2 สดใสแค่ภายนอก
บ้านของคุณยายราตรีดูครึกครื้นกว่าปกติเพราะนอกจากจะมีสมาชิกภายในครอบครัวของสุพรรษาลูกสาวคนเล็กแล้วยังมีสมาชิกเพิ่มคือป้าจันทร์เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน ลุงสมหมายที่บ้านอยู่ตรงกันข้ามแล้วยังมีเดนิสาหลานสาวแสนสวยกับติณณภพคุณหมอหนุ่มที่มักจะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพิ่มมาอีกด้วย
“กับข้าวฝีมือน้าษาอร่อยมากๆ เลยค่ะ หนูต้องอ้วนแน่ๆ”
“อ้วนที่ไหนกันล่ะเดซี่เราน่ะตัวเล็กนิดเดียวเองนะ น้าว่ากินเยอะหน่อยก็ดี”
“หนูกลัวชุดที่ขนมาจะใส่ไม่ได้สิคะ”
“ใส่ไม่ได้ก็ซื้อใหม่เดี๋ยวยายพาไปซื้อเอง”
“อย่าให้ยายพาไปซื่อเชียวนะเดซี่” อาณัติรีบบอกน้องสาว
“ทำไมล่ะคะพี่ณัติ”
“ยายเขาก็จะพาไปซื้อที่ร้านประจำน่ะสิ”
“แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะ ตอนอยู่อังกฤษหนูก็ไปซื้อเสื้อผ้าร้านประจำตลอดนะคะ”
“ก็ร้านประจำของคุณยายมีแต่ชุดคนแก่น่ะสิ”
“อ๋อ.....”
“ถ้าอยากซื้อจริงๆ น้าพาไปก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะน้าษาหนูยังไม่อยากซื้อตอนนี้เอาไว้เสื้อผ้าที่ซื้อมาคับจนใส่ไม่ได้ค่อยไปก็ได้ค่ะ” เดนิสาพูดด้วยความเกรงใจเพราะรู้ว่าน้าสาวของตนเองต้องเปิดร้านทุกวันจึงไม่อยากรบกวน
“ป้าว่าหนูว่ายังไงหนูก็ไม่อ้วนหรอกลูก ดูอย่างแม่ของหนูสิ กินแต่ขนมหวาน กินแต่ขนมปังทุกวันยังไม่อ้วนหนูก็คงจะเหมือนแม่ของหนูนั่นแหละ” ป้าจันทร์ที่สนิทกับครอบครัวนี้มานานพูดขึ้น
“ตอนนี้แม่ก็ยังไม่อ้วนเลยค่ะหนูเห็นแม่กินแต่ขนมหวานเหมือนที่ป้าจันทร์พูดเลย”
“นั่นสิ ผิดกับบ้านป้านะ กินนิดหน่อยน้ำหนักก็ขึ้นแล้วอย่างลูกสาวป้าตอนนี้ก็หนักเกือบจะ 70 กิโลแล้ว น้ำหนักเยอะแบบนี้อันตรายไหมคะหมอติณณ์”
“ไม่ถึงขั้นเรียกว่าอันตรายหรอกครับ แต่เสี่ยงที่จะเป็นโรคมากกว่า”
“หมอมียาลดความอ้วนไหม ป้าจะเอาให้ลูกสาวกิน”
“ยาพวกนั้นอันตรายครับ ผมว่าควบคุมอาหารและออกกำลังกายจะดีกว่า”
“ใช่ๆ ลุงเห็นด้วยนะ ดูอย่างลุงสิปีนี้อายุ 65 แล้วยังไม่มีโรคกับเขาเลยเพราะลุงออกกำลังกายทุกเช้า”
“ผมเห็นด้วยกับลุงหมายนะครับ ผมเองก็ออกไปวิ่งตอนเช้าเหมือนกัน” ติณณภพเองก็ลุกมาออกกำลังกายด้วยการวิ่งและได้เจอลุงสมหมายที่สนามกีฬาหน้าหมู่บ้านอยู่บ่อยๆ
“แต่พักนี้ลุงไม่ค่อยเจอหมอติณณ์เลยนะ”
“ผมซื้อลู่วิ่งมาไว้ที่บ้านครับ วันไหนตื่นสายก็วิ่งในบ้าน”
“อ้อ ถึงว่าไม่ค่อยได้เจอเลย”
“บ้านผมก็มีลู่วิ่งนะครับ พ่อซื้อมาแต่ผมไม่เคยเห็นพ่อใช้เลย”
“อ้าวไอ้ลูกคนนี้มาขายพ่อต่อหน้าคนอื่นเสียได้”
“ก็มันจริงนี่ครับ ไม่เชื่อทุกคนไปดูได้เลยตอนนี้ลู่วิ่งฝุ่นเกาะเต็มเลยครับ”
ทุกคนหัวเราะกับคำพูดของอาณัติรวมถึงเดนิสาที่นั่งตรงข้ามกับติณณภพด้วย
ชายหนุ่มแอบมองหญิงสาวอยู่หลายครั้ง ใบหน้าสวยของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสและคุยกับคนอื่นแต่เขาก็สังเกตเห็นว่าบางครั้งหญิงสาวก้มหน้าถอนหายใจเหมือนเธอกำลังฝืนทำเป็นร่าเริงเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น
หลังมื้ออาหารป้าจันทร์และลุงสมหมายก็ขอตัวกลับบ้าน ขณะที่ครอบครัวของสุพรรษาก็ขอตัวไปพักผ่อน เดนิสาก็ขอกลับไปจัดห้องของตัวเองต่อ บริเวณห้องรับแขกจึงเหลือแค่คุณยายราตรีกับหมอติณณภพเพียงสองคน
“คุณยายมีเรื่องจะคุยกับผมใช่ไหมครับ”
“ใช่จ้ะ”
“ถ้าไม่สะดวกคุยตรงนี้คุณยายไปคุยที่บ้านผมไหมครับ คุยเสร็จแล้วผมจะเดินมาส่ง”
“ยายรบกวนหมอติณณ์มากเกินไปหรือเปล่า”
“ไม่หรอกครับ คุณยายก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ของผมคนหนึ่ง”
“ยายขอไปบอกหนูเดซี่ก่อนนะ เดี๋ยวเธอออกมาไม่เจอใครจะตกใจเอา”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
พอสิ้นเสียงเคาะประตูทำให้คนที่อยู่ด้านในก็รีบวิ่งมาเปิด
“คุณยาย หนูนึกว่าคุณยายคุยกับอาหมอติณณ์อยู่”
“ยายจะมาถามหนูก่อนว่ายายคุยเรื่องนั้นให้หมอฟังได้ใช่ไหม”
“คุณยายขา จริงๆ แล้วหนูไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ”
“แต่ยายไม่ค่อยสบายใจเลยนะ หลานสาวของยายเคยสดใสร่าเริงกว่านี้ ยายรู้นะว่าหนูพยายามจะทำตัวร่าเริงแต่ในใจของหนูมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่หนูแสดงออก” แม้จะไม่อยู่ด้วยกันแต่คุณยายราตรีและเดนิสาก็วิดีโอคอลหากันตลอด ความสดใสร่าเริงอย่างเด็กวัยรุ่นที่เธอเคยเห็นในตัวหลานสาวมันหายไปจนเธอเป็นกังวล
“หนูกำลังพยายามค่ะ”
“ยายรู้จ้ะ แต่ยายก็อดเป็นห่วงหนูไม่ได้”
“แล้วยายคิดว่าอาหมอเขาจะไม่เอาเรื่องของหนูไปบอกคนอื่นใช่ไหมคะ”
“หมอติณณ์ไม่ใช่คนแบบนั้น ยายเชื่อใจเขา”
“ถ้ายายคิดว่าคุยกับเขาแล้วยายจะสบายใจขึ้นหนูก็ตามใจยายค่ะ แต่หนูไม่หวังให้เขามาช่วยเหลือหรอกนะคะ หมอที่นั่นบอกว่าเรื่องนี้มันต้องใช้เวลาค่ะ” เพราะเห็นคุณยายเป็นกังวลมากเธอจึงไม่ว่าอะไรถ้าท่านจะเอาเรื่องของเธอไปปรึกษากับหมอติณณภพ
“ยายจะคุยที่บ้านหมอติณณ์นะหนูเดซี่ ยายไม่อยากให้คนในบ้านรู้”
“ค่ะคุณยาย”
เมื่อบอกหลานสาวเรียบร้อยแล้วคุณยายราตรีก็เดินตามหมอติณณภพมาที่บ้าน หญิงสูงวัยคนนี้มีเรื่องสำคัญจะปรึกษากับคุณหมอหนุ่มซึ่งเรื่องนี้เธอจะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ แต่เพราะติณณภพเป็นหมอคุณยายราตรีจึงคิดว่าเขาคงพอจะมีทางออกให้กับเดนิสาหลานสาวคนโตที่เคยเลี้ยงมาหลายปี ก่อนที่เด็กสาวตัวน้อยจะย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่ประเทศและกลับมาสู่อ้อมอกของอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านสิบกว่าปี