ตอนที่ 4 หุบปาก
เย่ฉางชิงมองไม้กวาดที่ตีลงมา ประกายตาของเขาก็เย็นยะเยือกขึ้นมา
บัญชีที่เธอทร้ายลูกสาวของเขา เขายังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลย นี่ยังคิดจะลงมือกับเขาอีก
เขาเอื้อมมือไปคว้าไม้กวาดไว้ แล้วดึงแย่งอย่างแรง "เอามานี่”
ตึงตึงตึง
จินเซียถูกดึงอย่างแรงจนเซถลาไปข้างหน้าหลายก้าว
ก่อนจะมีเสียงดังตึง แล้วล้มลงกับพื้น
บนพื้นมีอึสุนัขกองหนึ่งที่ยังไม่ได้ตักออก ใบหน้าของเธอล้มตรงจุดอึสุนัขพอดี พอเธอเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยอึสุนัข
เธอได้กลิ่นเหม็น จึงยื่นมือมาเช็ด แล้วเห็นว่ามันเป็นอึของสุนัข
เธออับอายจนยิ่งโกรธมากขึ้น "เย่ฉางชิงแกกล้าแย่งไม้กวาดของฉัน มันจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว ฉันจะตบแกให้หน้าเละเลยเคยดู”
เธอพยุงตัวเองขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าหาเย่ฉางชิงอีกครั้ง
ประกายตาของเย่ฉางชิงเย็นชา ก่อนจะยกไม้กวาดในมือขึ้น
ท่าทางเหมือนจะลงมือโต้กลับ!
จินเซียตกใจจนสีหน้าเปลี่ยน แล้วหยุดชะงักไป
สาเหตุที่ก่อนหน้านี้เธอไม่กลัวเย่ฉางชิงเพราะฐานะของเธอที่เป็นแม่ยายของเขา
เมื่อก่อนเย่ฉางชิงเคารพเธอมาก ทำให้เธอชินกับทำท่าโอหังอวดดีมาตลอด
แต่ในเวลานี้เย่ฉางชิงจะลงมือ เธอจึงกลัวแล้วจริงๆ
จินโหย่วซินดึงจินเซียไว้ "แม่ ขนาดผมยังเอาชนะเขาไม่ได้ แม่อย่าทำให้ตัวเองต้องอับอายเลยดีกว่า"
จินเซียมีท่าทางไม่เต็มใจเล็กน้อย เธอยังคงใช้น้ำเสียงข่มในฐานะแม่ยาย "แม่ไม่เชื่อว่ามันจะกล้าทำร้ายแม่จริงๆ"
จินโหย่วซินเอ่ยเตือน "แม่ เขาไม่ใช่เย่ฉางชิงในสมัยก่อนแล้วนะ!แม่ไม่เห็นเหรอว่าผมถูกกระทืบจนหมดสภาพแค่ไหน?"
จินเซียสะดุ้ง พอมองไปทาง เย่ฉางชิงอีกครั้ง แล้วรู้สึกได้ว่าเย่ฉางชิงไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วจริงๆ
เย่ฉางชิงมือข้างหนึ่งถือไม้กวาด สายตาเริ่มดุร้าย
ท่าทางดูน่ากลัวจนขนลุกซู่
พอนึกขึ้นได้ว่าเย่ฉางชิงเพิ่งออกมาจากคุก
เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมา คนที่ออกมาจากคุก ถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะเป็นคนดีก็จะกลายเป็นคนโหดเหี้ยมได้
เธอเซถอยหลังด้วยความกลัว
เย่ฉางชิงจ้องมองจินเซียนิ่งแล้วเดินเข้าใกล้ทีละก้าว "เมื่อก่อนคุณเป็นแม่ยายของผม คุณไม่มีเหตุผล รังแกคนอื่นเกินไปแล้ว เอาแต่ใจ ผมยอมทนมาตลอด แต่ตอนนี้ผมเซ็นหนังสือสัญญาขอหย่ากับจินอวี้หรงแล้ว คุณเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับผม!แล้วคุณยังกล้ามาอาละวาดใส่ผมอีกหรอ? "
ในขณะที่พูด เขาก็ยกไม้กวาดขึ้นตั้งท่าจะตี
จินเซียตกใจกลัวจนหดคอลง รีบถอยหนี ก่อนที่ขาจะสะดุด แล้วล้มลงไปกับพื้นอีกครั้ง
เธอยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ก็รีบเอามือกุมศีรษะ หลับตา แล้วตะโกนออกมาอย่างหวาดกลัว “อย่านะ อย่าตีฉัน... ฉันผิดไปแล้ว... ฉันสัญญาว่าจะไม่อาละวาด...จะไม่ตีหลิงลิงอีกแล้ว..."
หลังจากรอได้สักพัก ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น
พอเธอลืมตาขึ้นมา แต่เย่ฉางชิงหายตัวไปนานแล้ว
เย่ฉางชิงอุ้มหลิงลิงเดินจากไป "หลิงลิง ต่อไปนี้พ่อจะปกป้องลูกเอง จะไม่มีใครกล้ารังแกลูกอีกต่อไป"
หลิงลิงเงยหน้าขึ้นมา ดวงตากลมโตมองไปทางเย่ฉางชิง"คุณพ่อช่วยปกป้องคุณปู่กับคุณย่าด้วยได้ไหมคะ"
เย่ฉางชิงรู้สึกปวดใจ ลูกสาวเขาจะต้องเคยเห็นทั้งสองคนถูกรังแกมาก่อนแน่ๆ เขาลูบศีรษะเล็กของหลิงลิง
แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "พ่อเองก็จะปกป้องคุณปู่กับคุณย่าด้วยเหมือนกัน"
หลิงลิงกอดเย่ฉางชิงไว้ แล้วจูบแก้มของเย่ฉางชิง"ละครในทีวีไม่โกหกหนูจริงๆ ด้วย คุณพ่อคือฮีโร่"
เย่ฉางชิงยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น สามปีมานี้เขาติดค้างกับลูกไว้เยอะมากจริงๆ วันนี้เขาแค่ลงมือเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ลูกสาวของเขากลับเห็นว่าเขาเป็นฮีโร่แล้ว
เขาอยากจะทำอะไรเพื่อลูกสาวบ้าง จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "หลิงลิง ลูกมีอะไรอยากจะได้บ้างไหม?"
เขาพร้อมแล้วที่จะทำทุกอย่างเพื่อลูกสาวของเขา
ขอแค่ลูกสาวของเขาบอกมา ไม่ว่าจะต้องเสียเงินมากแค่ไหน หรือจะต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม
ขอแค่ลูกสาวของเขามีความสุข
เขาก็ยอมทำทุกอย่าง!
หลิงลิงเอียงศีรษะนิ่งคิด ก่อนจะพูดว่า "คุณพ่อส่งหลิงลิงไปโรงเรียนได้ไหมคะ
หลิงลิงอยากให้ทุกคนในห้องเรียนรู้ว่าหนูก็มีคุณพ่อเหมือนกัน "
ไปส่งลูกที่โรงเรียน~
เย่ฉางชิงพูดพึมพำ คิดไม่ถึงว่าลูกสาวของเขาจะขออะไรง่ายๆ อย่างนี้
“ตกลง พ่อรับปาก พรุ่งนี้พ่อจะไปส่งลูกที่โรงเรียน”
จากนี้ไปพ่อจะไปส่งลูกที่โรงเรียนทุกวัน”
วันต่อมา
ลมพัดโชยเบาๆ พระอาทิตย์สาดส่อง
เย่ฉางชิงอุ้มหลิงลิงไปส่งที่โรงเรียน พอมาถึงทางเข้าโรงเรียนอนุบาล เขาก็จูบแก้มหลิงลิงอย่างไม่อยากห่างจากกัน
แล้ววางหลิงลิงลงบนพื้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "หลิงลิง ลูกเข้าไปข้างในเถอะ"
หลิงลิงยื่นมือเล็กออกมาคว้าชายเสื้อของเย่ฉางชิงไว้ แล้วจ้องมองเย่ฉางชิงด้วยดวงตากลมโต แล้วพูดอย่างออดอ้อน "คุณพ่อขา อย่าเพิ่งกลับไปได้ไหมคะ
ยืนอยู่ตรงนี้ก่อน หลิงลิงอยากแนะนำคุณพ่อให้เพื่อนๆ ในห้องหนึ่งได้รู้จัก
ให้พวกเขาได้รู้ว่าหลิงลิงเองก็มีพ่อเหมือนกัน”
เย่ฉางชิงเหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้ใกล้จะแปดโมงแล้ว
เขานัดจินอวี้หรงไว้เพื่อไปเซ็นใบหย่าตอนแปดโมงเช้า ถ้าเขาไม่รีบไปตอนนี้ เขาต้องไปสายแน่นอน!
แต่ลูกสาวของเขาขอร้องทั้งที แค่ไปสายจะเป็นอะไรไป
เขายกยิ้ม แล้วก้มตัวลง "ได้สิ พ่อตามใจหลิงลิงอยู่แล้ว
ลูกจำไว้ถ้ามีคนถามว่าพ่อทำงานอะไร ลูกก็บอกว่าพ่อเป็นคุณหมอ”
อาชีพหมอเป็นอาชีพที่ทุกคนต่างก็นับถือ
เขาอยากให้ลูกสาวของเขาภูมิใจในตัวเขา
ด้านหน้าทางเข้าสำนักทะเบียนเขต
จินอวี้หรงลงมาจากรถสปอร์ตหรู ก่อนจะมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่ฉางชิง
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และกำลังจะโทรหาเขา แต่กลับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเย่ฉางชิง
หลังจากยืนรออยู่สักพัก แต่ก็ยังไม่เห็นเย่ฉางชิงเธอก็ยิ่งร้อนใจ "เย่ฉางชิงถูกบังคับให้เซ็นชื่อในหนังสือสัญญาการหย่าร้าง หรือว่าหลังจากที่เขาสงบสติลงได้ แล้วจะนึกสียใจทีหลัง?"
เธอมองหนังสือสัญญาการหย่าร้างในมือ สีหน้าของเธอมาดมั่น "จะมาคิดเสียใจทีหลังก็สายเกินไปแล้ว! ถ้านายกล้าไม่หย่าก็อย่าโทษถ้าฉันจะใช้วิธีอื่นให้นายยอมหย่า!"
หลังจากรอได้สิบนาที เธอก็ยังไม่เห็นอีกฝ่าย เธอจึงสตาร์ทรถ และเตรียมจะขับรถไปหาเย่ฉางชิงที่หมู่บ้านซาจิ่ง ถึงเขาจะไม่อยากหย่า เธอก็จะลากตัวเขามาที่สำนักทะเบียนเขตให้ได้!
แล้วหย่าให้ได้
แต่เพิ่งสตาร์ทรถเสร็จ ก็มีรถแท็กซี่มาจอดตรงหน้า
ประตูรถเปิดออก แล้วเย่ฉางชิงก็ลงมาจากรถ
ในที่สุดก็มาสักที!
จินอวี้หรงโยนกุญแจรถลงบนเบาะที่นั่งข้างคนขับด้วยความโมโห แล้วตะโกนใส่เย่ฉางชิง"เย่ฉางชิงนายหมายความว่ายังไง?ตอนนี้ฉันเป็นถึงประธาน นายรู้ไหมว่าเวลาของฉันมีค่าแค่ไหน?ฉันต้องมารอนานเป็นชั่วโมงแล้วนะ! "
เย่ฉางชิงเพิ่งได้รู้จักเพื่อนร่วมชั้นของลูกสาว และได้รู้จักกับพ่อแม่ของเด็กๆ เหล่านั้น เขาจึงกำลังอารมณ์ดี แต่พอได้ยินจินอวี้หรงพูด เขาก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเย็นชา "เช้านี้ผมมีธุระ!”
มีธุระ?
จินอวี้หรงพูดอย่างอารมณ์เสีย "ไอ้ขี้คุกที่เพิ่งออกมาจากคุกอย่างนายจะมีธุระอะไร ฉันที่เป็นถึงประธานบริษัท ทุกคนในบริษัทต่างก็ขาดฉันไม่ได้ นายจะยุ่งเท่าฉันหรือไง?"
เย่ฉางชิงฟังแล้วยิ่งโมโห "ใช่ คุณเป็นประธานบริษัท คุณมีแค่บริษัทก็พอแล้ว คุณไม่ต้องมีลูกสาว คุณไม่จำเป็นต้องส่งลูกสาวไปโรงเรียน ผมไม่เหมือนคุณ ผมยังต้องส่งลูกไปโรงเรียน!”
ส่งลูกไปโรงเรียน?
จินอวี้หรงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะลืมเรื่องนี้ไป ก่อนที่สีหน้าจะบึ้งตึง นี่เขากำลังพูดประชดว่าเธอไม่รักลูกสาวอย่างนั้นเหรอ?
เธอเอ่ยพูดอย่างโมโห "เย่ฉางชิงถึงแม้จะส่งลูกไปโรงเรียน ตอนแปดโมงเช้าก็น่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มันกี่โมงแล้ว?อย่าใช้ลูกมาเป็นข้ออ้าง นายแค่จงใจพูดเพ้อเจ้อเพื่อเลื่อนเวลา เพราะไม่อยากหย่าใช่ไหม?เราก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว นายคิดว่าทำอย่างนี้จะมีประโยชน์หรือไง?”
เย่ฉางชิงได้ยินอย่างนี้ก็ยิ่งโมโห หลิงลิงแค่อยากแนะนำเขาให้รู้จักกับเพื่อนอีกคนที่มาสาย ทำให้เสียเวลาไปเล็กน้อย
ผู้หญิงคนนี้ก็คิดว่าเขาไม่อยากหย่าแล้ว
เขาเหนื่อยที่จะพูดแล้ว จึงเดินตรงเข้าประตูสำนักทะเบียนเขตไป เขาอยากรีบจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จโดยเร็ว
พอจินอวี้หรงเห็นว่าเย่ฉางชิงเดินไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ เธอก็ตะโกนเรียกอย่างโมโห "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ นายคิดว่าตอนนี้ฉันเป็นประธานบริษัทแล้ว ฉันทั้งสวยและยังหาเงินเก่ง ถ้าหย่ากับฉันแล้วนายคงหาภรรยาแบบนี้ไม่ได้แล้ว นายก็เลยยืดเวลาไม่ยอมหย่ากับฉัน เพราะฉันเดาความคิดนายออก นายทนฟังไม่ได้ นายยังไม่หยุดเดินอีก หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เย่ฉางชิงเดินเข้าประตูสำนักทะเบียนเขต พอได้ยินเธอตะโกนพูดไม่หยุด เขาก็หันกลับมาตะโกนอย่างโมโห "จินอวี้หรง! ทุกสิ่งที่คุณมีในตอนนี้ ผมเป็นคนสร้างขึ้นมา!
อย่ามั่นใจตัวเองมากเกินไป! สักวันคุณจะต้องเสียใจ!คุณอยากหย่าไม่ใช่เหรอ?รีบเข้ามาทำเรื่องได้แล้ว! "
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินไปที่ห้องโถง ผู้หญิงที่ไม่รู้สึกสำนึกบุญคุณคน ผู้หญิงที่ทิ้งได้แม้แต่ลูกสาวของตัวเอง
เขาอยากจะรีบจบฐานะสามีภรรยากับเธอให้เร็วที่สุด!