บทที่ 8
เป็นเวลาเกือบเที่ยงพอดีที่คณะแพทย์และอาสาสมัครเดินทางมาถึงจังหวัดเชียงใหม่
ทุกคนตกลงกันว่าจะพักเอาข้าวสารอาหารแห้งและเครื่องนุ่งห่มแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ก่อนจะเดินขึ้นเขาในวันรุ่งขึ้น
“สวัสดีครับ คุณธาร” เสียงทหารนายหนึ่งทักทายชายหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามา พร้อมกับข้าวของมากมาย
“สวัสดีครับ ผมเอาของมาร่วมสมทบด้วยครับ” ชลธารลูกชายเจ้าของรีสอร์ทสุธาธารยิ้มทักทายทุกคน เพราะเขาพึ่งเข้ามารับช่วงต่อกิจการจากบิดา และยังคอยสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่เสมอ
“คุณธารสบายดีนะครับ ?” พสุทักขึ้นบ้าง
“สบายดีครับ จ่าดินล่ะครับ ?”
“สบายดีครับ”
ชลธารยิ้มให้อาชวินเพื่อเป็นการทักทาย ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะไม่รู้จักกันมาก่อนเลยก็ตาม อาชวินยิ้มตอบเช่นกันก่อนที่พวกเขาจะช่วยกันแจกจ่ายข้าวของเพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน
“พี่ธารคะ” เสียงหวานที่อาชวินคุ้นเคยดังขึ้น ทำให้เขารีบหันไปมองเธอตามชลธาร
“ว่าไงคะ ?” ชลธารตอบภรรยาของตัวเอง
“…พี่อ้าย” นาวิกาพูดเสียงเบา
“แต้วมาช่วยกันแจกของเร็ว” ชายหนุ่มชวนภรรยามาช่วยกันแจกของ โดยไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศอึมครึมจากคนข้างๆเลยแม้แต่น้อย
“รู้จักคุณแต้วด้วยหรอหมอ” พสุถามขึ้น
“จะรู้จักได้ยังไงล่ะครับ” เขาแกล้งพูดเสียงดัง แล้วฉีกยิ้มกว้างทักทายหญิงสาว
“นี่ภรรยาผมครับ” ชลธารแนะนำ
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้เขา
“ครับ สวัสดีครับ”
“แต่งงานกันมาตั้งแต่อยู่อเมริกา ทำไมไม่มีเจ้าตัวเล็กสักทีล่ะครับ” ทหารคนหนึ่งที่รู้จักกับชลธารเป็นอย่างดีพูดขึ้น
“งั้นผมคงต้องรีบแล้วล่ะครับ เดี๋ยวตามผู้กองไม่ทัน”
“ดีเลยครับ”
“พี่ธารคะ แต้วขอไปช่วยทางนั้นแจกผ้าห่มแล้วกันค่ะ” นาวิกาทนกับสถานการณ์อึดอัดไม่ได้ จึงขอตัวออกไป
“ค่ะ”
อาชวินพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง แล้วแจกถุงยางชีพด้วยความยิ้มแย้ม แต่ความจริงที่เขาพึ่งได้รับรู้ ทำให้เขาจุกจนแทบพูดไม่ออก
“เป็นอะไรไปครับ ?”
“อ่า เปล่าครับ” อาชวินหันมาตอบพสุ
“ตะลึงในความสวยของคุณแต้วล่ะสิหมอ ทำใจนะครับ คนสวยมาไม่ถึงมือหมอหรอก”
“อ้าว อะไรของจ่า มาว่าลูกพี่ผมได้ไง” ร้อยตำรวจโทวิศรุจพูดขึ้น แล้วเข้ามากอดคอหมอหนุ่ม
“หมวดวาฬนี่ เห็นหน้าทีไร หมดอารมณ์ทุกที”
“พูดแบบนี้ ไม่พาไปเลี้ยงกับแกล้มนะ” ตำรวจขี้แกล้งล้อเลียนคนแก่
“สบายดีไหมวะ ?” อาชวินถามขึ้น เพราะเขากับวิศรุจเป็นเพื่อนบ้านกันสมัยเด็กๆ
“สบายดีสิครับ”
“แต่งงานหรือยัง ?” หมอหนุ่มถามขึ้น เพราะเขาไม่ได้ตามติดชีวิตส่วนตัวของตำรวจหนุ่มนัก เนื่องจากวิศรุจมาประจำอยู่ที่นี่ตั้งแต่จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
“ฮันแหน่ ถามแบบนี้ จะยกน้องอันให้ผมหรือไง ?”
“ไม่ล่ะ” คนเป็นพี่ตอบทันควัน
“หมวดอันแต่งงานไปแล้วครับ หมวดวาฬช้าไปร้อยก้าว” พสุบอกขำๆ เพราะระหว่างทางอาชวินพึ่งเล่าให้เขาฟัง
“เวรกรรม ทีเวลาน้องจีบ ก็ดักทางน้องตลอดนะพี่อ้าย” ตำรวจหนุ่มตัดพ้อ
“ทำอย่างกับฉันไม่ดักทางไอ้พีอะ” อาชวินคิด แล้วหงุดหงิดไม่หาย
“พีไหนวะพี่ ?”
“รพีฉาย” พสุตอบแทน
“ชื่อคุ้นๆ” วิศรุจครุ่นคิด
“พี่ปลาวาฬ” ณิชาเดินเข้ามาทักวิศรุจ
“ตัวเล็กของพี่” ตำรวจหนุ่มวิ่งเข้าไปกอดคอณิชาอย่างสนิทสนม เพราะเขาเป็นรุ่นน้องในกองร้อยเดียวกันกับเหนือเมฆ รพีฉาย ทิวากรสมัยที่อยู่เตรียมทหาร เขาจึงรู้จักกับณิชาผ่านบรรดารุ่นพี่ทั้งสาม
“ณิชาคิดถึงพี่วาฬจังเลยค่ะ”
“อุ๊ย! ร้อยวันพันปี มีแต่บอกคิดถึงพี่เหนือ” วิศรุจแกล้งทำหน้าไม่เชื่อสุดๆ เพราะเขารู้ว่าณิชาแอบชอบเหนือเมฆ
“พี่เหนือแต่งงานมีลูกแล้วนะคะ”
“เออว่ะ พี่ก็คิดถึงณิชา”
“หรอคะ ?”
“นี่หมวดณิชาครับ พี่อ้าย” วิศรุจแนะนำให้หมอหนุ่มรู้จักเธอ
“เขารู้จักกันแล้วครับ” พสุบอก
“ไม่รู้จักค่ะ” ณิชาสวนขึ้น
“ผมก็ไม่รู้จักครับ” อาชวินพูดตาม
“เวรกรรม” พสุงุนงง เพราะตอนแรกทั้งคู่บอกว่ารู้จักกัน
“ผมขอตัวไปช่วยตรงนั้นก่อนนะครับ”
อาชวินพูดจบก็รีบผละออกมาจากตรงนั้นทันที อีกใจก็นึกหมั่นไส้ณิชา อีกใจก็ขี้เกียจจะต่อปากต่อคำด้วย แต่อีกใจมันก็ตะหงิดๆแปลกๆ เมื่อเห็นยัยตัวร้ายให้ความสนิทสนมกับวิศรุจ
“พี่อ้ายคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เขาเร่งฝีเท้าเพื่อจะเดินหนีเธอ
“…”
“โอ๊ย !!” นาวิการ้องขึ้น เมื่อเธอถูกงูเห่าตัวใหญ่กัดเข้าที่ข้อเท้าซ้าย
“ทำไมไม่เดินไม่ดูเลยล่ะ” อาชวินเดินวกกลับเข้ามาหาร่างบาง
“ก็แต้วไม่เห็นนี่คะ” นาวิกาแก้ตัวเสียงอ่อย
“จริงๆเลย” อาชวินบ่น แล้วเอาเชือกมามัดห้ามพิษไหลเข้าสู่หัวใจ ก่อนจะรีบอุ้มเธอขึ้นมา
“จะทำอะไรคะ ?”
“พาไปหาหมอน่ะสิ”
“พี่อ้ายก็เป็นหมอนี่คะ” นาวิกาบอก เพราะคิดว่าเขาตกใจจนลืม
“มีอุปกรณ์ที่ไหนล่ะ”
“ไม่ใช้ปากดูดพิษออกเหมือนในละครหรอคะ ?” หญิงสาวถามขึ้นอีก
“ในทางการแพทย์เขาไม่แนะนำให้ทำแบบนั้นหรอกนะ” เขาตอบหน้าเหนื่อยๆ แล้วอุ้มเธอเดินออกไปที่รถของคณะแพทย์ เพื่อส่งเธอไปโรงพยาบาลแทน เพราะจากตรงนี้ไปโรงพยาบาลใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ
“หมออ้ายไปด้วยกันไหมครับ ?”
“ไม่ดีกว่าครับ” เขาปฏิเสธ
“ไปด้วยกันเถอะค่ะ” นาวิกาบอก ทั้งที่ตัวเองหน้าซีดเผือด และเริ่มมีอาการสะลึมสะลือ
“ไปเถอะครับหมอ” เมื่อถูกคะยั้นคะยอ เขาจึงยอมขึ้นรถแต่โดยดี