9 ของโปรดที่เหมือนกัน
เช้าวันเสาร์ปิ่นปินัทธ์ตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อไปซื้อของสำหรับเตรียมทำอาหารต้อนรับหมอกรัณย์กรซึ่งจะมาทานในตอนเย็น
ส่วนตอนเช้าเธอคุยกับคุณยายแล้วว่าจะซื้อโจ๊กที่ตลาดเข้าไปคุณยายจะได้ไม่ต้องทำอาหารให้เหนื่อยแต่กลางวันก็คุยกันไว้แล้วว่าจะทำเย็นตาโฟทานกัน
หลังจากซื้อของเตรียมทำอาหารครบแล้วหญิงสาวก็แวะที่ร้านประจำร้านหนึ่งเพื่อซื้อซอสสำหรับทำเย็นตาโฟ
“ซื้อของเยอะเลยนะคะครูปิ่น” เจ้าของร้านทักทาย
“ค่ะพี่หนึ่ง ปิ่นซื้อของสดเข้าบ้านทุกวันเสาร์ก็เลยเยอะหน่อย พี่หนึ่งมีซอสเย็นตาโฟไหมคะ”
“มีค่ะ ครูเอากี่ขวดค่ะ”
“ขวดเดียวค่ะ”
เมื่อแม่ค้าเอาซอสมาให้แล้วหญิงสาวก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมซื้อผักบุ้งสำหรับใส่เย็นตาโฟมาด้วย จะใช้ผักบุ้งที่ซื้อมาผัดก็กลัวจะไม่อร่อย
“พี่หนึ่งมีผักบุ้งสำหรับใส่เย็นตาโฟไหม”
“มีค่ะ เอาซอสเย็นตาโฟผักบุ้งแล้วเอาอะไรอย่างอื่นเพิ่มไหมคะครู”
“เอาแค่นี้ค่ะ เท่าไหร่คะ”
“สามสิบห้าบาทค่ะ คิดแค่ค่าซอสนะคะ ส่วนค่าผักบุ้งพี่ไม่คิดหรอกค่ะ”
“ไม่คิดได้ยังไงล่ะคะ พี่ของซื้อของขายนะ”
“แต่ผักบุ้งพวกนี้พี่ปลูกไว้เองที่กระบะหลังบ้านค่ะ ครูปิ่นเอาไปได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”
“ได้ยังไงกันแบบนี้ปิ่นก็ไม่กล้ามาซื้อของร้านพี่หนึ่งอีกแน่ๆ เลย”
“ทีครูปิ่นยังเลี้ยงขนมลูกสาวพี่อยู่บ่อยๆ เลยนะคะ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก พี่ได้ข่าวว่าอาทิตย์ที่แล้วออมสินหกล้มหัวแตกเหรอคะ”
“ค่ะพี่หนึ่ง เด็กๆ ไปวิ่งเล่นกันในสนามครูไม่ได้ตามออกไป แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ”
“ข้าวฟ่างเล่าให้ฟังว่าครูเป็นดูแลอย่างดี เลยตอนกลางวันก็ค่อยเอายาให้”
“ออมสินอยู่ที่บ้านกับยายปิ่นกลัวว่าจะกินยาไม่ครบก็เลยให้แม่เขาเอามาส่งไว้ที่โรงเรียนดีกว่า”
“ครูดีอย่างครูปิ่นนี่หายากนะคะ นี่ถ้าน้องชายพี่ยังโสดพี่จะยุให้จีบครูปิ่นแล้ว ทั้งสวยทั้งใจดีกับเด็กๆ แบบนี้ทำไมถึงยังไม่มีแฟนสักทีสงสัย”
“เนื้อคู่ของปิ่นยังไม่เกิดมั้งคะพี่หนึ่ง”
“ไม่แน่นะอาจจะเกิดแล้วแต่คงยังหากันไม่เจอ”
“ปิ่นก็ไม่รู้ว่าเขาไปหาแฟนกันที่ไหนนะคะ”
“ครูปิ่นต้องออกมาเที่ยวบ้างสิคะ เลิกงานแล้วกลับบ้านไปอยู่กับคุณยายแบบนั้นผู้ชายที่ไหนเขาจะรู้เหรอคะว่ามีเพชรเม็ดงามซ่อนอยู่”
“ปิ่นว่าถ้าเป็นเนื้อคู่เราจริงๆ เดี๋ยวก็หากันเจอเองค่ะ ปิ่นขอตัวก่อนนะคะสั่งโจ๊กไว้ค่ะ เดี๋ยวแม่ค้าจะคิดว่าปิ่นกลับบ้านไปแล้ว”
เมื่อกลับมาถึงบ้านปิ่นปินัทธ์ก็เอาของสดใส่ตู้จากนั้นก็เทโจ๊กใส่ชามและเดินไปถามคุณยายที่กำลังรดน้ำอยู่หน้าบ้าน
“ยายขามากินโจ๊กได้แล้วค่ะ กำลังร้อนๆ เลยค่ะ เข้าไปกินก่อนดีกว่าเดี๋ยวต้นไม้ตรงนี้ปิ่นมารดเองค่ะ”
“อีกนิดเดียวก็จะรู้เสร็จแล้วปิ่นเข้าไปรอข้างในเลย”
“ก็ได้ค่ะ ยายรดเสร็จแล้วเอาสายยางทิ้งไว้ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวปิ่นออกมาเก็บเอง”
“ได้จ้ะ”
หลังจากรดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วคุณยายละมัยก็เดินตามหลานสาวเข้าไปในบ้าน
ทานอาหารเช้าเสร็จปิ่นปินัทธ์ขอตัวไปนั่งทำใบงานเพราะนอกจากเธอจะทำใบงานไปสอนนักเรียนที่โรงเรียนแล้วเธอยังทำไฟล์ใบงานจำหน่ายให้กับครูที่สนใจอีกด้วย
หญิงสาวนั่งทำงานจนกระทั่งใกล้เวลาอาหารกลางวันก็ออกมาทำเย็นตาโฟทานและกลับเข้าไปทำงานอีกจนกระทั่งถึงเวลาบ่ายสามก็ออกจากห้องเพื่อมาช่วยคุณยายทำอาหารไว้รอหมอกรัณย์กร
“น่ากินมากๆ เลยค่ะ ยายสงสัยเย็นนี้ปิ่นจะต้องกินข้าวหลายจานแน่ๆ”
“ยายก็ไม่รู้นะว่าน่ากินของเราหมอเขาจะกินได้หรือเปล่าอาหารทั่วไปแบบนี้”
“ทำไมยายถึงคิดว่าหมอเขาจะกินไม่ได้ล่ะคะ”
“คนเราถูกเลี้ยงดูมาต่างกันของที่เราบอกอร่อยเขาอาจจะไม่อร่อยก็ได้”
“แต่ยายของปิ่นทำอะไรก็อร่อยค่ะ ปิ่นคิดว่าหมอจะต้องชอบฝีมือยายแน่ๆ ค่ะ”
หลังจากช่วยยายทำอาหารเสร็จในเวลาเกือบจะห้าโมง ปิ่นปินัทธ์ก็เขาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเหนียวตัวไปหมดเธอสวมกางเกงผ้าขายาวกับเสื้อเชิ้ตแขนกุดแล้วออกมานั่งดูทีวีอยู่กับคุณยาย
เมื่อใกล้ถึงเวลานัดหมอกรัณย์กรก็โทรเข้ามา
“ถึงไหนแล้วคะหมอ”
“ตอนนี้ผมอยู่หน้าปากซอยกำลังงงๆ อยู่ผมต้องขับรถไปทางไหนนะต่อครับ”
“คุณหมอตรงเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ อย่าขับเร็วนะคะซอยมันแคบบางทีก็มีมอเตอร์ไซค์เข้าออกค่ะ พอมาถึงทางแยกเล็กที่มีดอกไม้สีเหลืองหมอก็เลี้ยวเข้ามาในซอยเลยค่ะ บ้านปิ่นอยู่ซ้ายมือหลังที่เจ็ดเดี๋ยวปิ่นจะออกไปยืนรอที่หน้าบ้านนะคะ”
“หมอมาแล้วเหรอปิ่นค่ะ เขากำลังเข้ามาในซอยแต่น่าจะงงกับเส้นทางอยู่เดี๋ยวปิ่นยื่นไปรอรับที่หน้าบ้านนะคะ”
ปิ่นปินัทธ์ออกยืนรอที่หน้าบ้านเมื่อเห็นรถยุโรปสีดำแล่นเข้ามาเธอก็โบกมือให้ เพราะมั่นใจว่าจะเป็นรถของคุณหมอเนื่องจากในซอยนี้ไม่มีใครใช้รถยนต์เลยนอกจากบ้านของเธอเพียงหลังเดียวเท่านั้น
ชายหนุ่มจอดรถหน้ารั้วและเปิดประตูลงมาพร้อมกับกระเช้าผลไม้อีกหนึ่งใบ
“สวัสดีค่ะหมอ”
“สวัสดีครับปิ่น”
“หมอเอาอะไรมาคะ”
“ผลไม้ครับ เอามาฝากคุณยาย”
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยค่ะ”
“ก็ผมมาทานข้าวที่นี่จะไม่เอาอะไรเลยมันก็น่าเกลียด”
“เข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ หมอหิวหรือยังคะ” หญิงสาวชวนคุย
“หิวมากๆ เลยครับวันนี้กินข้าวตอนสิบโมงจากนั้นก็ไม่ได้กินอะไรอีกเลย”
“งานยุ่งเหรอคะ”
“นิดหน่อยครับพอดีมีเคสที่น่าสนใจอาจารย์หมอก็เลยโทรตามให้ไปดูที่โรงพยาบาล”
“ปิ่นนึกว่าวันเสาร์หมอจะได้หยุดทั้งวัน”
“ไม่หรอกครับตอนเช้าไปราวน์คุณไข้แต่ในกรณีนี้ที่อาจารย์หมอโทรตามเราจะไม่ไปก็ได้แต่ผมเห็นว่ามันน่าสนใจเลยเข้าไปดูครับ”
ชายหนุ่มเดินตามปิ่นปินัทธ์เข้ามาในบ้านเขาเห็นหญิงสูงวัยนั่งอยู่บนโซฟาก็ยิ้มทักทาย ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณยาย”
“สวัสดีจ้ะ นี่ใช่มั๊ยคุณหมอที่หนูที่ปิ่นเล่าให้ยายฟัง”
“ค่ะยายหมอชื่อหมอรัณย์ค่ะ”
“ผมขอมาทานข้าวบ้านคุณยายสักมื้อนะครับ”
“ตามสบายเลยจ้ะ หมอหิวหรือยังล่ะ จะกินข้าวเลยไหม”
“ดีเหมือนกันครับยาย ผมหิวมากๆ”
“กับข้าวบ้านยายอาจจะเป็นกับข้างง่ายๆ นะไม่รู้หมอจะกินได้ไหม”
“ผมกินง่ายครับยาย”
หญิงสาวพากรัณย์กรเดินตามคุณยายไปยังห้องครัวที่อยู่ติดกับห้องรับแขก
“ผมขอล้างมือก่อนนะครับ” เมื่อชายหนุ่มล้างมือเสร็จก็มานั่งฝั่งตรงข้ามกับปิ่นปินัทธ์
“น่ากินจังเลยครับยาย มีปลาช่อนผัดคื่นช่ายกับหมูทอดของโปรดผมด้วย”
“คุณหมอชอบเหรอคะ”
“ครับผมชอบมากเลย”
“ใช่ครับผมชอบกินมากแต่ไม่ได้กินนานแล้วเพราะร้านอาหารตามสั่งเขาไม่ค่อยทำเมนูนี้”
“ถ้าคุณหมอชอบเดี๋ยวยายตักแบ่งเอาไปให้กินด้วยดีไหม”
“ไม่เป็นไรครับยายผมมากินแค่นี้ก็เกรงใจมากแล้ว”
“จะต้องเกรงใจกันทำไมล่ะ ปิ่นเล่าให้ฟังว่าหมอช่วยออมสินยายก็ขอบคุณมากๆ ถ้าอยากกินอีกก็บอกยายนะ เพราะหนูปิ่นก็ชอบกินเหมือนกัน”
“เหรอครับ บังเอิญจัง”
“ค่ะ ปิ่นชอบกินมากๆ”