ตอนที่ 6 เจอกันครั้งแรก
อะไรนะ?
มารับเย่ฉางชิง?
จินอวี้หรงไม่อยากจะเชื่อ รถหรูสิบกว่าคันนี้ แค่คันแรกก็มีราคามากกว่าร้อยล้านแล้ว
แม้แต่เธอเองยังไม่เคยนั่งรถที่แพงขนาดนี้มาก่อน เย่ฉางชิงเป็นแค่ไอ้ขี้คุกคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่เธอทอดทิ้งไป
ทำไมเขาถึงมีสิทธิ์ดื่มด่ำกับการบริกาที่ดีขนาดนี้?
ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ!
เธอนั่งอยู่ในรถ ก่อนจะชี้ไปทางเย่ฉางชิงที่อยู่ข้างทาง แล้วเอ่ยถามคนขับ “นายดูให้ชัดๆ สภาพอย่างเขาออกจากบ้านยังต้องเรียกรถแท็กซี่ จะมารับเขาได้ยังไง?ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรกันแน่ๆ!!คนที่นายต้องมารับคือฉันต่างหาก!”
คนขับรถขมวดคิ้ว คนที่เขาต้องมารับเป็นผู้ชาย
ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้แน่นอน
เขามองไปทางเย่ฉางชิงแล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางนอบน้อม แล้วเอ่ยถามว่า “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณเย่ฉางชิงใช่ไหมครับ?”
เย่ฉางชิงพยักหน้าอย่างงุนงง “ใช่ ผมชื่อเย่ฉางชิง”
คนขับรถดีใจมาก ในที่สุดก็เจอคนที่ต้องมารับสักที “สวัสดีครับ ผมมารับคุณครับ”
รับเขา?
เย่ฉางชิงรู้สึกงุนงง เรื่องการหย่ามีแค่พ่อแม่ของเขาที่รู้ คนอื่นเขาไม่ได้บอกใคร
แต่จู่ๆ ก็มีขบวนรถหรู บอกว่ามารับเขา
เขาตั้งรับไม่ทัน “ใครส่งคุณมารับผม?”
คนขับรถอธิบายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ประธานจ้าวให้พวกเรามาครับ”
ประธานจ้าว?
เย่ฉางชิงทวนความจำสักพัก คนที่มีชื่อนี้ที่เขารู้จักมีแค่คนเดียวคือจ้าวเฟิงเหนียน
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว จ้าวเฟิงเหนียนอยากจะขอให้เขาช่วยรักษาโรค จึงสืบเรื่องของเขา
พอคิดถึงตรงนี้ เขาจึงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
เขาไม่ชอบให้คนอื่นมาสืบเรื่องส่วนตัว เขาคิดว่าเขาคงต้องเตือนสักหน่อย "งั้นพาผมไปพบประธานจ้าวของพวกคุณ
ตอนนี้เลย วันนี้ผมมีเรื่องอื่นต้องไปจัดการอีก"
อ่อ~
คนขับรถกำลังจะเชิญเย่ฉางชิงขึ้นรถ แต่นึกขึ้นได้ว่าจินอวี้หรงยังอยู่ในรถ เขาจึงรีบพูดไล่ "เฮ้อ ทำไมคุณยังอยู่ในรถไม่ยอมลงไผอีก?
ถ้ายังไม่ยอมลง ผมจะลากคุณลงมาแล้วนะ!"
ตอนนี้จินอวี้หรงยังอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เธอรับไม่ได้ที่ขบวนรถหรูหราเช่นนี้ แท้จริงแล้วมารับเย่ฉางชิง
ใครบอกให้มารับ?
มีสิทธิ์อะไรถึงให้มารับ?
จะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ!
เธอจะต้องรู้สาเหตุของเรื่องนี้ให้ได้เลย "ทำไมประธานจ้าวของพวกนายถึงมาเชิญเย่ฉางชิงไปหา?
อาจจะเป็นคนอื่นที่มีชื่อเหมือนกันหรือเปล่า?
พวกนายรับคนผิดหรือเปล่า?"
ผู้คนรอบข้างเริ่มมารวมตัวมามุงดูกันมากขึ้น ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็มีคนมามุงดูกันเกือบร้อยคน
คนขับรถร้อนใจอยากรีบพาคนไป แต่ถูกจินอวี้หรงถามจนโมโห "เรื่องของเจ้านายพวกเราไม่ใช่เรื่องที่คุณจะมาชี้นิ้วสั่งได้!คุณเย่ฉางชิงเป็นแขกคนสำคัญของเจ้านายพวกเรา!รีบลงมาได้แล้ว มาทำให้พวกเรารับแขกคนสำคัญล่าช้า พวกเราจะไม่เกรงใจแล้วนะ!"
ที่โรงแรม ทุกคนมาครบแล้ว รอแต่เย่ฉางชิงเพียงคนเดียว
เขาไม่มีเวลาจะมาเสียเวลาที่นี่หรอกนะ
ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ต้องมาถูกไล่ลงจากรถแบบนี้
จินอวี้หรงโมโหจนหน้าดำหน้าแดง แต่เธอก็ยังไม่เชื่อว่าจะมีคนใช้ขบวนรถหรูหราแบบนี้มารับเย่ฉางชิง
"คุณอย่าเพิ่งโกรธนะคะ ฉันคิดว่าคุณอาจจะเข้าใจผิดไปจริงๆ ฉันคือประธานบริษัทฉางชิงฉันชื่อ..."
คนขับรถหมดความอดทน เขาตะโกนพูดอย่างโมโห "ถ้าคุณไม่ลงไปเอง ก็อย่าหาว่าผมไม่สุภาพนะ!"
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินตรงไปที่ที่นั่งข้างคนขับ เตรียมจะลากจินอวี้หรงลงจากรถ
จินอวี้หรงตกใจจนรีบกระโดดออกจากรถ วิ่งออกห่างสามสี่เมตร พอเห็นคนขับไม่ได้ไล่ตามเธอ เธอจึงหยุดวิ่ง
คนขับรถเดินไปหยุดตรงหน้าเย่ฉางชิงแล้วโค้งตัวทำท่าทางเชิญขึ้นรถอย่างสุภาพแล้วพูดว่า “คุณเย่ฉางชิงเชิญขึ้นรถเลยครับ”
เย่ฉางชิงพยักหน้ารับ แล้วก้มตัวเข้าไปนั่งในรถ
จินอวี้หรงเห็นเย่ฉางชิงได้นั่งในรถหรู แล้วยังมีรถหรูอีกหลายคันขับตามหลัง
เธอรู้สึกเหมือนกำลังฝันไป
เธอถูกไล่ลงจากรถ ในขณะที่เย่ฉางชิงถูกเชิญขึ้นรถ
หรือว่าเย่ฉางชิงจะมีความลับอะไรที่เธอยังไม่รู้?
ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงถูกดูแลดีอย่างนี้?
ผู้คนที่มามุงดู ต่างพูดกันไปต่างๆ นานา
“ผู้หญิงคนนี้รังเกียจผู้ชายคนนี้ เลยหย่ากัน แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมีรถหรูมารับ ฝ่ายผู้หญิงอยากขึ้นรถ แต่กลับถูกไล่ออกลงมา”
“ดูสีหน้าฝ่ายผู้หญิงสิ คงจะรู้สึกเสียใจมากแน่ๆ”
“ฝ่ายผู้ชายนั่งรถแบบนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ใครที่หย่ากับเขา ก็ต้องรู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา”
……
จินอวี้หรงสีหน้าแย่มาก น่าขายหน้าที่สุดเลย
ถูกไล่ลงจากรถต่อหน้าสายตาผู้คนมากมาย
เธอได้ยินสิ่งที่คนรอบข้างพูดคุยกัน เธอแทบจะกระอักเลือด
เธอถึงกับเริ่มรู้สึกเสียใจเล็กน้อย และสงสัยว่าการหย่าครั้งนี้เธอทำถูกแล้วหรือเปล่า
บรื้น~
เสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังขึ้น
รถเคอนิกเส็กก์ อาเกียราค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป ตอนที่รถขับมาถึงตรงหน้าจินอวี้หรง
เย่ฉางชิงมองไปทางจินอวี้หรงด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหลับตาลง
เขาบอกกับตัวเองในใจ:
“ลาก่อนอดีตที่ผ่านมา!
เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ชีวิตที่ดีกว่าอดีตที่ผ่านมา”
เขาพูดกับตัวเองในใจจบ
เย่ฉางชิงลืมตา สายตาของเขาคมกริบมองไปที่คนขับรถ แล้วพูดว่า “เร่งความเร็ว ฉันรีบ!”
บรื้น~
คนขับรถเหยียบคันเร่งสุดแรง เสียงเครื่องยนต์ดังลั่น
รถเคอนิกเส็กก์ อาเกียราพุ่งตัวออกไปราวกับลูกศรที่หลุดจากคันธนู
ขบวนรถคันอื่นๆ ต่างก็เร่งความเร็วตามไป หลังจากรถทุกคนคันออกไป
ด้านหลังจึงเต็มไปด้วยฝุ่นตลบอบอวล
จินอวี้หรงถูกฝุ่นพ่นใส่จนมองไม่เห็น แล้วรีบยกมือขึ้นมาขยี้ตา พร้อมกับเดินไปข้างถนน รอให้ฝุ่นจางลง หน้าตาของเธอเลอะเทอะไปหมด
ผู้คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์ต่างก็มองไปทางจินอวี้หรงด้วยสายตาแปลกออกไป
แล้วชี้นิ้วมาทางเธอ และหันไปคุยกัน
สีหน้าของจินอวี้หรงเริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ เธอทนสายตาที่มองมาเหมือนเธอเป็นคนโง่ไม่ได้
เธอหันหลังให้คนที่มามุงดู
เมื่อผู้คนที่ยืนมุงดูเห็นว่าไม่มีเรื่องน่าสนใจแล้ว ก็เริ่มทยอยกันเดินกลับไป
ไกลออกไปมีรถปอร์เช่สีน้ำเงินใหม่เอี่ยมกำลังขับเข้ามา และหยุดจอดหน้าสำนักทะเบียนเขต
ประตูรถถูกเปิดออก หวังยีหมิงลงมาจากรถด้วยสีหน้าอารมณ์ดี แล้วเดินตรงไปหาจินอวี้หรง“เป็นยังไงบ้าง รถใหม่ที่ผมเพิ่งซื้อมา ผมตั้งใจซื้อมารับคุณโดยเฉพาะเลยนะ”
จินอวี้หรงมองไปที่รถ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงดีใจมากแล้วให้หวังยีหมิงพาเธอไปขับรถเล่น
แต่เมื่อเทียบรถคันนี้กับเคอนิกเส็กก์ อาเกียราที่มารับเย่ฉางชิงแล้วมันยังห่างไกลกันมาก ราคารถนี้ทั้งคันยังไม่พอซื้อยางรถเคอนิกเส็กก์ อาเกียราสักเส้นเลย
เธอจึงหมดความสนใจทันที แล้วคิดว่าถ้าหวังยีหมิงมารับเธอเร็วกว่านี้ เธอคงไม่ต้องมาเจอเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้
เธอเอ่ยถามอย่างโมโห “ทำไมคุณถึงมาช้าแบบนี้คะ?”
พอได้ยินจินอวี้หรงถามเรื่องนี้หวังยีหมิงยิ่งอารมณ์เสีย “ก่อนหน้านี้มีขบวนรถอยู่ด้านหน้ารถผมน่ะสิ ผมคิดว่าน่าจะเป็นขบวนรถเช่าที่ใช้ในงานแต่งงานของใครสักคน
รถหรูทั้งนั้นเลย รถที่ตามหลังกลัวจนไม่กล้าแซง
ทำให้รถติดมาตลอดทาง ถ้าไม่อย่างนั้นผมคงมาถึงแล้ว”
ขบวนรถแต่งงาน?
จินอวี้หรงชะงักไปเล็กน้อย เธอเข้าใจทุกอย่างในทันที ต้องเป็นเพราะเย่ฉางชิงอยากจะโอ้อวดต่อหน้าเธอ
ถึงได้จ้างขบวนรถมา นี่เป็นเหตุผลเดียวที่จะอธิบายทุกอย่างได้
พอนึกถึงตอนที่เธอถูกไล่ลงจากรถ ทำให้เธอต้องอับอาย
เธอคิดได้อย่างนั้นก็โกรธจนกัดฟันกรอด!
ในขณะเดียวกันก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจเย่ฉางชิงมากขึ้น “มีแต่พวกไร้น้ำยาเท่านั้นแหละที่เช่ารถหรูมาเพื่อโอ้อวดสร้างภาพลักษณ์ พวกไร้น้ำยามักชอบทำตัวโดดเด่น
โชคดีที่ได้หย่ากันแล้ว!”
หวังยีหมิงรู้ว่าจินอวี้หรงพูดมีนัยแบบนี้จะต้องพูดถึงเย่ฉางชิงแน่นอน เขาจึงปลอบใจ “ดีแล้วที่หลุดพ้นจากคนไร้น้ำยาอย่างนั้นได้ ไปเถอะ เราไปฉลิงกันที่โรงแรมแดนสวรรค์กัน เดี๋ยวผมจ่ายเอง”
โรงแรมแดนสวรรค์เป็นโรงแรมที่มีมาตรฐานสูงที่สุดในเมืองซงเจียง
ขบวนรถหรูหยุดจอดตรงประตูทางเข้าฝั่งซ้ายของโรงแรม คนขับรถรีบลงมาเปิดประตูให้ “คุณเย่ฉางชิงประธานจ้าวและคนอื่นๆ อยู่ที่ห้องห้องส่วนตัวดาวโชคครับ เดี๋ยวผมนำทางให้นะครับ”
เย่ฉางชิงโบกมือปฏิเสธ “นายไปทำงานเถอะ เดี๋ยวฉันเข้าไปเอง”
คนขับโบกมือลา ก่อนที่ขบวนรถหรูคันจะทยอยกันขับออกไป
เย่ฉางชิงมองโรงแรมแดนสวรรค์ตรงหน้า ในใจเริ่มคิดถึงเมื่อก่อน ตอนทำธุรกิจเขาเองก็เคยเชิญคู่ค้าทางธุรกิจมาทานข้าวที่นี่บ่อยๆ
สามปีผ่านไปแล้ว โรงแรมนี้ก็ยังเหมือนเดิม
เขาปรับอารมณ์ ก่อนจะเดินไปที่ประตู ขณะที่เดินเข้าไปในโรงแรมมีผู้หญิงคนหนึ่งถือกล่องนมไว้ในมือเดินมา
ผู้หญิงคนนี้สวยมาก ดูมีเสน่ห์เย้ายวน ใส่กระโปรงสั้นสีดำและเสื้อเชิ้ตสีขาว
เย่ฉางชิงมองแค่ครั้งเดียวก็ไม่สามารถละสายตาได้เลย
ผู้หญิงทั่วไปส่วนใหญ่ตอนใส่เสื้อเชิ้ตมักจะปลดกระดุมลงหนึ่งหรือสองเม็ด
แต่เสื้อเชิ้ตของผู้หญิงคนนี้กลับปลดกระดุมลงถึงสามเม็ด เผยให้เห็นร่องอกขาวเนียน
เหมือนกับว่ามันอึดอัดจนไม่สามารถติดกระดุมได้
เย่ฉางชิงอยู่ในคุกมาสามปี ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิง ต้องมาเห็นภาพที่เซ็กซี่แบบนี้ จึงรู้สึกคอแห้งขึ้นมาทันที
ทั้งสองคนเดินเข้ามาใกล้กัน หญิงสาวเห็นสายตาของเย่ฉางชิงสีหน้าของเธอก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น เธอเหลือบตาไปด้านข้าง ไม่มองเย่ฉางชิงอีก
ในขณะที่ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตู หญิงสาวก็สะดุดเท้าเข้า
ร่างกายของเธอถลาตัวไปด้านข้าง
เย่ฉางชิงเห็นอย่างนั้น จึงรีบยื่นมือไปช่วยประคอง แต่เพราะความรีบร้อน ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่ม
กรี๊ด~
หญิงสาวกรีดร้องเสียงดัง มือของเธอกำหมัดแน่น กล่องนมในมือถูกบีบจนนมสีขาวขุ่นพุ่งเข้าใส่ใบหน้าที่สวยงามของเธอ