บท
ตั้งค่า

12 อยากจับไว้แบบนี้ตลอด

เช้าวันอาทิตย์หมอกรัณย์กรก็มาบ้านปิ่นปินัทธ์ตั้งแต่เช้าเขาทานข้าวเหนียวหมูทอดอิ่มแล้วก็ขับรถออกจากบ้าน

ระหว่างทางทั้งสองก็คุยกันไปเรื่อยใช้เวลาขับรถเกือบสอง ชั่วโมงก่อนจะมาถึงกรุงเทพ

“ปิ่นจะว่าอะไรไหมถ้าผมอยากจะแวะไปเอาของที่บ้านหน่อย”

“ได้ค่ะ”

กรัณย์กรไม่ได้จะไปเอาของแต่เขาอยากพาปิ่นปินัทธ์ไปเจอกับมารดาแต่ถ้าบอกไปตรงๆ ก็กลัวหญิงสาวจะไม่ยอมตามมาด้วย

“หมอจะให้ปิ่นเข้าไปที่บ้านด้วยหรือจะให้ปิ่นรออยู่แถวร้านกาแฟคะ”

“ทำไมปิ่นจะต้องรออยู่ที่ร้านกาแฟด้วยล่ะ มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ”

“คือปิ่นไม่แน่ใจว่าที่บ้านคุณหมอจะมีใครอยู่บ้าง”

“บ้านผมมีแค่แม่ผมกับแม่บ้านครับไม่มีคนอื่น กลัวว่าจะมาเจอใครเหรอ”

“เปล่าคะปิ่นก็แค่คิดว่าบางทีหมออาจจะต้องการความเป็นส่วนตัว”

“ไม่มีความเป็นส่วนตัวหรือความลับอะไรซ่อนไว้ที่บ้านหรอกเข้าไปในบ้านกับผมนะ”

“ก็ได้ค่ะ”

ในเมื่อเขาบริสุทธิ์ใจที่จะพาเธอเข้าบ้านปิ่นปินัทธ์ก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก ชายหนุ่มพาเธอมายังบ้านขนาดสามห้องนอนสามห้องน้ำซึ่งเป็นบ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่เด็ก แม้ตอนนี้จะซื้อคอนโดอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่ยังแวะมาค้างที่นี่อยู่บ่อยๆ

เมื่อชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าบ้านสาวใช้ที่จ้างให้มาดูแลมารดาก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับ

“สวัสดีค่ะคุณหมอมีของให้หนูช่วยถือไหมคะ”

“ไม่มีหรอกวันนา ตอนนี้คุณแม่อยู่ที่ไหนล่ะ”

“อยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ”

“เดี๋ยววันนาเตรียมของว่างเข้าไปให้ฉันในห้องนั่งเล่นด้วยนะ”

“ค่ะหมอ” สาวใช้รับคำสั่งแต่สายตาเธอมองไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินลงมาจากรถ

วันนาอยากจะถามว่าผู้หญิงคนนี้คือใครแต่ก็กลัวจะเสียมารยาท เธอเลยรีบวิ่งเข้าไปในครัวเตรียมของว่างเข้าไปให้เจ้านายในห้องนั่งเล่น

“ทำอะไรอยู่ครับแม่” เสียงลูกชายทำให้คุณศรัญญาวางโทรศัพท์ในมือลงแล้วยิ้มกว้าง

“รัณย์จะเข้ามาบ้านก็ไม่บอกแม่ไว้ก่อน แม่เลยไม่ได้ทำกับข้าวไว้รอเลย”

“ผมอยากมาเซอร์ไพรซ์แม่ครับ” ชายหนุ่มเข้าไปสวมกอดมารดา

“ปิ่นมานั่งตรงนี้สิ” เขาหันมาเรียกก่อนจะแนะทำให้มารดารู้จักกับแฟนของตน

“แม่ครับนี่ครูปิ่นปินัทธ์ครับ”

“สวัสดีค่ะคุณป้า” หญิงสาวยกมือไหว้

“สวัสดีจ้ะ”

“ปิ่นต้องเรียกแม่ผมว่าแม่เหมือนผมสิ เพราะตอนนี้ปิ่นเป็นแฟนผมแล้วนะ”

“อะไรกันนี่แอบมิดไปมีแฟนตอนไหนเนี่ย แม่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”

“ไม่ได้แอบสักหน่อย นี่ไงครับผมพาแฟนมาเจอแม่แล้ว”

“ชื่ออะไรนะลูก”

“หนูชื่อปิ่นปินัทธ์ค่ะ”

“ชื่อเพราะจังแล้วเป็นใครมาจากไหนล่ะ เจอกับลูกชายแม่ได้ยังไงเป็น”

“เป็นครูค่ะ พานักเรียนมารักษากับหมอรัณย์ก็เลยได้เจอกัน”

ระหว่างที่เธอตอบคำถามวันนาก็เอาของว่างมาเสิร์ฟก่อนจะกลับเข้าไปในห้องครัว

“แล้วคบกันมานานหรือยังล่ะ” คุณศรัญญาหันมาถามลูกชายเพราะไม่เคยได้ยินลูกชายพูดถึงผู้หญิงมาก่อนเลยสักครั้ง

“เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานครับแม่”

“นี่ไปอยู่สุพรรณต้องสองปีกว่าเพิ่งเคยเจอกันเหรอ”

“ครับผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นไปอยู่ไหนมาถึงไม่เจอปิ่นสักที”

“แล้ววันนี้ที่มาหาแม่นี้ตั้งใจจะมาพาแฟนมาอวดแม่อย่างเดียวหรือมาทำธุระอย่างอื่นด้วย”

“ตั้งใจพาปิ่นมาหาแม่แล้วก็จะพาปิ่นไปดูหนังด้วยครับ”

“ทำไมมาวันอาทิตย์ล่ะ คราวหน้ามาวันเสาร์นะจะได้ค้างกับแม่สักคืน”

“เอาไว้ครั้งหน้านะครับ พรุ่งนี้เราต้องทำงานกันทั้งคู่”

“ก็ได้จ้ะ อย่าลืมนะหนูเป็นครั้งหน้ามาค้างกับแม่ที่บ้านบ้างแม่อยู่คนเดียวเหงามากๆ”

“อีกหน่อยแม่ก็หายเหงาแล้วครับ”

“มันก็อีกตั้งสามเดือนนะกว่าพี่ชายเราจะย้ายกลับมาจากอเมริกา”

“สามเดือนแป๊บเดียวเองครับแม่”

“พูดถึงพี่ชาย รัณย์ได้บอกเขาหรือยังล่ะว่าตอนนี้มีแฟนนำหน้าเขาไปแล้ว”

“ยังไม่ได้บอกครับกะว่ารอให้พี่กันต์กลับมาแล้วค่อยบอก”

“บอกกันดีๆ ล่ะอย่าไปเยาะเย้ยพี่เขา”

“ผมจะพยายามนะครับแม่ พี่กันต์อายุมากกว่าผมตั้งหลายปีแต่ไม่มีแฟน ผมไม่รู้ว่าถ้าผมบอกไปเขาจะรับได้หรือเปล่า”

“หนูปิ่นล่ะมีเพื่อนที่เป็นโสดบ้างไหม แนะนำให้ลูกชายคนโตของแม่รู้จักก็ได้นะเขาเป็นหมอเหมือนกับหมอรัณย์นั่นแหละแต่เป็นหมอศัลยกรรมนี่ก็ทำงานอยู่อเมริกาแต่ก็กำลังจะย้ายกลับมาที่เมืองไทย”

“แม่ครับอย่าเพิ่งหาแฟนให้พี่กันต์เลยผมว่าเขาอาจจะแอบมีใครอยู่แล้วก็ได้ถึงได้อยากจะย้ายกลับเมืองไทย”

“นั่นสินะ แม่ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลยว่าทำไมพี่เราถึงอยากจะย้ายกลับมาที่เมืองไทย สงสัยต้องให้คนสืบว่าแอบมีแฟนอยู่ที่เมืองไทยหรือเปล่า”

“ผมว่าไม่ต้องสืบหรอกครับแม่ รอเขามาก็ถามตรงๆ เลยแล้วกัน”

“พี่ชายเราจะยอมบอกเหรอ ขานั้นน่ะเก็บความลับเก่งจะตายไม่เหมือนเราหรอกที่มีอะไรก็บอกกับแม่ตรงๆ”

“ก็ผมไม่อยากปิดบังแม่นี่ครับ”

ปิ่นปินัทธ์มองสองแม่ลูกคุยกันเขาก็รู้สึกอบอุ่นไปด้วยหมอกรัณย์กรคนนี้เวลาอยู่กับมารดาก็ช่างอ้อนเหมือนกับเด็ก

กรัณย์กรคุยกับมารดาพักใหญ่ก่อนจะขอตัวพาปิ่นปินัทธ์ออกมายังห้างสรรพสินค้า

ทั้งสองเดินดูสินค้าไปเรื่อยแต่ยังไม่มีใครตกลงจะซื้ออะไร เพราะอยากจะดูหนังกันก่อนแล้วค่อยออกมาซื้ออีกที

“ปิ่นหิวไหม”

“นิดหน่อยกินอะไรดีคะ”

“จริงๆ ผมอยากกินพิซซ่านะแต่กลัวจะอิ่มมากแล้วไปนั่งง่วงในโรงหนัง ปิ่นลองเสนอมาสิว่าอยากกินอะไรกิน”

“อะไรก็ได้ค่ะไปทานที่ฟู๊ดคอร์ดดีไหม”

“ไม่ได้นะปิ่น”

“ทำไมเหรอคะ”

“ผมพาปิ่นมาเดตครั้งแรกจะให้ผมพาไปกินอาหารที่ฟู๊ดคอร์ดได้ยังไง เอาเป็นว่ากินอาหารญี่ปุ่นกันดีไหมผมเองก็ไม่ได้กินนานแล้ว”

“ก็ได้ค่ะ”

กรัณย์กรพาปิ่นปินัทธ์ไปทานอาหารญี่ปุ่นจากนั้นทั้งสองก็เข้าไปดูหนังด้วยกันระหว่างดูหนังความใกล้ชิดก็มากขึ้น กรัณย์กรจับมือเธอมากุมไว้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นมากๆ กับมือใหญ่ที่จับอยู่ตลอด

และเมื่อดูหนังจบเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือทั้งสองก็เลยเดินจับมือกันเดินออกมาจากโรงหนัง

“ปิ่นมีอะไรอยากซื้อไหม”

“อยากจะไปดูหนังสือนิทานให้เด็กอนุบาลแล้วก็อุปกรณ์การเรียนหน่อยค่ะ”

“ผมก็จะไปดูหนังสือเหมือนกันถ้างั้นเราไปดูหนังสือกันนะแล้วค่อยหาอะไรกินก่อนกลับสุพรรณ”

“ได้ค่ะแต่ หมอจะไม่ปล่อยมือปิ่นเหรอคะ”

“ทำไมล่ะจับกันแบบนี้จะได้ไม่หลง”

“ปิ่นโตแล้วไม่หลงหรอกค่ะ”

“ถ้าผมบอกว่าอยากจับเพราะอยากจับไม่ได้กลัวปิ่นหลงล่ะ ปิ่นยังจะให้ผมปล่อยมืออีกหรือเปล่า”

หญิงสาวยิ้มแทนคำตอบทำให้เขาเองยิ้มตามจากนั้นก็พากันเข้ามาในร้านหนังสือ

“จริงๆ ผมอยากจับมือปิ่นแบบนี้ไปตลอดนะ แต่ตอนนี้ขอตัวไปเลือกหนังสือก่อน” เขากระซิบแล้วแยกไปยังมุมหนังสือที่ตัวเองอยากซื้อ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel