3 เด็กกับการหกล้มมันของคู่กัน
คุณครูสาวไม่รู้จะหาทางออกยังไงเธอจะจ่ายค่ารักษาให้ก็ได้แต่แม่ของออมสินก็คงไม่ยอม
“ครูเคยทำแบบนี้บ่อยไหมครับ”
“ไม่เลยค่ะปกติเราก็จะบอกไปตามตรงว่ากรณีไหนจะสามารถเบิกได้กรณีไหนผู้ปกครองต้องจ่ายเอง แต่กับเด็กคนนี้ครูขอเป็นกรณีพิเศษได้ไหมคะ”
“ทำไมถึงขอให้เด็กคนนี้เป็นกรณีพิเศษ ครูไม่กลัวว่าขอให้คนนี้ได้แล้วคนอื่นจะทำตามอย่างเหรอ”
“หมอคงมองว่าครูเป็นคนไม่ดีไม่ซื่อสัตย์ใช่ไหม แต่ออมสินเขาอยู่กับแม่และยายแก่ๆ แม่เขารับจ้างอ้อยค่าแรงวันหนึ่งไม่ถึงห้าร้อย ถ้าเอาเงินมารักษาแบบนี้เห็นทีจะลำบาก”
“น่าเห็นใจเหมือนกันนะครับ”
“ถ้างั้นคุณหมอไม่ช่วยครูจะจ่ายค่ารักษาให้เองก็ได้ค่ะ” แม้ว่าเงินเดือนจะไม่มากแต่มันก็คงมากว่ารายได้ของมารดาเด็กนักเรียน
กรัณย์กรไม่เคยเจอกรณีแบบนี้มาก่อนเขาเองก็สงสารและเห็นใจเธออยู่มากแต่เรื่องที่จะทำมันก็เป็นเรื่องที่ผิด
“ครูรอผมสักครู่นะครับ”
คุณหมอหนุ่มบอกกับคุณครูก่อนที่ตัวเองจะเดินออกมานอกห้องตรวจ
“พี่ต่ายครับผมมีเรื่องถามหน่อยครับ” กรัณย์กรเดินมาหาหัวหน้าพยาบาลประจำแผนกฉุกเฉิน
“มีอะไรคะหมอ”
คุณหมอหนุ่มเล่าเรื่องที่เขาคุยกับคุณครูในห้องตรวจให้กับพี่หัวหน้าพยาบาลฟังอย่างละเอียด
“ผมว่ามันถูกนะครับพี่ ทำแบบนี้คนที่เสียเปรียบก็คือบริษัทประกัน”
“ค่ะ พี่รู้แต่หมอลองมองอีกมุมสิคะ การวิ่งเล่นหกล้มกับวิ่งเล่นฟุตบอลแล้วหกล้มมันต่างกันมากไหม การเล่นฟุตบอลของเด็กเก้าขวบคือการเล่นชนิดหนึ่งเพียงแต่มันมีอุปกรณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เด็กเขาไม่ได้ไปแข่งฟุตบอลแล้วล้มนะคะ เขาแค่วิ่งเล่น”
เพราะทำงานมานานหัวหน้าพยาบาลเลยเจอเคสที่มันก้ำกึ่งแบบนี้อยู่บ่อยๆ อย่างในกรณีนี้มันก็ไม่ใช่การแข่งกีฬาแต่มันคือการเล่นของเด็กเท่านั้นจะวิ่งเล่นแล้วหกล้มหรือวิ่งเล่นฟุตบอลแล้วหกล้มกันก็แทบไม่ต่างกันเลย
“พี่ต่ายคิดว่าผมควรจะเขียนแค่วิ่งเล่นใช่ไหม”
“พี่ไม่ได้บอกว่าให้หมอเขียนแบบไหน แต่เด็กกับการเล่นและการหกล้มเป็นของคู่กัน ไม่ว่าเขาจะเล่นอะไรเขาก็หกล้มได้”
“ผมคิดว่ารู้แล้วว่าจะต้องเขียนยังไง ขอบคุณมากครับ”
เมื่อคุยกับหัวหน้าพยาบาลแล้วกรัณย์กรก็เดินกลับเข้ามาในห้องตรวจอีกครั้ง
“ขอโทษนะครับที่ให้รอนาน”
“ไม่เป็นค่ะ หมอจะช่วยใช่ไหมคะ คะครูสัญญาเลยจะไม่บอกใครแล้วจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก”
“เหมือนคุณครูจะห่วงลูกศิษย์คนนี้มากนะครับ”
“ออมสินเป็นเด็กน่ารักช่างพูดค่ะ”
“ถ้าผมช่วยแล้วคุณครูมีอะไรจะให้ผมเป็นข้อแลกเปลี่ยนไหม”
“คุณหมอจะให้ครูทำอะไรคะ ครูทำให้ได้หมดเลย”
“แน่ใจนะ” เขาถามพลางยิ้มเจ่าเล่ห์
“แน่ใจค่ะ ตกลงคุณหมอจะยอมช่วยใช่ไหม” นาทีนี้ปิ่นปินัทธ์คงต้องยอมตกลงไปก่อนและคิดว่าสิ่งที่คุณหมอหนุ่มคนนี้จะให้ทำนั้นคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ผมจะช่วยก็ได้แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะครับ เพราะผมก็ไม่อยากทำผิด” กรัณย์กรตัดสินใจช่วยเหลือคุณครู หลังจากฟังสิ่งที่หัวหน้าพยาบาลพูดและคิดตามอย่างถี่ถ้วนแล้ว
การซักประวัติเด็กบางครั้งมันก็มีข้อผิดพลาดได้ถ้าหากโดนตรวจสอบขึ้นมาเขาก็จะใช้ข้ออ้างนี้
“ขอบคุณค่ะคุณหมอที่ช่วย”
“เดี๋ยวคุณพาเด็กไปรับยาและอย่าลืมพามาทำแผลนะครับหนึ่งอาทิตย์ผมจะนัดมาดูแผลอีกที ถ้าระหว่างนี้เด็กซึมลง มีปวดหัวหรืออาเจียน หรือเลือดออกเยอะขึ้นก็ต้องรีบพามาหาหมอนะครับ”
“ทำแผลทุกวันเหรอคะ”
“ครับ ปกติแผลแบบนี้ไม่ต้องทำแผลทุกวันก็ได้ครับ ส่วนใหญ่ก็จะนัดมาดูวันที่ตัดไหมเลย แต่ที่ต้องมาทำแผลทุกวันเพราะแผลมีรอยถลอกและขอบไม่เรียบเท่าไหร่หมอเลยอยากให้มาทำแผลครับ” กรัณย์กรอธิบาย
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหมอ” ปิ่นปินัทธ์ลุกขึ้นยืนและยกมือไหว้
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นให้คุณเลี้ยงข้าวผมสักมื้อได้ไหม”
“ได้สิฉันยินดีเลยค่ะ”
“แล้วผมจะติดต่อคุณได้ยังไงล่ะ”
“ในประวัติของเด็กชายออมสินเมื่อกี้มีเบอร์โทรของของฉันอยู่ค่ะฉันชื่อครูปิ่นปินัทธ์ค่ะ”
“ผมหมอกรัณย์กรครับ ยินดีที่ได้รู้จักผมว่างวันไหนผมจะโทรไปหาคุณครู”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะฉันขอตัวก่อนค่ะ”
ปิ่นปินัทธ์เดินออกมาจากห้องตรวจก็เจอกับออมสินและมารดาที่ตอนนี้นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“คุณครูคะหมอว่ายังไงบ้าง” มารดาของเด็กชายออมสินถามอย่างร้อนใจ
“ออมสินเย็บไปเจ็ดเข็มค่ะ แผลไม่ได้ลึกเท่าไหร่ค่ะ”
หญิงสาวอธิบายถึงอาการที่ต้องรีบพาออมสินมาหาหมอก่อนเวลานัดให้กับมารดาของเด็กชายฟังตามที่ตนเองได้คุยกับคุณหมอมาเมื่อครู่
“แม่จะคอยสังเกตค่ะครู”
“เดี๋ยวคุณแม่รออยู่ตรงนี้นะคะ ครูขอไปรับยาก่อน” หญิงสาวไปรอรับยาหน้าห้องยา อยากจากนั้นก็กลับมาหาสองแม่ลูกอีกครั้ง
“มีเป็นยาแก้ปวดนะคะ เอาไว้กินตอนปวดหัวตอนนี้ฤทธิ์ยาชาน่าจะยังมีอยู่ออมสินก็เลยไม่เจ็บแผลเท่าไหร่ แล้วนี่ก็เป็นยาแก้อักเสบต้องทานให้ครบนะคะ เภสัชบอกว่ายาแก้อักเสบต้องกินให้หมดและอย่ากินร่วมกับน้ำส้มหรือพวกนมค่ะ ถ้าออมสินจะกินนมก็ให้เว้นจากยาประมาณสองชั่วโมงนะคะ”
“แล้วคุณแม่ต้องจ่ายเงินไหมคะคุณครู”
“ไม่หรอกค่ะกรณีนี้เราเบิกประกันโรงเรียนได้ แต่ถ้ามีใครถามออมสินต้องบอกว่าลื่นล้มนะครับห้ามบอกว่าเตะฟุตบอล”
“ทำไมล่ะครับครู” เด็กชายออมสินถามอย่างงงๆ
“ออมสินไม่ต้องถามเหตุผลบอกแค่ว่าลื่นล้มก็พอทำได้ไหมครับ”
“ได้ครับ” เด็กชายรับปากทั้งที่ไม่เข้าใจความหมายเท่าไหร่
“คุณครูทำไมต้องให้ออมสินพูดแบบนี้ด้วยคะ” มารดาของเด็กชายถามคุณครูเพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนกัน
“ประกันโรงเรียนจะไม่ครอบคลุมถ้าหากอุบัติเหตุเกิดจากการเล่นกีฬาค่ะ ครูคุยกับคุณหมอให้แล้วหมอจะเขียนแค่ว่าวิ่งเล่นแล้วหกล้มตกลงไหมคะ”
“ขอบคุณค่ะครู ถ้าให้แม่ต้องจ่ายค่าหมอค่ายาอีกคงจะไม่ค่อยไหวเท่าไหร่” เพราะมีอาชีพรับจ้างหาเช้ากินค่ำการจะเอาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลหลักพันมันก็ค่อนข้างลำบาก