5 อยากเจอครูของคนไข้
กรัณย์กรตรวจผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินจนกระทั่งถึงเวลาห้าทุ่มจึงได้นั่งพักเหนื่อย เขานั่งอยู่หน้าจอเปิดคอมพิวเตอร์และดึงประวัติของเด็กชายออมสินขึ้นมาดูอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะติดใจเรื่องการทำประวัติแต่เพราะเขาอยากได้เบอร์โทรศัพท์ของคุณครูสาวที่ชื่อปิ่นปินัทธ์มากกว่า เพราะตั้งแต่ย้ายมาเป็นแพทย์ใช้ทุนที่นี่สองปีกว่าก็เขายังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่สวยและถูกใจเท่ากับคุณครูคนนี้มาก่อน
ชายหนุ่มยังต้องประจำอยู่ที่โรงพยาบาลนี้อีกครึ่งปี ถ้าหากระหว่างนี้เขาจะลองคบหากับเธอมันคงพอจะมีทางเป็นไปได้เท่าที่สังเกตดูเขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้น่าจะยังไม่มีแฟนเพราะถ้าไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ตอบรับการนัดเลี้ยงข้าวของเขาไว้ง่ายๆ แบบนี้
กรัณย์กรบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของของเธอลงเครื่องของตัวเองไว้และลังเลว่าจะแอดไลน์ไปดีหรือเปล่าแต่คิดว่าจะรอเจอเธอพรุ่งนี้แล้วค่อยขออนุญาตแอดไลน์เพราะตอนนี้มันก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว
เขาบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของลงเสร็จแล้วหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อกาวน์โดยไม่ทันสังเกตว่ามือตัวเองเผลอกดเธอออก
“หมอคะมีคนไข้ฉุกเฉินมากค่ะ” เสียงพยาบาลสาวทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงปลายสายที่ตอบรับ
ผู้ป่วยรายนี้มีอาการ ปวดท้องเกร็งใบหน้าซีดจากการซักประวัติและการตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้วเขาก็วินิจฉัยว่าคนไข้น่าจะอยู่ในภาวะไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลันและอาจจะต้องได้รับการผ่าตัดเร่งด่วน
แต่เขาก็ไม่สามารถผ่าตัดเองได้จึงถูกรายงานเคสกับอาจารย์หมอและส่งตรวจแล็ปต่างๆ ไว้รอ กว่าจะประสานงานกับทุกฝ่ายเสร็จแล้วส่งผู้ป่วยไปที่ห้องผ่าตัดก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง
หลังจากล้างมือเรียบร้อยแล้วคุณหมอหนุ่มก็เลยมีเวลานั่งพักเขาหยิบโทรศัพท์ตนเองขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาแล้วก็เพิ่งเห็นว่าตนเองโทรออกไปหาคุณครูปิ่นปินัทธ์ซึ่งเธอน่าจะรับสายแล้วเพราะเวลาระบุการโทรไว้ที่สิบวินาที
เขาอยากจะโทรกลับไปหาเธอเพื่อจะบอกว่าเมื่อกี้มือเขาน่าจะเผลอไปโดนปุ่มโทรออกแต่พอดูเวลาแล้วมันก็เกือบจะตีหนึ่งก็เลยไม่ได้ โทรเพราะดึกขนาดนี้หญิงสาวน่าจะหลับไปแล้ว กรัณย์กรคิดว่าพรุ่งนี้จะโทรไปขอโทษหญิงสาวที่โทรไปรบกวนเธอกลางดึก
เช้านี้กรัณย์กรออกเวรในเวลาแปดนาฬิกา และกลับไปอาบน้ำที่บ้านพักอย่างเร่งรีบจากนั้นก็มาราวน์คนไข้และออกตรวจแผนกโอพีดีต่อจนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวันจึงมีเวลาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
ชายหนุ่มเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้ตนเองจะต้องโทรศัพท์ไปขอโทษปิ่นปินัทธ์เขารีบกดโทรออก รอไม่นานเธอก็กดรับ
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับครูปิ่นปินัทธ์ใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ แล้วคุณคือใครคะ” หญิงสาวถามเพราะเมื่อคืนเบอร์นี้ก็โทรมาแต่ไม่ได้พูดอะไรเธอกลัวจะเป็นพวกมิจฉาชีพ
“ผมหมอคนเมื่อวานน่ะครับ”
“อ๋อ...คุณหมอกรัณย์กรใช่ไหมคะ”
“เรียกผมหมอรัณย์ก็ได้ครับ”
“ค่ะหมอรัณย์ คุณหมอมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เมื่อคืนผมได้โทรหาคุณใช่ไหมน่าจะซักเวลาประมาณห้าทุ่มกว่าๆ”
“ใช่ค่ะคุณหมอโทรมาแต่ไม่ได้พูดอะไร ปิ่นรอสายอยู่แป๊บหนึ่งแต่ไม่มีคนพูดปิ่นก็เลยวางสายค่ะ”
“ผมขอโทษนะครับที่โทรไปรบกวนดึกแบบนั้น เมื่อคืนผมเพิ่งเมมเบอร์โทรศัพท์ของคุณเสร็จแล้วมีคนไข้ฉุกเฉินเข้ามาผมไม่ทันได้สังเกตว่ามือตัวเองเผลอกดปุ่มโทรออก” เขารีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณหมอจะโทรมาขอโทษแค่นี้ใช่ไหมคะ”
“ดูเหมือนคุณครูไม่อยากจะคุยกับผมเลยนะครับ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ คือปิ่นต้องไปดูเด็กนักเรียนทานอาหารกลางวัน ไม่ค่อยสะดวกคุยเท่าไหร่” เธอกลัวเขาจะเข้าใจผิด
“ผมขอโทษครับผมนึกว่าคุณครูไม่อยากคุยกับผม”
“มีเหตุผลอะไรที่เป็นไม่อยากคุยกับคุณหมอล่ะคะเมื่อวานคุณหมอก็ช่วยปิ่นไว้ ขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวครับครูปิ่น”
“มีอะไรอีกคะ”
“เย็นนี้ครูจะพาลูกศิษย์มาทำแผลไหม”
“ก็คงต้องพาไปค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเย็นนี้เจอกันนะครับ ผมว่าจะแวะไปดูว่าแผลเด็กเป็นยังไงบ้าง”
“ได้ค่ะงั้นเย็นนี้เจอกันนะคะ”
กรัณย์กรมองโทรศัพท์แล้วยิ้มจากนั้นก็รีบไปทานข้าวที่โรงอาหารก่อนจะมาตรวจคนไข้ในรอบบ่ายอีกครั้ง
ปกติแล้วเขาไม่มีหน้าที่จะต้องไปดูแผลที่ตนเองเย็บไว้เลย เพราะพยาบาลจะเป็นคนทำแผล เขาจะไปดูคนไข้อีกครั้งก็วันสุดท้ายซึ่งถ้าหากพยาบาลเปิดแผลแล้วพบว่ามันปกติดีก็ไม่จำเป็นจะต้องไปตรวจ แต่ในกรณีนี้เขาอยากเจอคุณครูของเด็กชายออมสินก็เลยคิดว่าจะเดินเตร่ไปที่ห้องฉุกเฉินสักหน่อยถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ใช่เวรตรวจของตัวเองก็ตาม
“พี่อรครับ” เขาเรียกพยาบาลแผนกผู้ป่วยนอกที่กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน
“มีอะไรคะหมอ”
“โรงเรียนแถวนี้เขาเลิกเรียนกันกี่โมงครับ”
“ส่วนใหญ่ก็บ่ายสามโมงครึ่งบางโรงเรียนก็สี่โมงเย็นค่ะ คุณหมอมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่อรรู้จักโรงเรียนนี้ไหมครับ” กรัณย์กรบอกชื่อโรงเรียนที่เด็กชายออมสินเรียนอยู่ให้กับพี่พยาบาลฟัง
“รู้จักค่ะหมอมีอะไรหรือเปล่า”
“พอดีเมื่อวานผมตรวจเด็กไปคนหนึ่ง แล้ววันนี้นัดมาทำแผลก็เลยอยากจะไปดูสักหน่อย”
“ถ้าเลิกเรียนแล้วเด็กมาทำแผลเลยก็น่าจะถึงโรงพยาบาลไม่เกินสี่โมงครึ่งคนไข้ชื่ออะไรคะเดี๋ยวพี่โทรถามห้องฉุกเฉินให้ก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปรออยู่แถวนั้นเอง”
“จะเสียเวลาเอานะคะคุณหมอ”
“วันนี้ผมไม่ได้รีบไปไหนหรอกครับพี่อร”
“ถ้าอย่างงั้นก็ตามใจค่ะ พี่ขอตัวก่อนนะคะวันนี้คนไข้เยอะมากๆ สงสัยกลับไปเย็นนี้พี่ต้องสลบแน่เลย”
“เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
หลังจากพยาบาลเดินออกไปแล้วกรัณย์กรก็เก็บของใช้ลงลิ้นชักจากนั้นก็เดินไปรอบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน
“วันนี้เวรหมออีกแล้วเหรอคะ” พี่ต่ายหัวหน้าพยาบาลถาม
“เปล่าหรอกครับ ผมว่าจะมาดูสักหน่อยว่าวันนี้ออมสินมาทำแผลหรือเปล่า”
“คุณหมอมีอะไรกับเด็กหรือเปล่าคะ”
“ก็เมื่อวานตอนเย็บแผลเขาดิ้นไปหน่อยไม่รู้ว่าวันนี้แผลจะเป็นยังไงบ้าง”
“แต่ตอนเย็บแผลเสร็จพี่ก็เห็นแผลเรียบดีนี่คะ หมอกังวลเกินไปหรือเปล่า”
“ก็มีนิดหน่อยครับปกติผมไม่ค่อยถนัดเย็บแผลเด็กเท่าไหร่”
“เข้าไปรอข้างในก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับผมนั่งรอตรงนี้ก็ได้ไม่อยากเข้าไปเกะกะ”