและกัน...
ภาพตรงหน้างดงามจนวิศวกรหนุ่มไม่อาจละสายตาได้ อายุเท่านี้แต่เธอกลับมีหน้าอกหน้าใจใหญ่เกินตัว สะโพกผายเอวคอด แค่มองก็ลอบกลืนน้ำลายไปหลายรอบ
“ครั้งแรกบนเตียงดีกว่า จะได้สบายหน่อย” แค่พูดเธอก็เขินจนไม่กล้าตอบอะไร เขาจึงอุ้มหล่อนในท่าเจ้าสาวพาเดินเข้าห้อง
จัดการปิดประตูลงกลอนไม่ให้ใครมารบกวน ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยเนื่องจากเขาล็อคตั้งแต่หน้าประตูแล้ว ถึงจะมีใครเคาะชายหนุ่มก็คงไม่ไปเปิด อยากใช้เวลาอยู่กับแฟนเพียงสองคน
คืนนั้นพวกเขาก็ตกเป็นของกันและกันครั้งแรก ด้วยความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย
พวกเขาเพิ่งมารู้ภายหลังว่าที่หญิงสาวตัดสินใจเปิดหนังผี ทั้งที่ตัวเองกลัวก็เพราะอยากเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มใช้เป็นข้ออ้างในการสัมผัสกาย
และครั้งแรกที่ได้คุยกันเพราะเอื้ออังกูรทำปากกาตก มันก็เป็นความจงใจของชายหนุ่มเช่นเดียวกัน เพราะอยากคุยกับพันดารา แม้เพียงแค่ประโยคเดียวก็ยอม