บท
ตั้งค่า

2 มันผิดนะครับ

เมื่อวางสายจากมารดาของเด็กชายออมสินแล้วปิ่นปินัทธ์ก็รีบขึ้นไปยังห้องฉุกเฉินซึ่งตอนนี้พยาบาลกำลังช่วยกันทำความสะอาดแผลของออมสินที่ยังร้องไห้ไม่หยุด

“แผลลึกไหมคะคุณพยาบาล”

“ไม่ลึกค่ะแต่อาจจะต้องเย็บเดี๋ยวเราจะตามหมอให้นะคะ”

“ไม่ทราบว่าน้องโดนอะไรมาคะ”

“น้องหกล้มหัวกระแทกก้อนหินค่ะ”

ขณะที่พยาบาลกำลังทำความสะอาดแผลบนศีรษะหมอประจำห้องฉุกเฉินก็เข้ามาพอดี

“หัวเด็กไปโดนอะไรมาครับ”

“หกล้มกระแทกก้อนหินค่ะ”

“หมอขอดูแผลหน่อยนะครับ” คุณหมอหนุ่มเดินไปตรวจแผลแล้วบอกพยาบาลให้เตรียมอุปกรณ์เย็บแผลไว้รอ

“แผลเปิดแต่ไม่ลึกมากคงต้องเย็บนะครับ ผู้ปกครองเซ็นชื่อแล้วใช่ไหมครับ”

“ฉันไม่ใช่ผู้ปกครองค่ะ ฉันเป็นครู”

เสียงที่ตอบฟังอ่อนหวานจนคุณหมอหนุ่มที่กำลังดูแผลอยู่รีบหันหน้ามามอง ผู้หญิงคนนี้นอกจากจะเสียงหวานแล้วใบหน้าเธอก็ยังสวยหวานมากๆ อีกด้วย เธอคือผู้หญิงในสเปกของเขาชัดๆ

“คุณครูเหรอครับ” เขาถามแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“ค่ะ”

“แล้วผู้ปกครองของเด็กจะมาถึงเมื่อไหร่”

“คงอีกสักพักค่ะ ให้ฉันเซ็นชื่อแทนได้ไหม”

“ได้ครับ ถ้าเซ็นชื่อแล้วก็รอด้านนอกก่อนก็ได้”

“ไม่เอาผมไม่อยากอยู่คนเดียว ครูปิ่นอย่าไปไหนนะ ห้ามทิ้งผมไปไหนนะ” เมื่อได้ยินว่าคุณหมอจะให้คุณครูออกไปนอกห้องออมสินก็ร้องไห้ขึ้นมาหลังจากที่เพิ่งเงียบไปเมื่อครู่

คุณหมอหนุ่มกำลังลังเลเพราะปกติแล้วเขาไม่ชอบให้ใครจ้องเวลาตัวเองกำลังทำงานอยู่แต่ถ้าจะมีเสียงเด็กร้องโวยวายอยู่แบบนี้ก็คงไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่

“หนุ่มน้อยไหนบอกหมอสิชื่ออะไร”

“ผมชื่อเด็กชายออมสินครับ” เด็กชายตอบพร้อมเสียงสะอื้น

“หมอจะให้คุณครูอยู่กับออมสินนะ แต่ออมสินจะต้องสัญญากับหมอก่อนว่าจะไม่ร้องจะไม่ดิ้นหมอจะได้เย็บแผลให้สวยๆ”

“เย็บแผลคืออะไร เหมือนเย็บเสื้อขาดหรือเปล่า หรือเปล่าใช้เข็มเย็บผ้าใช่ไหมผมกลัว”

“มันก็คล้ายๆ เย็บผ้าที่ขาดนั่นแหละ แต่เราใช้เข็มอีกแบบ แต่เดี๋ยวหมอจะฉีดยาชาก่อนตอนเย็บออมสินจะได้ไม่เจ็บไงครับ”

“ฉีดยาเหรอ ไม่เอาออมสินไม่ฉีดครูปิ่นครับ ผมไม่อยากฉีดยาผมกลัวเจ็บ”

“ออมสินครับหนูฟังครูนะ ฉีดยาชาแค่นิดเดียวเองจากนั้นออมสินก็จะไม่เจ็บอีกเลย” ปิ่นปินัทธ์ปลอบลูกศิษย์

“แต่ฉีดยามันเจ็บ”

“เจ็บนิดเดียวเองนะ เชื่อหมอสิ”

“แต่ผมกลัว”

“ออมสินเป็นคนเก่งเดี๋ยวคุณครูจะไปเล่าให้เพื่อนๆ ที่โรงเรียนฟังว่ายอมให้คุณหมอฉีดยาชาและให้คุณหมอเย็บตั้งหลายเข็มโดยไม่ร้องไห้เลย เพื่อนๆ จะต้องชมแน่เลยว่าออมสินเป็นเด็กที่เก่ง”

“ครูจะบอกชมพู่ด้วยไหมครับ”

“บอกสิครูจะบอกชมพู่ว่าออมสินอดทนมากๆ เลยดีไหม”

“แต่คุณครูอยู่กับผมได้ไหมครับ”

“หมอคะขอฉันอยู่กับออมสินได้ไหม”

“ก็ได้ครับ” เพราะเห็นว่าเขาคงคุยกับเด็กไม่รู้เรื่องแน่ๆ การให้คุณครูของเด็กชายอยู่ด้วยน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

“เจ็บนิดหนึ่งนะออมสิน” คุณหมอหนุ่มบอกเด็กชายขณะที่ฉีดยาชาลงไป

“ผมเจ็บ ผมเจ็บ”

“ไม่ได้นะคะออมสินไม่ดิ้นนะ”

ออมสินที่นอนตะแคงอยู่ดิ้นจนพยาบาลต้องเขามาช่วยกันจับศีรษะไว้ ขณะที่คุณครูก็กอดเด็กชายแล้วใช้มือลูบไปบนหลังเบาๆ คุณหมอหนุ่มยับเข้าใกล้มากขึ้นเพื่อจะฉีดยาบริเวณปากแผลอีกด้านและมันใกล้มากจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาจากตัวของคุณครูกลิ่นที่ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด

กรัณย์กรรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากศีรษะก่อนจะฉีดยาชาไปบนแผลจากนั้นก็เย็บจนเสร็จ

การเย็บแผลใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีแต่ทำให้เขาเหงื่อตก ไม่ใช่เพราะเย็บยากแต่เพราะเขาตื่นเต้นที่สายตาของคุณครูคนจ้องอยู่ต่างหาก

เย็บแผลเสร็จก็ให้เด็กชายลุกขึ้นนั่งแต่ยังไม่ให้ลงจากเตียงเพราะเขายังต้องซักประวัติให้ละเอียด เพื่อมั่นใจว่าการล้มหัวกระแทกก้อนหินจะไม่กระทบกระเทือนถึงสมอง

“ออมสินไหนลองเล่าให้หมอฟังสิครับว่าออมสินลงได้ยังไง”

“ผมเล่นฟุตบอลกับเพื่อนครับแล้วก็ลื่นล้มหัวมันไปกระแทกก้อนหิน”

“ไม่ได้นะออมสินเราจะบอกหมอว่าเล่นฟุตบอลไม่ได้” คุณครูกระซิบ

“แล้วผมต้องบอกหมอว่ายังไงล่ะครับ” เด็กชายมองหน้าคุณครูอย่างไม่เข้าใจเพราะเขาเล่นฟุตบอลอยู่กับเพื่อนแล้วล้มจริงๆ

“ไม่ทันแล้วนะครับคุณครู เด็กเขาก็บอกแล้วว่าเล่นฟุตบอลจนหัวกระแทก” คุณหมอได้ยินอย่างชัดเจน

“หมอช่วยแก้ในประวัติได้ไหมว่าแค่วิ่งเล่น ตัดคำว่าฟุตบอลออก”

“ทำไมล่ะครับ” คุณหมอถามด้วยความไม่เข้าใจเพราะเขาไม่เคยรักษาเด็กแบบนี้มาก่อนถึงแม้จะมาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้หนึ่งปีแล้วก็ตาม

“คือเด็กมีประกันอุบัติเหตุไว้ค่ะแต่ถ้าเป็นการเล่นกีฬาบริษัทประกันเขาจะไม่จ่าย ครูขอคุยส่วนตัวกับคุณหมอได้มั๊ยคะ”

“ได้สิเดี๋ยวผมให้พยาบาลพาออมสินออกไปข้างนอกก็ได้”

ยังไม่ทันเรียกให้พยาบาลเข้ามาก็ได้ยินเสียงมารดาของออมสินถามลูกชายก่อน

“แม่มาแล้วครับครู”

“ถ้าอย่างนั้นให้เด็กออกไปอยู่กับผู้ปกครองก่อนนะครับผมขอคุยกับคุณครูเป็นการส่วนตัว” คุณหมอบอกกับพยาบาลที่เดินเข้ามาตามพอดี

เขาพาคุณครูมาในห้องตรวจที่อยู่ติดกับห้องฉุกเฉิน เชิญเธอนั่งลงตรงข้ามก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมมานั่งเก้าอี้ของตัวเอง

“ที่ครูพูดครูก็เท่ากับว่าจะให้ผมทำทำผิดจรรยาบรรณ ด้วยการกรอกประวัติผู้ป่วยไม่ครบใช่มั้ย”

“คุณหมออย่าคิดมากแบบนั้นสิคะ มันก็แค่การช่วยเหลือเด็กผู้ปกครองเขาชำระค่าประกันมาแล้วและลูกเขาเจ็บตัวอย่างนี้ยังจะต้องให้เขาจ่ายเงินอีกเหรอคะ ถึงแม้โรงพยาบาลนี้จะเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล แต่ออมสินไม่ใช่คนที่นี่เขาจึงใช้สิทธิ์บัตรทองไม่ได้ ค่าใช้จ่ายมันก็คงไม่น้อยเลยชาวบ้านหาเช้ากินค่ำเขาจ่ายเงินค่าประกันไปแล้วเขาก็หวังว่าจะได้ลูกของเขาจะได้ใช้สิทธิ์อย่างเต็มที่หมอไม่สงสารเด็กเลยเหรอคะ” ปิ่นปินัทธ์เคยไปเยี่ยมบ้านของนักเรียนทุกคนจึงพอจะรู้ว่าครอบครัวของใครเป็นยังไงบ้าง

“แต่มันผิดนะครับคุณครู ถ้าคนอื่นรู้ผมอาจจะต้องถูกยึดใบประกอบวิชาชีพและโดนสอบสวนเลยนะครับ”

“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ แล้วที่นี่ฉันจะทำยังไงล่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel