ชุมนุมข้างสนาม -Ep.2-
EP.2
ปี๊ด!!!
เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นตัวแทนของคำสั่งที่รู้กันเฉพาะในหน่วย เหล่าตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษกำลังวิ่งกันด้วยความแข็งขันอวดกล้ามหน้าท้องแน่นๆ บางคนก็ขาวจนผู้หญิงหลายคนยังสู้ไม่ได้ บางคนก็ผิวสีน้ำผึ้งจนสาวสายฝออยากจะมาขอแลกสีผิวด้วย การรวมตัวกันของหน่วยจู่โจมสีครามคลุมดินเปรียบดั่งจับดาราชายมามัดรวมกัน หลายคนคงคิดว่าหน่วยนี้คัดหน้าตาคนเข้าหน่วยหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
“เฮ้ออ...วันนี้อากาศดีเนาะ อยากจะนอนกอดแฟนอยู่ห้องจังเลย”
“มึงมีเหรอไอ้แดน”
“ไม่มีว่ะ แหะๆ” คนที่กำลังดื่มด่ำรับอากาศบริสุทธิ์หันไปยิ้มแห้งพลางกระดกน้ำเข้าปากขณะนั่งพักกันอยู่ขอบสนามหญ้า ตำรวจอย่างพวกเขาหาแฟนยาก เพราะเวลาจะไปจีบสาวยังไม่มีเลย คนเวลาน้อยอย่างพวกเขาชาตินี้คงไม่มีเมีย
“แล้วมึงอ่ะ?”
“คนอย่างไอ้คินเนี่ยเหรอจะมี”
“คนอย่างกูมันทำไมวะไอ้ตาร์!” คนที่พึ่งจะโดนหยามเกียรติลูกผู้ชายเอาน้ำออกจากปากแล้วตะโกนถามตาร์เหมือนจะหาเรื่อง แต่จริงๆ พวกเขาเป็นเพื่อนที่แซวหยอกกันเล่นก็เท่านั้น
“ก็ดูๆ แล้วมึงคงเอาใจสาวไม่เป็น ขนาดเพื่อนอย่างพวกกูมึงยังไม่เอาใจเลย”
“อ๋อ กูต้องเอาใจมึงใช่ไหมกูถึงจะมีแฟนได้”
“ก็ใช่อ่ะดิ”
“งั้นคุณเพื่อนยัดห่านี่ไปเลยสิคร๊าบ” ว่าจบคินก็ยัดขนมปังก้อนใหญ่ใส่ปากตาร์แล้วดึงเข้ามากอดคอบังคับให้ตาร์กลืนขนมปังก้อนใหญ่เข้าไป
“ไอ้อิน..แอ้กๆ ไอเอี้ย!” เสียงอู้อี้ของตาร์ที่โดนขนมปังอุดปากดังประท้วงขึ้น โชคดีที่คินปล่อยคอเขาแล้วส่งน้ำมาให้ซะก่อน ไม่งั้นโดนปิดตำนานตาร์ผู้กู้ระเบิดได้ทุกเม็ดแน่ๆ
“พวกแกเล่นอะไรกัน”
“ผู้กองลักษณ์!” ทั้งคิน แดน ตาร์ รีบพากันยืนตัวตรงเมื่อผู้กองเจ้าของฉายาน้ำแข็งได้เดินเข้ามา นี่ขนาดพวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดยังรีบยืนตัวตรงขนาดนี้ หากมีเรื่องไม่ดีปิดบังผู้กองลักษณ์อยู่ล่ะก็...คงเผลอสารภาพความจริงละเอียดยิบตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาแล้ว จริงๆ ผู้กองลักษณ์ไม่ใช่คนดุหรือใจร้ายแต่อย่างใด แต่เพราะตำรวจในหน่วยทุกคนเคารพผู้กองลักษณ์มากๆ ต่างหาก
“นั่งเถอะๆ ทำอย่างกับฉันจะมาเชือดซะอย่างนั้น” ลักษณ์ทิ้งตัวลงนั่งตรงขอบสนามหญ้า จากนั้นตาร์ แดน คินก็ลงมานั่งกันตามปกติ จริงๆ ทั้งสี่คนมีอายุไล่เลี่ยกันและลักษณ์ก็มองทุกคนเป็นเพื่อน หากแต่ในหน้าที่เขาคือหัวหน้า และทุกๆ คนก็เกรงใจเขาแม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตาม
“นี่ครับผู้กองลักษณ์” คินยื่นขนมปังที่มีไส้เป็นแยมผลไม้ต่างๆ ให้ลักษณ์เป็นคนเลือกก่อน จากนั้นตาร์กับแดนก็รีบมาแย่งจากมือคินหลังจากลักษณ์เลือกไปแล้ว
“เฮ้ยไอ้แดนกูเอาบลูเบอร์รี่”
“มึงไม่ฝากมันซื้อไส้นี้ล่ะ พอถามเสือกบอกเอาอะไรก็ได้ อย่าแย่งกูไม่ให้!”
“กูไม่อยากกินแยมส้มนี่หว่า มึงจำไว้ไอ้แดน” ตาร์ชี้หน้าแดนแล้วยอมแกะขนมปังไส้แยมส้มกินตุ้ยๆ แม้เขาจะไม่ชอบแยมส้มแต่ทว่าขนมปังร้านที่คินซื้อมาให้ประจำมันอร่อยไม่เหมือนร้านทั่วๆ ไป ขนมปังก็นิ่มอย่างกับนุ่น เคี้ยวทีแทบจะละลายในปาก
“อ่ะ พรุ่งนี้ซื้อมาให้คนในหน่วยกินด้วย แกเลือกร้านใช้ได้นะ” ลักษณ์ยื่นเงินให้คินสามพัน เขาเองก็เป็นหนึ่งคนที่มากินขนมปังที่คินซื้อมาให้ตลอด อร่อยจริงๆ อันนี้เขายอมรับเลย
“หูยย ขอบคุณครับผู้กองลักษณ์ ขนมปังร้านนี้นอกจากจะอร่อยแล้ว...เจ้าของร้านยังสวยมากๆ ด้วย”
“กูว่าละ! จุดประสงค์แท้จริงของมึงคือไปเฝ้าเจ้าของร้าน...อืมร้าน....” แดนชี้หน้าคินที่ยิ้มฝันหวานแล้วหยิบถุงขนมปังขึ้นมาดูโลโก้ร้าน “นานาเบเกอร์รี่คาเฟ่ เจ้าของร้านคงชื่อนานา ได้! ไว้ว่างๆ กูจะไปจีบตัดหน้ามึง”
“มึงอย่านะเว่ยไอ้แดน! ผู้กองลักษณ์ฟังมันไว้นะ ถ้ามันทำจริงๆ ผมต้องการความยุติธรรมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษอย่างเรา เป็นวีรบุรุษห้ามแย่งแฟนเพื่อนเว่ย!”
“มึงมั่นมากไอ้คิน! พูดว่าแฟนได้เต็มปาก ให้กูเดาเถอะ มึงก็แค่ไปแอบมองเขาตอนซื้อของเท่านั้นแหละ คนอย่างมึงไม่กล้าจีบหรอก”
“มึงดูถูกกูนะไอ้แดน ผู้กองลักษณ์ดูมันสิ”
“หึๆ ของแบบนี้น่าจะอยู่ที่ความสามารถนะ” ลักษณ์ยิ้มแซวเพื่อนร่วมงานที่พากันนั่งเถียงเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขารู้ว่าความใฝ่ฝันของผู้ชายทุกคนคือแต่งงานมีเมียรออยู่ที่บ้าน แต่อาชีพอย่างพวกเขามันเสี่ยง การที่จะมีผู้หญิงสักคนรับได้มันก็เป็นเรื่องยาก
“ผู้กองลักษณ์ก็ดูถูกผมเหรอเนี่ย?”
“ฮ่าๆๆๆ ผู้กองเขาพูดความจริงเว่ย” แดนขำก๊ากให้คินที่นั่งหน้าบูดแบบไม่จริงจังนัก
“เออผู้กองลักษณ์ ผู้กองได้ยินเรื่องที่จะมีนักเขียนคนนึงมาอยู่กับเราไหมครับ”
(Luck talk)
เสียงลูกน้องในทีมผมถามขึ้นนั่นก็คือไอ้ตาร์ พอไอ้ตาร์ถามถึงเรื่องนี้ผมก็ถอนหายใจครับ เฮ้อ...ไม่รู้ลุงผมจะไปตบปากรับคำบริษัทหรือสำนักพิมพ์พวกนั้นทำไม เอามาเป็นภาระเปล่าๆ เหตุอาชญากรรมนะครับไม่ใช่สวนสนุกดิสนีย์ อีกอย่าง...พวกผู้หญิงมีแต่จะสร้างปัญหา ที่บอกว่าตำรวจอย่างพวกเราใฝ่ฝันอยากมีเมียสักคนรออยู่บ้าน อย่านับรวมผมนะครับ เพราะผมไม่อยากมี ตัวคนเดียวก็เหนื่อยพออยู่แล้ว เอามาเป็นภาระทำไม เกิดอะไรขึ้นก็ต้องคอยเป็นห่วง ทำงานแบบพะวงหน้าพะวงหลัง เหมือนพี่ชายผมไง อะไรก็เมียๆๆ
“มึงก็ถามแปลกไอ้ตาร์ ท่านผู้การเขาต้องบอกผู้กองมาก่อนที่เราจะได้ยินอยู่แล้ว”
“กูรู้แล้วไอ้คิน ที่ถามเนี่ยกูจะหลอกถามรายละเอียด ไอ้สัสอยากรู้เว่ย!”
“มึงก็รู้หนิว่าผู้กองลักษณ์ไม่ชอบผู้หญิงที่สร้างปัญหา พวกนักเขียนนี่ตัวจินตนาการสูงเลย วันๆ คงจะขลุกอยู่แต่หน้าจอคอม คงจะเปราะบางน่าดู”
“ผู้หญิงเหรอวะไอ้แดน!” คินย้อนถามอย่างตื่นเต้น
“ถ้าเธอมีปัญหาอะไรฉันยกหน้าที่ให้พวกแกก็แล้วกัน จบงานนี้ฉันเลี้ยงชาบูหม้อใหญ่เลย” ผมลงทุนขนาดนี้ก็ดูเอาละกันว่าผมไม่ชอบผู้หญิงเจ้าปัญหาขนาดไหน ไม่มีใครดีและทำตัวให้มีประโยชน์เท่าแม่ผมแล้วครับ
“แหมผู้กองครับ เห็นท่านผู้การบอกว่าการมาของเธอคนนี้คือการทำให้คนทั่วประเทศรู้จักความเสียสละของเรามากขึ้น ถ้าผู้กองไปทำตัวเป็นน้ำแข็งเคลือบเธอเกรงว่าเธอจะไปเขียนถึงเราไม่ดีนี่สิครับ”
ผมฟังที่ไอ้ตาร์พูดแล้วถอนหายใจ ก่อนจะตอบออกไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ถ้าคิดจะทำแบบนั้นจริงๆ ก็อย่ามาเป็นนักเขียนเลย เขียนถึงฉันไม่ดีฉันฟ้องขุดรากถอนโคลนสำนักพิมพ์แน่” ไม่แปลกที่พวกไอ้ตาร์ ไอ้แดน ไอ้คินจะมองผมแบบนั้น ถ้าผมดันไปเอี่ยวกับเรื่องที่ไม่ได้ก่อ หรือทำให้ผมเสียหายไม่ว่าทางไหนก็ตาม ผมตามคิดบัญชีอ่วมแน่
“สุดยอดครับผู้กอง! ปากเก่งอย่างงี้ผมเชื่อว่าผู้กองคงไม่ละลายให้แม่สาวนักเขียนคนนี้แน่นอน แต่ถ้าเด็กมันน่ารักแล้วผู้กองจะใจอ่อนก็ไม่ต้องอายนะครับ เดี๋ยวจะขึ้นคานเอา”
ผมปรายตามองหน้าไอ้คินที่ยกนิ้วโป้งให้ผมพร้อมกับยิ้มแซว และมันคงรู้ตัวว่ากำลังจะโดนอะไร มันเลยลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีเข้าไปในสนามหญ้า ไอ้ตาร์กับไอ้แดนวิ่งตาม ส่วนผมก็ลุกสิครับ ลุกไปหยำหัวมัน!