ตอนที่ 12จินอวี้หรงเปิดโปงเรื่องเย่ฉางชิง
จินอวี้หรงยกนิ้วโป้งให้เขา “เก่งมากค่ะ ใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีก็จัดการเรียบร้อยแล้ว”
หวังยีหมิงรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย “สำหรับคนอื่นอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับผมมันเป็นง่ายนิดเดียว”
ที่จริงแล้วเขาก็ไม่รู้จักหลิวหย่วนชานเลย แต่ติดต่อผ่านเพื่อนอีกคน
แต่เขามีเงิน เลยให้ไฟแช็กที่มีขอบทองไปเป็นของแลกเปลี่ยน เรื่องก็เลยจบลงแบบนี้
เขายกนิ้วชี้แตะริมฝีปาก “ชู่ว ผมขอคุยกับหลิวหย่วนชานก่อน คุณอย่าเพิ่งพูดนะ”
จินอวี้หรงหยุดพูด แล้วยกกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆ
หวังยีหมิงกดปุ่มรับสาย เพื่อให้จินอวี้หรงได้ยินด้วย เขาจึงเป็ดโหมดลำโพง
เสียงของหลิวหย่วนชานดังออกมาจากโทรศัพท์ “ฮัลโหล”
หวังยีหมิงยกยิ้มแล้วพูด “ครับ ผมเอง ได้เวลานัดหมายแล้วใช่ไหมครับ”
หลิวหย่วนชานโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา “ผมถูกไล่ออกแล้ว จะมีเวลาไหนไปนัดหมายอะไรให้คุณ
หวังยีหมิง ผมถูกคุณทำให้ต้องตกงาน”
หวังยีหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ตอนที่ผมไป คุณก็ยังทำงานปกติไม่ใช่เหรอ?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”
หลิวหย่วนชานตะโกนด้วยความโกรธ “ก็เพราะคุณนั่นแหละ คุณให้ผมจัดการกับเย่ฉางชิง
ผลสุดท้ายก็คือผมต้องตกงาน คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร”
หวังยีหมิงฟังแล้วรู้สึกงึนงง ก่อนจะพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ก็แค่ไอ้ขี้คุก ผู้ชายที่ถูกภรรยาขอหย่าและมีลูกติดคนหนึ่งไม่ใช่หรือไง?”
หลิวหย่วนชานได้ยินประโยคนั้นก็ยิ่งโมโห “คุณยังจะโกหกผมอีก เพราะผมเชื่อใจคุณมากเกินไป ผมถึงได้ต้องมาเดือดร้อนแบบนี้ เย่ฉางชิงเป็นคนรักของจ้าวชิวเยญประธานบริษัท!เพราะเรื่องบ้าๆ พวกนี้ของคุณ ทำให้ผมต้องถูกไล่ออก คุณจะชดเชยผมยังไง!”
อะไรนะ?
หวังยีหมิงกับจินอวี้หรงตกใจจนอุทานออกมาพร้อมกัน
เย่ฉางชิงจะเป็นคนรักของจ้าวชิวเยญ ได้ยังไง?
ข่าวนี้มันไม่น่าเชื่อกว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกอีกนะ
หวังยีหมิงกระแอมออกมา “ผู้จัดการหลิว คุณพูดล้อเล่นใช่ไหม?”
เย่ฉางชิงเพิ่งถูกปล่อยออกจากคุก คนแบบเขาหาคนรักเป็นคนธรรมดายังยากเลย
"จะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะได้คบกับประธานสาวสวยของพวกคุณ?"
จินอวี้หรงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พูดเห็นด้วย "ใช่แล้วค่ะ เขาเป็นนักโทษที่เพิ่งถูกปล่อยออกมา ฉันรังเกียจเขาถึงได้หย่ากับเขา
สาวสวยอย่างประธานจ้าวจะสนใจเขาได้ยังไง!"
ให้เธอเชื่อว่าแดดออกในตอนกลางคืน ยังดีกว่าที่จะเชื่อว่าเย่ฉางชิงเป็นคนรักของจ้าวชิวเยญ
เพราะสถานะและฐานะของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก
เธอเคยเห็นจ้าวชิวเยญแล้ว อีกฝ่ายเป็นคนที่สวยมาก งดงามราวกับนางฟ้า
อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นประธานบริษัทใหญ่ที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้าน
เธอเห็นแล้วยังต้องรู้สึกยอมแพ้เลย
แล้วผู้หญิงแบบนี้จะเป็นคนรักของเย่ฉางชิงได้ยังไงกัน
หลิวหย่วนชานโมโหแต่ไม่รู้จะที่ระบายที่ไหน "ผมเห็นมากับตาของตัวเอง ผมมีเหตุผลอะไรที่จะโกหกพวกคุณ?
ผมไม่มีเรื่องบาดหมางกับพวกคุณ ทำไมพวกคุณถึงต้องบอกให้ผมไปหาเรื่องกลั่นแกล้งเย่ฉางชิงด้วย?
ตอนนี้ผมถูกไล่ออกแล้ว พวกคุณจะชดใช้ให้ผมยังไง?"
จินอวี้หรงยังคงไม่อยากจะเชื่อ "ที่คุณพูดเป็นเรื่องจริงเหรอคะ?
คุณเห็นกับตาของคุณจริงๆ เหรอคะ?
ไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?"
หลิวหย่วนชานโกรธจนอยากจะระเบิด "ผมถูกไล่ออก รวมถึงหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่อีกสองคนก็ถูกไล่ออกด้วย
จะมีการผิดพลาดได้ยังไง?"
...
จินอวี้หรงกับหวังยีหมิงต่างก็นิ่งอึ้งไปทันที
ในโทรศัพท์ปลายสายหลิวหย่วนชานไม่ได้รับคำตอบ เขาโมโหจนตะโกนเสียงดัง และเรียกร้องค่าชดเชย แต่เขาพูดอยู่ตั้งนานเห็นไม่มีการตอบสนองจากอีกฝ่ายจึงสบถด่าแล้วกดวางสายไป
จินอวี้หรงหน้าซีดเผือด "จบแล้ว ทุกอย่างจบแล้ว เย่ฉางชิงกลายเป็นคนรักของจ้าวชิวเยญ ความหวังที่จะร่วมงานทั้งหมดต้องพังทลายลง
จากนี้ไปบริษัทฉางชิงของฉัน คงไม่มีที่ยืนในเมืองซงเจียงอีกแล้ว
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
คนไร้น้ำยาอย่างนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงได้ครอบครองดอกฟ้าที่สูงศักดิ์แบบนั้น?"
หวังยีหมิงเองก็มีสีหน้าแย่มาก เขามองไปที่จินอวี้หรงด้วยสายตาหวาดวิตก
ถ้าเย่ฉางชิงกลายเป็นคนรักของจ้าวชิวเยญ เขาก็ไม่กล้าที่จะแต่งงานกับจินอวี้หรงไม่อย่างนั้นถ้าต้องกลายเป็นศัตรูกับเย่ฉางชิง
ตระกูลหวังคงสู้กับศัตรูแบบนี้ไม่ไหว
จินอวี้หรงเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ "คุณคิดว่ามีความเป็นไปได้ไหมว่าเย่ฉางชิงจะกำลังหลอกลวงจ้าวชิวเยญอยู่ ไม่อย่างนั้นเขาจะมีสิทธิ์อะไรได้รู้จักกับตระกูลจ้าวคะ?"
ปัง ~
หวังยีหมิงเหมือนจะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง เขาตบโต๊ะอย่างแรง “ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ เขาต้องปิดบังตัวตนว่าเขาเคยติดคุกมาก่อน และยังปิดบังเรื่องที่เพิ่งหย่าและมีลูกติดด้วย ไม่อย่างนั้นประธานจ้าวคงไม่มีทางสนใจเขาแน่... ถึงแม้จะปิดบัง แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
อาจจะเขายังสร้างสถานะที่ดูดีให้กับตัวเอง
ยกตัวอย่างเช่น เป็นลูกชายของตระกูลใหญ่ หรือลูกชายข้าราชการชั้นสูงอะไรประมาณนั้น”
จินอวี้หรงรู้สึกเหมือนหาสาเหตุเจอ “ใช่แล้วค่ะ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ ไปค่ะ เราไปหาจ้าวชิวเยญเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเย่ฉางชิงกัน
ถ้าประธานจ้าวรู้สึกซาบซึ้งใจที่เราช่วยเธอไว้ เรื่องการร่วมงานก็ไม่พลาดจากมือพวกเราแล้ว”
หวังยีหมิงลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ เดี๋ยวนี้เลย เราจะต้องไม่ให้ไอ้ขยะนั่นทำสำเร็จ”
ตอนกลางวัน
เย่ฉางชิงกำลังทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหาร
จ้าวชิวเยญก็โทรเข้ามา “นายอยู่ที่ไหน?”
เย่ฉางชิงกลืนอาหารในปากลงท้อง “คุณจะใช้รถเหรอ?”
ในฐานะคนขับรถ เขาไม่เคยลืมหน้าที่ของตัวเอง
จ้าวชิวเยญนิ่งเงียบไปสักพักแล้วเอ่ยพูด “ฉันอยากชวนนายไปทานข้าว ครั้งแรกที่เจอกันก็เกิดเรื่องเข้าใจผิด ฉันเลยอยากชวนนายไปกินข้าว เพื่อทำความรู้จักกันใหม่อีกครั้ง”
จุดประสงค์ของเธอคือทำความรู้จักกับเย่ฉางชิงให้มากขึ้น ถ้าหากเย่ฉางชิงเป็นคนที่ดีจริงๆ เธอก็จะทำตามความต้องการของคุณปู่
เย่ฉางชิงพูดไม่ออก บังเอิญจริงๆ “ขอโทษนะคุณ ผมกำลังทานข้าวอยู่”
เธอถูกปฏิเสธซะแล้ว!
ทำไมเธอถึงได้โง่แบบนี้!
จ้าวชิวเยญแอบบ่นเย่ฉางชิงว่าไม่รู้จักรักษาน้ำใจกันเลย ทำไมไม่โกหกเธอนะ?
เธอจึงรีบพูดแก้ “งั้นทานข้าวเสร็จแล้ว ไปดื่มกาแฟกัน แน่นอน ถ้าคุณชอบดื่มชา
เราไปดื่มชาก็ได้”
กลัวว่าจะถูกปฏิเสธอีกครั้ง เธอจึงพูดตัวเลือกเพิ่มเติม
เย่ฉางชิงมองเวลาบนโทรศัพท์แล้วรู้สึกเสียดาย “วันนี้ผมไม่มีเวลาไปดื่มกาแฟกับคุณ
ไว้วันหลังเถอะ”
……
จ้าวชิวเยญสีหน้าเหยเก นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอเป็นฝ่ายเอ่ยชวน แต่กลับถูกปฏิเสธถึงสองครั้ง
เธอยืนเหม่อ ยังไม่สติกลับคืนมา
“ฉันขอฟังเหตุผลได้ไหม?”
เธออยากจะรู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงปฏิเสธเธอ
เย่ฉางชิงเกาท้ายทอย “อีกหนึ่งชั่วโมงโสมร้อยปีจะมาถึงแล้ว ผมต้องไปรักษาโรคให้คุณปู่ของคุณ
คุณปู่ของคุณไม่ให้ผมบอกคุณ”
จ้าวชิวเยญขมวดคิ้ว คุณปู่ชอบเป็นแบบนี้ตลอดเลย ตอนนี้เธอรู้แล้ว เธอจะต้องอยู่ข้างๆ “คุณกินข้าวที่ไหน?
ฉันจะขับรถไปรับ”
เย่ฉางชิงตักข้าวคำสุดท้ายใส่ปาก “ตอนนี้ผมกำลังจะกลับบริษัท คุณขับรถมารับผมที่ชั้นล่างก็ได้”
จ้าวชิวเยญกดวางสาย ก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วไปนั่งลิฟต์
เย่ฉางชิงออกจากร้านอาหาร เดินไปที่หน้าประตูบริษัทเฟิงเหนียนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
พอเดินถึงหน้าประตู เขาก็เห็นคนที่เขาคุ้นหน้า
คือจินอวี้หรงกับหวังยีหมิงนั่นเอง
เขาขมวดคิ้ว สองคนนี้ ทำไมถึงเอาแต่มายุ่งวุ่ยวายกับเขา วันนี้เจอกันครั้งที่สองแล้ว
จินอวี้หรงกับหวังยีหมิงพยายามคุยกับยามที่หน้าประตูอยู่นานมาก แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าพบจ้าวชิวเยญ
พอเห็นเย่ฉางชิงจินอวี้หรงเหมือนเห็นขโมย เธอเริ่มตะโกนเสียงดัง “เย่ฉางชิงในที่สุดฉันก็เจอตัวนายแล้ว!นายเสร็จแน่ ฉันจะไปเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของนายต่อหน้าประธานจ้าว นายมันก็แค่ไอ้ขี้คุก ยังคิดจะไปเกาะตระกูลจ้าวอีก ฝันไปเถอะ!”
เย่ฉางชิงได้ยินอย่างนี้ก็โกรธขึ้นมา หย่ากันแล้ว ก็ควรจะต่างคนต่างอยู่ นี่เขายังไม่ได้คิดบัญชีเก่าเลย
จินอวี้หรงยังมีหน้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตเขาอีก “จินอวี้หรงฉันมีธุระต้องไปทำ ไม่มีเวลามาฟังคุณพูดเรื่องไร้สาระ
แต่ผมขอเตือนไว้ก่อน อย่าทำตัวหาที่ตาย!”
จินอวี้หรงนึกว่าเย่ฉางชิงจะเริ่มกลัวแล้ว เธอคิดว่าตัวเองมาถูกทาง “คนที่ทำตัวหาที่ตายคือเขา คอยดูเถอะ ถ้าฉันได้เจอประธานจ้าวนายตายแน่”
รถหรูขับออกมาช้าๆ
ก่อนจะจอดข้างเย่ฉางชิงแล้วบานหน้าต่างรถฝั่งข้างคนขับก็เปิดออก
จ้าวชิวเยญตะโกนเรียกเย่ฉางชิง“ขึ้นรถ”