หมอขาอย่าทำร้ายหัวใจ

62.0K · ยังไม่จบ
จินต์พิชา
32
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาโทษว่าเป็นความผิดของเธอที่โทรมาตอนเข้ากำลังปั๊มหัวใจคนไข้ ทำให้เขาเสียสมาธิและเสียคนไข้ไป โดยไม่รู้เลยว่าที่เธอโทรหาก็เพราะเธอเองก็กำลังจะเสียบางอย่างไปเช่นกัน

18+หมอนิยายรักโรแมนติกดราม่าโรแมนติกสัญญาทางรัก

1 เรื่องวุ่นวัยรุ่นเก้าขวบ

“ครูปิ่นคร้าบ ครูปิ่นคร้าบ ช่วยด้วย ช่วยออมสินด้วย ออมสินล้มหัวมีแต่เลือดเลยครับ” ไออุ่นเด็กชายวัยเก้าขวบวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องเรียนในเวลาสิบห้านาฬิกา

“อะไรนะไออุ่น ค่อยๆ พูดแล้วนั่นทำไมเสื้อมีแต่เลือด” คุณครูสาวถามด้วยความตกใจ

“ออมสินครับครูปิ่น ออมสินล้มหัวมีแต่เลือดเต็มเลย” เด็กชายตอบพร้อมกับหอบเหนื่อย

“แล้วล้มอยู่ที่ไหน ไออุ่นพาครูไปหน่อย”

“ล้มที่สนามฟุตบอลครับครูปิ่นครูต้องไปช่วยออมสินนะครับ”

“ไออุ่นนำครูไปเลย”

ปิ่นปินัทธ์ครูสาววัยยี่สิบห้าปีบอกกับลูกศิษย์ก่อนจะรีบวางการบ้านที่กำลังตรวจอยู่แล้ววิ่งตามเด็กชายไออุ่นไปยังบริเวณสนามฟุตบอลซึ่งตอนนี้เด็กๆ หลายคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่จนมองไม่เห็นว่าตรงกลางนั้นคืออะไร

“หลบหน่อย ครูปิ่นมาแล้ว” ไออุ่นตะโกนบอกเพื่อนก่อนที่ตัวเองจะวิ่งมาถึง

เมื่อเด็กๆ กระจายตัวกันออกแล้วปิ่นปินัทธ์ก็เห็นว่าตอนนี้เด็กชายออมสินนักเรียนห้องของเธอนั่งอยู่บนพื้นและกำลังร้องไห้ เสื้อนักเรียนสีขาวเปื้อนเลือดเต็มไปหมด

“ออมสินเป็นอะไร เจ็บตรงไหน เอามือออกก่อนนะขอครูดูหน่อย” คุณครูสาวพยายามจะดึงมือออกแต่เด็กชายออมสินก็ไม่ยอมปล่อยมือของตนเอง

“มันมีแต่เลือดเลยครับครู ผมกลัวผมเจ็บ” เด็กชายร้องไห้จนตัวโยน

“ขอครูดูหน่อยนะ ครูจะได้ช่วยออมสินไงครับ”

“ครับครู”

ปิ่นปินัทธ์ดุแผลบนศีรษะของเด็กชายออมสินแล้วก็ตกใจเพราะมันไม่ใช่แค่แผลถลอด แต่ดูเหมือนศีรษะของเด็กชายจะกระแทกอะไรสักอย่างจนแตกและเลือกออกค่อนข้างมากและเธอคงต้องพาเด็กชายออมสินไปโรงพยาบาล

“เอาล่ะเด็กๆ ไม่ต้องตกใจนะเดี๋ยวครูจะพาออมสินไปหาหมอพวกเธอก็เตรียมตัวกลับบ้านได้แล้ว ฝากบอกครูที่อยู่หน้าโรงเรียนด้วยว่าถ้าแม่ของออมสินมารับให้ตามไปที่โรงพยาบาล” ปิ่นปินัทธ์สั่งนักเรียนที่กำลังยืนมุงดูอยู่

“ครับครู / ค่ะครู”

“ข้าวฟ่างหนูไปหยิบกระเป๋าและกุญแจรถของครูมาให้หน่อยได้ไหมเดี๋ยวครูจะไปรอที่รถ” เธอสั่งนักเรียนที่เคยใช้งานประจำให้ไปเอาของเพราะข้าวฟ่างจะรู้ว่าเธอเก็บไว้ตรงไหนบ้าง

“ได้ค่ะครูปิ่น”

“ข้าวฟ่างหนูอย่าวิ่งนะเดี๋ยวจะหกล้มอีกคน”

เมื่อสั่งข้าวฟ่างแล้วปิ่นปินัทธ์ก็หันมามองออมสินที่ยังคงร้องไห้อยู่

“ใครมีผ้าเช็ดหน้าบ้างครูขอยืมหน่อย”

“ผมมีครับ” เด็กนักเรียนชายตัวผอมส่งผ้าเช็ดหน้าสีตุ่นๆ ของตนเองให้ครู

“มีผืนที่มันสะอาดกว่านี้ไหม”

“ใช้ของหนูก็ได้ค่ะครู” เด็กหญิงคนหนึ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าที่ไม่ได้ขาวมากแต่มันก็ยังดีกว่าผืนเมื่อครู่ให้กับคุณครูสาว

“ขอบใจนะชมพู่ เอาล่ะออมสินเอามือออกเดี๋ยวครูจะกดแผลให้”

“ผมกลัวครับครู เลือดมันจะหมดตัวไหม”

“ไม่หมดตัวหรอกเชื่อครู เอามือออกนะ” ครูสาวค่อยๆ เอามือลูกศิษย์ออกจากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้ากดไปตรงบาดแผล

“เจ็บมากไหม” เธอถามด้วยความห่วงใย

“เจ็บครับ” เด็กชายตอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา

“เดี๋ยวครูจะพาไปหาหมอนะ ออมสินเดินไหวไหม”

“ผมไม่ไปหาหมอได้ไหมครับครู ผมอยากกลับบ้านอยากไปหาแม่ ไปหายาย”

“ออมสินจะไม่หาหมอได้ยังไงเลือดออกเยอะขนาดนี้ เมื่อกี้บอกว่ากลัวเลือดจะหมดตัวไม่ใช่เหรอไปโรงพยาบาลกับครูก่อน เดี๋ยวครูจะโทรบอกแม่ให้เอง”

“ครับครู”

ปิ่นปินัทธ์พาลูกศิษย์เดินมายังรถของตนเอง ก็พอดีกับข้าวฟ่างถือกระเป๋าและกุญแจรถมาให้

“ขอบใจมากนะข้าวฟ่างหนูก็เตรียมกลับบ้านได้แล้ว”

“หนูขอไปกับคุณครูได้มั๊ยคะ”

“จะไปได้ยังไงล่ะเดี๋ยวแม่ข้าวฟ่างก็มารับแล้ว”

“แต่หนูกลัวออมสินจะตาย”

“ไม่ตายหรอกข้าวฟ่างแค่นี้เอง หนูไปเตรียมกระเป๋ามารอแม่เถอะนะเดี๋ยวสี่โมงแม่ก็จะมารับแล้ว”

“ค่ะครู” แม้อยากไปกับเพื่อนมากแค่ไหนแต่เธอก็เชื่อฟังคุณครู

ระหว่างขับรถมาโรงพยาบาลเด็กชายออมสินก็ร้องไห้งอแงจนปิ่นปินัทธ์แทบจะไม่มีสมาธิขับรถ

“ออมสินครับครูว่าหนูหยุดร้องก่อนดีไหมคะ ถ้ายังร้องไห้แบบนี้ครูจะไม่พาไปโรงพยาบาลแล้วเลือดจะไหลหมดตัวนะครับ” ครูสาวขู่

“ครูคับผมเจ็บ ผมกลัวครับครูปิ่น”

“ไม่ต้องกลัวนะครับ เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว ออมสินเป็นคนเก่งไม่ร้องนะครับ” ปิ่นปินัทธ์ขับรถไปด้วยปลอบลูกศิษย์ไปด้วย ตอนนี้รถติดมากเธอใช้เวลาสิบห้านาทีก็พากันก็มาถึงโรงพยาบาลประจำจังหวัดขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้โรงเรียนมากที่สุด

หญิงสาวจอดรถบริเวณหน้าห้องฉุกเฉินก็มีเจ้าหน้าที่เข็นรถมารอมารอรับ

“เด็กเป็นอะไรครับครู” เจ้าหน้าที่แผนกรับส่งผู้ป่วยจำได้ว่าเธอคือครูที่ประจำอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งเคยพาเด็กมารักษาที่นี่อยู่บ่อยๆ

“เด็กหัวแตกค่ะ” ปิ่นปินัทธ์บอกแล้วรีบลงจากรถมาช่วยพาลูกศิษย์ของตนเองไปนั่งบนรถเข็น

"ออมสินเข้าไปข้างในก่อนนะครับเดี๋ยวครูเอารถไปจอดแล้วจะตามไปนะ”

“ผมกลัว” เด็กชายทำท่าจะไม่ลงจากรถ

“ไม่ต้องกลัวครับพี่เวรแปลเขาใจดี ครูจอดรถใกล้นี่เองครับ”

“คนเก่งไปกับพี่นะครับ เข้าไปหาหมอกันนะ”

“ฝากด้วยนะคะฉันขอเอารถไปเก็บแล้วจะโทรแจ้งผู้ปกครอง เด็กมีประกันโรงเรียนนะคะ ชื่อตามเสื้อที่เขาใส่ค่ะ”

“ครับครู”

หญิงสาวขับรถไปจอดยังบริเวณด้านหน้าซึ่งโชคดีว่ามันยังมีที่ว่างเหลืออยู่ หลังจากจอดรถแล้วหญิงสาวก็โทรศัพท์ไปบอกแม่ของเด็กชายออมสิน

“คุณแม่น้องออมสินใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ คุณครูมีอะไรหรือเปล่าคะ แม่กำลังจะไปรับออมสินหรือว่าคนอื่นเขากลับหมดแล้ว”

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ครูปิ่นจะโทรมาบอกเรื่องออมสิน”

“ออมสินทำไมคะ”

“คือออมสินเขาหกล้มหัวแตกค่ะ ตอนนี้ครูพามาโรงพยาบาลแล้วค่ะ”

“อะไรนะคะครู” มารดาของออมสินตกใจและเป็นห่วงมาก

“คุณแม่ใจเย็นๆ นะคะตอนนี้ออมสินถึงโรงพยาบาลแล้วครูจะโทรมาบอกให้คุณแม่มารับออมสินที่นี่ค่ะ คุณแม่ขับรถดีๆ นะคะไม่ต้องรีบ”

“แล้วออมสินเป็นอะไรมากไหม เขาสลบหรือเปล่าคะ”

“ไม่หรอกค่ะ ออมสินยังพูดได้คุยได้เพียงแต่ร้องไห้เพราะกลัวเลือดนิดหน่อยค่ะ คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ”

“ลูกชายของแม่ไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ ใช่ไหมคะครูปิ่น” มารดาของเด็กชายถามซ้ำด้วยความเป็นห่วง

“ไม่หรอกค่ะเขาแค่มีเลือดออกครูดูแล้วแผลไม่ได้ลึกอะไร คุณแม่ไม่ต้องตกใจนะคะ”

“ถ้างั้นเดี๋ยวแม่จะรีบไปเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะครูที่โทรบอก” เมื่อวางสายแล้วมารดาของเด็กชายก็รีบขี่จักรยานยนต์ไปหาลูกชายทันที