คนไม่มีน้ำใจ -Ep.3-
Ep.3
สามวันต่อมา
ครืดดดดด~
เสียงล้อที่ลากไปกับพื้นของกระเป๋าเดินทางสีชมพูใบใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเจ้าของมันพาลากมาที่ริมรั้วของหน่วยจู่โจมสีครามคลุมดิน
"โหวว...ขาวขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย!" พระพายเอ่ยปากชมพร้อมกับมองหนุ่มๆ ที่ถอดเสื้อวิ่งด้วยสายตาแพรวพราว มันช่างผิดกับที่เธอคิดไว้ซะเหลือเกิน
(Phraphai talk)
ฉันไม่รู้ว่ามาจอดรถผิดที่หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือป้ายมันบ่งบอกชัดเจนมากว่าที่นี่คือหน่วยจู่โจมสีครามคลุมดิน หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ฉันคิดเอาไว้ว่ามันคงจะมีแต่ผู้ชายถึกๆ ดำๆ เพราะเคยได้ยินมาว่าฝึกโหดมาก
"คุณครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ!"
"ห๊ะ! เอ่อคือว่า...." ฉันสะดุ้งให้กับเสียงเข้มที่ตะโกนมาข้างหลัง พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็นตำรวจที่คงจะเป็นเวรยามหน้าป้อม คือก่อนมาฉันฟังพี่นูน่ามาคร่าวๆ น่ะค่ะว่าตำรวจที่นี่เขาทำอะไรกันบ้าง "คะ..คือว่าฉันมาจากสำนักพิมพ์โดรามิน่ะค่ะ มาขอพบ....ผู้กองลักษณ์"
"ได้นัดไว้หรือเปล่าครับ!?" พูดเพราะแต่โทนเสียงดุๆ แฮะ
"ก็คง...นัดไว้มั้งคะ" ฉันจะบอกยังไงดี คือฉันก็ไม่เคยคุยกับผู้กองลักษณ์อะไรนั่นโดยตรงอ่ะนะ คิดว่าสำนักพิมพ์น่าจะติดต่อทางนี้มาแล้ว "คุณช่วยติดต่อผู้กองลักษณ์ให้หน่อยได้ไหมคะ บอกว่าพระพายเอิ่มไม่ใช่สิ บอกว่าฉันมาจากสำนักพิมพ์โดรามิ ผู้กองลักษณ์น่าจะรู้น่ะค่ะ"
"ครับ คุณช่วยออกมาจากตรงนั้นหน่อย ตรงนั้นมันมีท่อระบายน้ำ เดี๋ยวจะตกลงไป" พูดจบคุณพี่ตำรวจหน้าเข้มก็เดินเข้าป้อมไปเลยค่ะ ดุแต่ก็ยังเป็นห่วง จะถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับมิตรภาพไหมนะ
ค่ะ ในเมื่อคุณตำรวจหัวเกรียนเตือน ฉันก็รีบกระโดดออกมาจากริมรั้ว เสียดายนิดหน่อยแฮะ พี่ๆ เขากำลังจะวิ่งผ่านมาทางนี้เลย
"รอแป๊บนึงนะครับ! ผู้กองลักษณ์กำลังมา"
"เฮือก! อ้อ...ค่ะๆ" ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ คุณพี่ตำรวจหัวเกรียนก็เดินมาพูดข้างๆ พูดใกล้ๆ ไม่ว่า เสียงดุๆ นี่สิไม่รู้จะเข้มไปไหน เอิ่ม...หน่วยปฏิบัติการพิเศษเขาห้ามยิ้มด้วยไหมคะ คือคุณพี่เวรยามคนนี้หน้านิ่ง...มว๊ากกก!! ฉันก็นึกว่าโกรธแค้นฉันมาเป็นสิบชาติ
ฉันนั่งรออยู่บนกระเป๋าสีชมพูใบโปรดอยู่สักพักก็เห็นรถจีเอ็มซี ฮัมเมอร์ อีวี สีเขียวขี้ม้าวิ่งออกมาจอดหน้าป้อม ประเด็นคือขับผ่านหน้าฉันแบบเฉียดฉิวมาก แบบนี้ก็ชนฉันให้แบนไปเลยไม่ดีกว่าเหรอโถ่!
"ผู้หญิงคนนี้บอกว่ามาพบผู้กองลักษณ์ครับ"
"โอเคผมจัดการเอง"
"ครับ"
โห! คุณตำรวจหัวเกรียนคนนี้ปฏิบัติกับผู้กองลักษณ์อะไรนั่นต่างกับฉันสุดขั้ว วิธีทำความเคารพนี่เฉียบมาก เท้าชิดหลังตรงเป็นไม้กระดานเลย สีหน้าเกรงใจแบบสุดๆ ก็นะ ผู้กองลักษณ์คือหัวหน้าหน่วยจู่โจมสีครามคลุมดินนี่นา เอ๊ะ! เขาเดินมาหาฉันแล้ว
ฉันรีบกระโดดลงจากกระเป๋าแล้วยืนสงบเสงี่ยมยิ้มอย่างสุภาพให้กับผู้กองลักษณ์ที่เดินตรงมาหาฉัน แต่เชื่อไหม หัวหน้ากับลูกน้องหน้าไม่รับแขกพอๆ กันเลย ฉันเลยต้องหุบยิ้มลงแล้วทำหน้าตาปกติ
"นั่นรถคุณเหรอ?" นี่คือคำพูดทักทายฉันใช่ไหม? เอิ่ม...ดูจากสีหน้าเรียบตึงของคนตรงหน้าฉันแล้ว...เขาคงไม่อยากทักทายฉันเท่าไหร่ ย่ะ! ฉันก็ไม่ได้อยากมาที่นี่สักหน่อย
"ค่ะ ฉันชื่อพระพายนะคะ ฉันถูกส่งมา!..."
"ขับตามผมเข้ามาเลย ผมจะพาไปที่พัก" แล้วตาผู้กองลักษณ์นี่ก็เดินไปขึ้นรถเฉยเลย ฉันนี่อ้าปากค้างเลยค่ะ พูดแนะนำตัวยังไม่ทันจบก็ตัดบทขึ้นมาซะอย่างนั้น คนอะไรไม่มีมารยาท!
"เร็วๆ สิคุณ! ผมมีเรื่องให้ต้องทำอีกเยอะ" หมอนั่นเปิดกระจกตะโกนเร่งฉันตอนวนรถขับกลับมา ฉันเลยต้องรีบลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตกลับมาขึ้นรถเก๋งลูกรักของฉัน ว่าแต่...ฉันเอากระเป๋าลงไปทำไมเนี่ย! ตำรวจอะไรไม่มีน้ำใจเลย ช่วยถือกระเป๋าหน่อยก็ไม่ได้ หล่อแต่ไร้น้ำใจ!
ฉันขับลูกรักคันสีขาวตามรถจีเอ็มซี ฮัมเมอร์ อีวี ของตาผู้กองลักษณ์เข้ามาข้างใน พอได้เข้ามาถึงได้รู้ว่าที่นี่มันกว้างใหญ่กว่าที่เห็นอยู่ด้านหน้า อ่อ ฉันลืมบอกไปค่ะ หน่วยจู่โจมสีครามคลุมดินอยู่ติดทะเล เขาว่ากันว่าด้านหลังของหน่วยนี้ทะเลสวยมาก แต่เขาไม่ได้เปิดเป็นที่ท่องเที่ยว ก็คงจะมีแต่คนในเท่านั้นที่เดินลงไปดูน้ำทะเลสวยๆ ได้
ปึก!
ปึก!
ฉันกับหมอนั่นลงจากรถเกือบจะพร้อมกัน ฉันแอบช้อนตามองหน้าตาที่หล่ออย่างกับพระเอกซีรีย์จีนแถมหุ่นยังดูดีทั้งสูงทั้งแน่น รูปลักษณ์ภายนอกที่พระเจ้าสรรค์สร้างมาให้ช่างสวนทางกับรูปลักษณ์ภายในซะเหลือเกิน ว่าแต่หัวหมอนี่ไม่เกรียนเหมือนตำรวจคนอื่นๆ แฮะ เพราะเขาตัดรองทรง แถมตัวก็สูงราวๆ 185 เซ็นฯ หนักประมาณ 70 กก. ผิวขาวสว่าง ดวงตากลมรี นัยน์ตาสีดำสนิท จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากเป็นกระจับสีแดงธรรมชาติตามแบบฉบับคนผิวขาว ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงอธิบายรูปร่างหน้าตาหมอนี่ได้ ก็เพราะว่าฉันเป็นนักเขียนยังไงล่ะ
"กำลังจินตนาการอะไรกับรูปร่างผมเหรอครับคุณนักเขียน?"
"ห๊ะ!! คะ? อ้อ...เปล่าค่ะ!" ฉันส่ายหน้าดิก โอ๊ยยย ไม่ค่อยจะมีพิรุจเลยนะยัยพระพาย อุตส่าห์แอบมองแล้วแท้ๆ สงสัยมองเพลินไปหน่อยเลยถูกจับได้
"ข้างในนี้คือห้องพักคุณ ผมให้ลูกน้องทำความสะอาดให้แล้ว เตรียมที่นอน หมอน ผ้าห่มผืนใหม่ไว้ให้ ห้องน้ำอยู่ฝั่งนี้" มือหนาชี้ไปที่ห้องเล็กๆ เก่าๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องที่กำลังจะเป็นของฉัน ว่าแต่...ตึกนี้ดูเก่าๆ ยังไงก็ไม่รู้ มีผีไหมเนี่ย!
"ตึกมันอาจจะเก่าหน่อยเพราะไม่ค่อยได้ใช้ หรือถ้าคุณรังเกียจจะย้ายไปนอนตึกใหม่กับพวกผมก็ได้นะ" โห...นี่อ่านใจฉันอยู่หรือเปล่าถึงรู้ว่าฉันคิดอะไร แล้วดูสีหน้ากวนประสาทบวกกับสายตารำคาญนั่นสิ คงไม่เต็มใจกับการมีผู้หญิงมาอยู่ด้วยเท่าไหร่
"ไม่เป็นไรค่ะฉันอยู่ได้" จริงๆ มันก็ไม่ได้ทรุดโทรมถึงขนาดกับจะมีผีทะลุกำแพงออกมาหรอก ห้องอื่นๆ ก็ยังสะอาดและยังมีรอยคนเดินเข้าออกใช้งานตึกนี้อยู่บ้าง แล้วนี่เขาจะบ้าหรือไง ฉันจะไปนอนรวมกับพวกเขาได้ยังไง ผู้หญิงสักคนก็ไม่มี
"งั้นก็ตามนี้ ตอนเย็นพวกเรากินข้าวกันหกโมง หลังจากนั้นทุกคนก็จะไปอาบน้ำ คุณคงไม่ต้องไปดูตำรวจอย่างพวกเราอาบน้ำเพื่อนำไปเป็นข้อมูลหรอกใช่ไหม?"
"มะ..ไม่ค่ะ!" อีตาบ้านี่! ส่งสายตารำคาญฉันยังไม่พอ ยังมาพูดจาปั่นประสาทประชดประชันฉันอีก
"โอเค อย่าลืมนะครับ พวกเราตรงเวลา หกโมงคุณไม่ไปกินข้าวก็ถือว่าสละสิทธิ์มื้อเย็นวันนี้ และประตูข้างหน้าเปิดปิดเป็นเวลา ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ฉุกเฉินจริงๆ ก็เข้าหรือออกตามใจตัวเองไม่ได้" พูดจบอีตาผู้กองลักษณ์ก็เดินขึ้นรถไปเลย ทิ้งให้ฉันยืนกำหมัดอยู่ในที่เอิ่ม...ค่อนข้างวังเวงคนเดียว จะช่วยยกกระเป๋าไปส่งในห้องหน่อยก็ไม่ได้ นึกภาพตอนไปปฏิบัติหน้าที่ไม่ออกเลยว่ามีประโยชน์ยังไง คงจะใช้แต่ลูกน้องล่ะสิท่า ฉันควรจะใส่รายละเอียดตรงนี้ลงในเนื้อหานิยายดีไหมนะ
และแล้วฉันก็ต้องยกของเองคนเดียว ฉันไม่รู้ว่าเวลานี้ทุกคนทำอะไรกัน ก็คงอย่างที่เห็นหน้ารั้ว คงกำลังฝึกซ้อมกันล่ะมั้ง เพราะไม่มีใครเดินผ่านมาสั๊กกะคน หมาสักตัวยังไม่มีเลยค่ะ
ตกเย็น
"เฮ้ออ~ เสร็จสักที!!" ฉันทิ้งตัวหงายหลังนอนบนที่นอนนุ่มๆ ของฉันที่เตรียมมาเอง มันเป็นที่นอนปิ๊กนิ๊กนั่นแหละค่ะ ฉันปูมันบนเตียงสองชั้นเลย ข้าวของอะไรก็รื้อออกมาจัดเรียบร้อย โชคดีที่ยังมีโต๊ะทำงาน เตียง โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า แล้วก็โต๊ะวางของอีกตัวให้ ภายในห้องยังดูไม่เก่าเท่าไหร่ค่ะ มีแอร์ให้ด้วย แถมพัดลมอีกตัว คงไม่ใช่ตาผู้กองหน้าเครียดนั่นแน่ๆ ที่เตรียมไว้ให้ เฮ้ออ...เหนียวตัวจัง ไปอาบน้ำดีกว่า
ฉันเตรียมผ้าขนหนูและตะกร้าของใช้ที่จำเป็นในห้องน้ำติดมือออกไปตามทางเดินที่ตาผู้กองลักษณ์ชี้ให้ดูเมื่อเช้า เดินมาห้าหกก้าวก็เจอทางเลี้ยวซ้ายมือแล้วก็เจอห้องน้ำเลยค่ะ อืม...ถึงตึกจะเก่าแต่ห้องน้ำกับห้องนอนยังพอดูดีอยู่เลยนะ มีชักโครกสีดำดูสะอาดสะอ้าน ฝักบัว อ่างล้างหน้า พื้นกระเบื้องด้านล่างสีส้ม กระเบื้องข้างฝาก็สีส้ม รูปปลาการ์ตูนกำลังว่ายอยู่ในทะเลซะด้วยนะ ไม่เข้ากับหน้าหมอนั่นเอาซะเลย
ฉันอาบน้ำสระผมอยู่ประมาณสิบห้านาทีค่ะ เสร็จแล้วจึงหยิบผ้ามาเช็ดหัว ส่วนอีกผืนเช็ดตัว พอเช็ดตัวเสร็จฉันก็เอามันพาดไว้ที่เดิม แล้วก็มาหยิบ!... เอ๊ะ! สะ..เสื้อผ้าฉันล่ะ?
"ยัยพระพาย!" ฉันเขกหัวตัวเองไม่แรงมากนักโทษฐานที่ขี้ลืม ลืมอะไรไม่ลืม ดันลืมเสื้อผ้า!
"ช่วยไม่ได้แล้วงานนี้" ฉันตัดสินใจเอาผ้าขนหนูมาพันไว้รอบตัว ครั้นจะใส่ชุดเดิมก็เปื้อนฝุ่นที่ทำความสะอาดเพิ่มบางส่วนมาตั้งแต่เช้า ไม่เป็นไร แถวนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว วิ่งไปห้าหกก้าวก็ถึง ใช้เวลาไม่ถึงสิบวิ ฮึบบ!!
แกร็กๆ!
"เอ๊ะ?" ฉันเบิกตามองลูกบิดประตูที่บิดไม่ได้ พอบิดซ้ำๆ มันก็ติด มีดีทุกอย่าง ยกเว้นลูกบิดประตูงั้นเหรอ?
แกร็กๆ! แกร็กๆๆๆ!
ฉันหมุนมันไปมาอยู่อย่างนั้น แต่มันก็ยังติด เหมือนเราเปิดจากข้างนอกแล้วคนข้างในล็อคน่ะค่ะ มันรู้สึกแบบนั้นเลย แต่ฉันก็สู้มันค่ะ มันสู้มาฉันก็สู้กลับ ทั้งบิดทั้งดึงกระชาก ดึงจนหัวสั่นมันก็ยังไม่ออก จนฉันเริ่มเหนื่อยแล้วค่ะ ทำไงดี ลองรวบรวมแรงดึงอีกทีละกัน ฮึบบ!
แกร็ก!!!
"....!!!" ฉันเบิกตาโพลงมองลูกบิดประตูที่มันติดมากับมือฉัน ฮืออ...ฉันอยากร้องไห้ ประตูพังแบบนี้แล้วฉันจะออกยังไง