4 หลานรักของยาย
“ครูเข้าใจค่ะคุณแม่ ครูก็เลยคุยกับหมอให้แล้วเดี๋ยวคุณแม่พาออมสินกลับบ้านได้เลย”
“แล้วพรุ่งนี้ออมสินต้องมาโรงเรียนไหมคะครู”
“คุณหมอบอกว่าแผลที่ศีรษะไม่ได้เป็นอะไรมากแต่ถ้ามีไข้หรือปวดแผลมากๆ ออมสินจะหยุดอยู่บ้านก็ได้” เธอบอกตามที่ได้รับฟังมาจากพยาบาล
“คือแม่ต้องไปทำงานออมสินต้องอยู่บ้านกับยายค่ะ แม่กลัวว่ายายจะเอายาให้ออมสินไม่ถูกเพราะยายแกอ่านหนังสือไม่ออกค่ะ ถ้าจะให้หยุดงานแม่ก็เอาเงินค่าจ้างของเขามาแล้ว” ท่าทางวิตกกังวลของผู้เป็นมารดาทำให้ปิ่นปินัทธ์เห็นใจและคิดว่าตนเองจะอยู่เฉยกับเรื่องนี้ไม่ได้
“เอาอย่างนี้ก็ได้ค่ะ คุณแม่ให้ออมสินมาที่โรงเรียนเอายามาด้วยนะคะเดี๋ยวครูจะช่วยดูให้ แล้วตอนเย็นคุณครูจะพามาล้างแผลและจะพาไปส่งที่บ้าน”
“เกรงใจคุณครูจังเลยค่ะ เรื่องล้างแผลเลิกงานแล้วแม่พาออมสินมาเองก็ได้นะคะ”
“ต้องเกรงใจอะไรกันล่ะคะแม่ เพราะยังไงเวลาครูกลับบ้านก็ต้องผ่านบ้านออมสินอยู่แล้วใช่ไหม” เธอหันมาถามลูกศิษย์
“ใช่ครับ บ้านครูปิ่นเลยไปข้างในบ้านเรา” เด็กชายออมสินจำได้ว่าเพราะเธอเคยเล่าให้ฟังว่าทุกครั้งว่ากลับจากโรงเรียนก็จะผ่านบ้านของเด็กชาย
“แม่ไม่รู้จะขอบคุณคุณครูยังไงเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่ออมสินเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของครู ด้วยเพราะเด็กๆ รบเร้าขอเลิกเรียนก่อนครึ่งชั่วโมงเพื่อจะไปวิ่งเล่นก่อนจะถึงเวลากลับบ้านครูก็เลยยอมให้เขาออกไปวิ่งเล่น แต่ไม่ได้ตามออกไปดูไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ครูขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ”
“คุณครูไม่ต้องขอโทษแม่หรอกค่ะ แม่เข้าใจดีลูกชายของแม่ก็ซนแบบนี้แหละ”
“แล้วนี่คุณแม่มายังไงคะ”
“เอามอเตอร์ไซค์มานะ”
“เดี๋ยวคุณแม่ขับกลับไปก่อนก็ได้ครูจะส่งออมสินที่บ้านเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะครู ออมสินนั่งมอเตอร์ไซค์ได้” เพราเกรงใจเธอเลยคิดว่าพาลูกชายกลับบ้านเองก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรเพราะปกติออมสินก็นั่งรถจักรยานยนต์ตลอดอยู่แล้ว
“ครูก็ต้องผ่านบ้านออมสินอยู่แล้วให้ออมสินไปกับดีกว่านะคะ เกิดนั่งรถไปแล้วปวดหัวเวียนหัวขึ้นมาจะแย่ค่ะ คุณแม่ไปรอที่บ้านเถอะค่ะ”
เมื่อคุยกับมารดาของออมสินเสร็จเรียบร้อยแล้วปิ่นปินัทธ์ก็พาเด็กชายมายังรถของตนเองที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาล
“ออมสินหิวข้าวไหม” ตอนนี้มันก็ค่ำมากแล้วปิ่นปินัทธ์คิดว่าออมสินน่าจะหิว
“หิวนิดหน่อยครับครู” เมื่อครูถามเด็กชายก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวครูจะจอดรถซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดให้ออมสินกินนะ”
หญิงสาวขับรถออกจากโรงพยาบาลและแวะที่ตลาดซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดให้กับลูกศิษย์จากนั้นก็แวะซื้อนมถั่วเหลืองมาอีกสองแพ็กเพราะระหว่างนี้คิดว่าเด็กชายน่าจะทานนมวัวไม่ได้ เนื่องจากมันจะทำปฏิกิริยากับยาแก้อักเสบตามที่เภสัชกรบอก
เมื่อขึ้นมาบนรถก็ส่งข้าวเหนียวไก่ทอดให้กับลูกศิษย์แต่ตอนนี้มือของเขายังมีรอยเลือดอยู่
“ออมสินอดทนอีกนิดได้ไหม กลับไปถึงบ้านค่อยกิน”
“ได้ครับครู” แม้จะหิวมากแค่ไหนแต่มองเห็นมือตัวเองมีแต่เลือดออมสินก็ไม่กล้าจะกินข้าวเหมือนกัน
หญิงสาวขับรถจากโรงพยาบาลมาถึงบ้านของเด็กชายใช้เวลาประมาณสิบนาทีเมื่อมาถึงหน้าบ้านมารดาของออมสินก็รออยู่ก่อนแล้ว
“ถืออะไรมาแล้วนะออมสิน”
“ครูซื้อข้าวเหนียวกับนมให้ด้วยครับแม่” เด็กชายรีบอวด
“นี่มันก็มืดค่ำแล้วเดี๋ยวกว่าแม่จะทำกับข้าวเสร็จออมสินก็คงหิวแย่ครูก็แวะเลยซื้อให้ค่ะ”
“ขอบคุณนะคะครู แล้วคุณครูล่ะกลับค่ำแบบนี้คุณยายไม่ห่วงแย่เหรอคะ”
“ไม่หรอกค่ะแม่ คุณยายชินแล้วปกติครูก็จะกลับบ้านค่ำเป็นประจำ”
“คุณครูรอแป๊บหนึ่งนะคะ วันนี้ตอนกลางวันแม่เข้าป่าได้หน่อไม้มานิดหน่อยฝากไปให้คุณยายได้ไหม”
“ได้ค่ะคุณยายกำลังบ่นว่าอยากกินต้มจืดหน่อไม้ใส่กระดูกหมูอยู่เลยค่ะ ออมสินเข้าบ้านไปเลยนะครับ แล้วพรุ่งนี้เราเจอกันที่โรงเรียน กระเป๋านักเรียนของเราอยู่ที่โรงเรียนนะ”
“ครับครู ขอบคุณครับ” ออมสินเดินตามมารดาเข้าไปในบ้าน
หญิงสาวรออยู่หน้าบ้านไม่นานมารดาของเด็กชายก็กลับออกมาพร้อมกับถุงหน่อไม้ซึ่งในนั้นมีหน่อไม้หน่อใหญ่อยู่ถึงสองหน่อ
“ทำไมเยอะจังเลยค่ะแม่”
“แม่ได้มาเยอะน่ะ ขอบคุณค่ะครูที่พาออมสินไปหาหมอแล้วยังจะซื้อข้าวซื้อนมให้อีก แม่ก็มีแค่ของแบบนี้ให้ครู”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ ครูไปก่อนนะคะ ถ้ากลางคืนออมสินมีไข้หรือคุณแม่ต้องการให้ครูช่วยเหลืออะไร คุณแม่โทรหาครูได้ตลอดนะคะยาก็กินตามฉลากยาที่โรงพยาบาลเขียนไว้ ส่วนแผลระวังอย่าให้โดนน้ำนะคะ พลาสเตอร์ที่ติดมากันน้ำก็จริงแต่เวลาอาบน้ำสระผมก็ให้ระวังหน่อยเพราะถ้าน้ำเข้าไปในแผลแล้วมันจะเป็นเรื่องใหญ่แต่ทางที่ดี อย่าเพิ่งสระผมดีกว่าค่ะ เพราะออมสินผมสั้นแค่ใช้ผ้าชุบน้ำทำความสะอาดก็น่าจะพอ”
“ขอบคุณมากค่ะครู”
ปิ่นปินัทธ์ขับรถจากบ้านของออมสินเข้ามาในซอยไม่ไกลเท่าไหร่ ก็มาถึงบ้านของตนเองซึ่งคุณยายของเธอเปิดประตูรั้วรอไว้เหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา
“ปิ่นกลับมาแล้วค่ะ” ยายเสียงใสตะโกนบอกคุณยายซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารเย็นอยู่ในครัว
“ปิ่นเป็นอะไรนะลูกทำไมเสื้อหนูมีแต่เลือดแบบนั้น” คุณยายละมัยตกใจเมื่อเห็นว่าเสื้อของหลานสาวตัวเองมีแต่เลือดเต็มไปหมด
“ปิ่นไม่ได้เป็นอะไรค่ะยาย”
“ไหนขอยายดูใกล้ๆ หน่อย” คุณยายรีบเดินเข้ามาใกล้จับหลานสาวหมุนตัวด้วยความเป็นห่วง ปิ่นปินัทธ์หัวเราะเมื่อเห็นท่าทางของคุณยาย เธอกอดคุณยายไว้แน่น
“ยายห่วงหนูเหรอคะ”
“ห่วงสิ ปล่อยยายก่อนขอยายดูก่อนว่ามีแผลตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่ใช่แผลของปิ่นหรอกค่ะยาย ออมสินหกล้มหัวแตกปิ่นเลยพาไปโรงพยาบาลมา”
“โล่งใจไปที แล้วเด็กคนนั้นเป็นอะไรมากไหม”
“หมอเย็บไปเจ็ดเข็มค่ะยาย”
“ตายจริงคงเจ็บมากร้องไห้ลั่นโรงพยาบาลเลยหรือเปล่า” คุณยายละมัยเคยฟังหลานสาวพูดถึงเด็กชายออมสินอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นเด็กน่ารัก ช่างพูดช่างถาม
“ก็ประมาณหนึ่งค่ะคุณยายเมื่อกี้หนูแวะไปส่งเขาที่บ้านแม่เขาฝากหน่อไม้มาด้วยนะคะ”
“พอดีเลยยายกำลังอยากจะกินต้มจืดหน่อไม้”
“ปิ่นก็อยากกินค่ะ แต่เย็นนี้ขอกินข้าวเย็นก่อนได้ไหมคะหิวมากเลย ยายทำอะไรให้ปิ่นกินบ้างค่ะ”
“ยายว่าหนูไปเปลี่ยนชุดก่อนดีไหม เลือดเต็มเสื้อแบบนี้ยายไม่ชอบเลย” ยายละมัยมองชุดหลานสาวแล้วใจคอไม่ดีเท่าไหร่
“ปิ่นขอเวลาเปลี่ยนเสื้อและล้างหน้าไม่เกินห้านาทีค่ะยาย”
หลังจากทานข้าวเย็นกับคุณยายแล้วปิ่นปินัทธ์ก็จัดการปอกหน่อไม้และหั่นเป็นชิ้นใส่หม้อตั้งไฟบนเต่าถ่านเพราะคุณยายบอกว่าต้มเตาถ่านหน่อไม้จะหอมละหวานกว่า
“เดี๋ยวต้มทิ้งไว้แบบนั้นครึ่งชั่วโมงแล้วเทน้ำทิ้งให้หมดจากนั้นก็ค่อยตั้งไฟอีกรอบแล้วค่อยเอากระดูกหมูลงไปใส่นะจำได้ใช่ไหม”
“จำได้ค่ะยาย ปิ่นไม่ได้ต้มจืดหน่อไม้ครั้งแรกซะหน่อย ว่าแต่ในตู้เรามีกระดูกหมูใช่ไหม”
“มีสิก็หนูซื้อมาเมื่อวันก่อนยังกินไม่หมดเลย พรุ่งนี้เช้าเรามีกับต้มจืดแล้วหนึ่งอย่างแล้วปิ่นจะกินอะไรเพิ่มอีกไหม”
“แค่ต้มจืดหน่อไม้อย่างเดียวก็ได้ค่ะ ซดร้อนๆ กินก่อนไปทำงาน”
“กับข้าวอย่างเดียวมันจะพอเหรอยายว่าหมูทอดอีกอย่างดีไหม”
“ปิ่นไม่อยากให้ยายต้องตื่นมาทำกับข้าวทุกวันแบบนี้เลยค่ะ”
“ถ้าไม่ให้ยายตื่นมาทำกับข้าวแล้วจะให้ยายตื่นมาทำไมล่ะ”
“ยายก็นอนต่อตื่นสายๆ หน่อยก็ได้นะคะ ปิ่นก็รู้นี่ว่ายายชอบตื่นตั้งแต่ตีห้า”
“ตื่นสายมันจะทำอะไรไม่ทันเขาสิ”
“ปิ่นไม่อยากให้ยายเหนื่อย”
“ยายไม่เหนื่อยอะไรหรอกลูกแค่ทำกับข้าวให้ปิ่นเอง”
“ปิ่นเป็นโชคดีที่สุดเลยค่ะที่เกิดมาเป็นหลานยายมีกับข้าวกินอร่อยๆ ทุกวันเป็นรักยายนะคะ”
“ยายก็รักปิ่นจ้ะเอาละหนูปิ่นจะไปทำอะไรก็ไปนะยายจะดูละครสักหน่อย”
“ค่ะยาย”