ตอนที่ 13 พวกมีตาหามีแววไม่
เย่ฉางชิงถูกคำพูดของจินอวี้หรงกระตุ้นให้โมโห แต่พอเห็นจ้าวชิวเยญขับรถมาถึงแล้ว
เขาถามจินอวี้หรงด้วยความโกรธว่า “จ้าวชิวเยญมาแล้ว คุณจะทำอะไรได้?”
จินอวี้หรงถูกท่าทางที่ไม่ใส่ใจของเย่ฉางชิงทำให้ตกใจ เขาที่เป็นนักต้มตุ๋น แต่กลับไม่กลัวที่จะถูกเปิดเผยความจริง
เธอรู้สึกไม่เข้าใจ และมีอาการมึนงง
รู้ว่าคนรักของเย่ฉางชิงคือจ้าวชิวเยญเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การได้เห็นกับตาตัวเองมันก็อีกเรื่องหนึ่ง เธอยังคงยอมรับไม่ได้
เย่ฉางชิงเคยเป็นนักโทษมาก่อน และยังเป็นผู้ชายที่เธอสะบัดทิ้ง ทั้งไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีอำนาจ ไม่มีอะไรเลย
แต่กลับได้สาวสวยอย่างประธานจ้าวเป็นคนรัก
เธอยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ
เย่ฉางชิงเห็นจินอวี้หรงไม่พูดอะไร เขาหัวเราะเยาะแล้วขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ
จ้าวชิวเยญสังเกตเห็นว่าเย่ฉางชิงกับจินอวี้หรงดูมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา พอเย่ฉางชิงขึ้นมานั่งในรถ เธอจึงเอ่ยถาม “ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับคุณ?”
เย่ฉางชิงก็ตอบแบบไม่ปิดบัง “อดีตภรรยา”
เขาตอบแค่คำนี้แล้วไม่พูดอะไรอีก
จินอวี้หรงนิ่งอึ้งไป ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอมาที่นี่เพื่ออะไร
เธอรีบเดินไปที่รถแล้วเคาะกระจกรถ “ประธานจ้าวสวัสดีค่ะ ฉันมีเรื่องจะบอกคุณค่ะ”
จ้าวชิวเยญลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลดกระจกรถลง “คุณมีเรื่องอะไรจะบอกกับฉัน?”
จินอวี้หรงชี้ไปที่เย่ฉางชิงแล้วพูดว่า “ประธานจ้าวคุณอาจจะกำลังถูกเขาหลอกอยู่นะคะ!”
จ้าวชิวเยญทำสีหน้าเย็นชา “ถูกหลอก? คุณเห็นฉันเป็นคนที่ถูกหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
จินอวี้หรงสีหน้าเปลี่ยนไป เธอมาที่นี่เพื่อเปิดโปงตัวตนของเย่ฉางชิงและหวังจะทำดีเพื่อหวังให้จ้าวชิวเยญรู้สึกขอบคุณเธอ
แต่พอเห็นจ้าวชิวเยญเริ่มมีสีหน้าโมโห เธอจึงรีบอธิบาย “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะคะ ฉันหมายความว่าเย่ฉางชิงกำลังหลอกคุณ”
“คุณรู้ไหมว่าฉันกับเย่ฉางชิงเคยเป็นอะไรกัน?”
จ้าวชิวเยญส่ายหน้า “ไม่รู้ และฉันก็ไม่อยากรู้ด้วย”
เย่ฉางชิงนั่งมองเงียบๆ จนถึงตอนนี้ คำพูดของจ้าวชิวเยญยังอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกว่า และมีเจตนาที่จะปกป้องเขาอย่างชัดเจน
เขาจึงเลือกื่จะไม่พูดอะไรอีก
จินอวี้หรงเห็นอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจพูดออกมาเองว่า “ฉันคืออดีตภรรยาของเย่ฉางชิงสาเหตุที่ฉันหย่ากับเขา เพราะตอนนี้เขาไม่มีอะไรเลย ยังเป็นแค่นัก…”
จ้าวชิวเยญไม่รอให้อีกฝ่ายพูดต่อ เธอก็พูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า “หยุด!ฉันรู้ว่าคุณอยากจะพูดอะไร คุณอยากจะบอกว่าเขาไม่มีค่าอะไร คุณไม่ต้องการเขาแล้ว ให้ฉันไม่ต้องเชื่อคำพูดของเขา!ใช่ไหม?”
บนใบหน้าของจินอวี้หรงแสดงออกถึงความดีใจ เธอมาที่นี่เพื่อผูกสัมพันธ์ที่ดี จ้าวชิวเยญน่าจะรู้ถึงความตั้งใจของเธอ ทำให้การเจรจาต่อไปง่ายขึ้น “ใช่ค่ะ ฉันอยากจะบอกอย่างนั้นจริงๆ”
ผู้หญิงจ้าวชิวเยญพูดด้วยเสียงเย็นชา “คุณเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม?
มีตาหามีแววไม่ ในสายตาคุณเขาอาจจะไม่มีค่าอะไร แต่ในสายตาฉันเขาคือหยกจินซาน”
คนที่สามารถช่วยชีวิตคุณปู่ได้ ไม่ว่าจะเธอจะชอบหรือไม่ ถ้าพูดถึงด้านการแพทย์ เขาคือคนมีความสามารถที่หาได้ยาก
และยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นคนที่คุณปู่ชื่นชมว่าเป็นคนเก่ง เธอเชื่อว่าคุณปู่จะมองคนไม่ผิด
จินอวี้หรงส่ายหน้าไปมา “ประธานจ้าวฉันรู้ว่าคุณมีวุฒิการศึกษาที่ดี และมีฐานะที่ดี แต่ฉันก็อายุมากกว่าคุณ
หยกจินซาน ทองคำหรือหยกประดับ ฉันจะมองไม่ออกได้ยังไง?”
จ้าวชิวเยญยิ้มเยาะ “คุณรู้ไหมว่าหยกฝังทองคำคืออะไร?
ที่จริงแล้วคำนี้ควรจะเป็นหยกจิงซาน หยกจิงซานหมายถึงหยกที่มาจากเขาจิงซาน
บนโลกใบนี้มีไม่กี่คนที่สามารถมองออกว่าภายในหินหยกมีทองคำซ่อนอยู่?
การที่คุณมองไม่ออก มันก็เป็นเรื่องปกติ
เย่ฉางชิงก็เหมือนหยกจิงซาน ผู้หญิงบางคนที่มีโลกแคบ ไม่สามารถมองเห็นได้”
……
จินอวี้หรงสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีจ้าวชิวเยญถึงกับพูดว่าเย่ฉางชิงคือหยกเหอชื่อปี้!
พูดว่าเย่ฉางชิงคือของล้ำค่า!
มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?
คำที่ทำให้เธอยิ่งโกรธมากขึ้นคือจ้าวชิวเยญถึงกับบอกว่าเธอโลกแคบ
เธอแทบอยากจะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่พอต้องเผชิญหน้ากับจ้าวชิวเยญ เธอก็ไม่มีความกล้าพอ
เพราะเธอต้องการความช่วยเหลือจากจ้าวชิวเยญ
จ้าวชิวเยญจึงพูดต่อ “คนที่มองโลกแคบที่แยกหยกจิงซานไม่ออก ประโยคท่อนต่อไปก็คือ หากคนที่ไม่มีรักก็ยากที่จะบรรเลงเพลงหงส์เกี้ยวหงส์ออกมาได้
คุณไม่มีรัก จึงไม่สามารถบรรเลงเพลงหงส์เกี้ยวหงส์ออกมาได้
แต่ฉันคิดว่าฉันทำได้ ขอบคุณที่คุณยอมเสียสละเย่ฉางชิงที่เป็นหยกเหอชื่อปี้มาให้ฉัน!
ขอตัวก่อนนะคะ!”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็เหยียบคันเร่ง ก่อนที่รถสปอร์ตจะพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตา รถก็วิ่งออกไปไกลเป็นร้อยเมตรแล้ว
จินอวี้หรงมองรถที่เคลื่อนตัวห่างออกไป ยังไงเธอก็ยังคิดไม่ตก
จ้าวชิวเยญเป็นประธานเฟิงเหนียน กรุ๊ปรูปร่างหน้าตางดงามราวกับเทพธิดานางฟ้า ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หน้าตา ฐานะ หรือเงินทอง ล้วนแต่สูงส่งกว่าจินอวี้หรงมาก
ผู้หญิงแบบนี้จะหาผู้ชายแบบไหนก็ได้
แต่กลับมาเลือกผู้ชายที่เธอไม่ต้องการ และยังมาขอบคุณเธออีก
เย่ฉางชิงดีขนาดนั้นเลยเหรอ?
หวังยีหมิงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เดินเข้ามา “คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”
จินอวี้หรงสะดุ้งตกใจเล็กน้อยและพยายามปกปิดความคิดของตัวเอง เธอมองรถที่ขับไปไกลแล้วพูดว่า “ฉันเปิดโปงเรื่องของเย่ฉางชิงแล้ว แต่ประธานจ้าวไม่เชื่อ ฉันต้องทำยังไงดีคะ?”
ในแววตาของหวังยีหมิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “คุณกับไอ้ขยะนั่นเหมือนน้ำกับไฟ
ถ้าเขากลายเป็นผู้ชายของจ้าวชิวเยญจริงๆ บริษัทของคุณไม่เพียงแต่จะไม่สามารถร่วมงานกับเฟิงเหนียน กรุ๊ปได้ แต่ยังจะถูกกดดัน
จุดจบคงหนีไม่พ้นล้มละลาย”
จินอวี้หรงขมวดคิ้วแล้วพูด “เธอมองเย่ฉางชิงเป็นของล้ำค่าอย่างนั้น ฉันจะทำยังไงดีคะ?”
หวังยีหมิงถอนหายใจ “คุณนี่นะ คุณยังไม่เปิดโปงความลับที่ร้ายแรงที่สุดของไอ้ขยะนั่นออกมาเลย
เธอไม่ควรพูดเรื่องหย่า แต่ควรจะเปิดโปงเรื่องที่เขาเป็นไอ้ขี้คุก
สิ่งที่ส่งผลกระทบรุนแรงมากที่สุดคือสถานะนักโทษของเขา
คุณยังไม่ได้พูดออกมาเลย!”
จินอวี้หรงขมวดคิ้วนิ่งคิดเล็กน้อย แล้วก็กระทืบเท้าด้วยความเสียดาย “จริงด้วย ทำไมฉันไม่พูดเรื่องนี้ออกไปนะ
เมื่อตะกี้ฉันสับสนจนทำอะไรไม่ถูกไปหมดเลย
ถ้าฉันพูดถึงสถานะนักโทษของเย่ฉางชิงจ้าวชิวเยญต้องตกใจจนหนีไปแน่ๆ!
เธอจะต้องไม่พูดเรื่องหยกจิงซานอะไรนั่นออกมาแน่นอน
แต่ตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ?”
หวังยีหมิงชี้ไปทางรถที่จอดอยู่ข้างๆ “ขับรถไปตามกัน
เราจะต้องบอกจ้าวชิวเยญให้ได้เลยว่าเย่ฉางชิงเป็นไอ้ขี้คุกที่เพิ่งพ้นโทษออกมา
ผมเชื่อว่าถ้าจ้าวชิวเยญได้ยินเรื่องนี้ เธอจะต้องขอบคุณพวกเรา เรื่องการร่วมงานก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรแล้ว”
ทั้งสองคนพูดคุยกัน พร้อมกับขับรถตามหลังไป
เย่ฉางชิงมองจ้าวชิวเยญตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขามองเธอตลอดทาง
ผู้หญิงคนนี้ชอบทำสีหน้าเย็นชา แต่ภายในใจกลับเป็นคนที่ดีมาก
ในขณะเดียวกัน เขายังมองออก รูปร่างของเธอดีมาก พอเปลี่ยนเป็นใส่กระโปรงยาว แล้วมองจากด้านข้าง รูปร่างโค้งเว้าได้สวยงามมาก
จ้าวชิวเยญถูกมองจนหน้าแดง “คุณมองอะไร?”
เย่ฉางชิงยกยิ้มแล้วพูดว่า “ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก คุณก็ด่าว่าผมลามก ไม่คิดเลยว่าคุณจะช่วยผม”
จ้าวชิวเยญตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฉันไม่ได้ช่วยนาย ฉันแค่พูดตามความจริง
ฉันไม่รู้เรื่องของคุณมากนัก แต่คุณปู่ของฉันชื่นชมคุณมาก คนที่คุณปู่ของฉันชื่นชมมีไม่มากนัก
และแต่ละคนล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมาก”
เย่ฉางชิงคิดว่าตนเองจำเป็นต้องแนะนำตัวสักหน่อย “ผมจะแนะนำตัวให้ฟังสั้นๆ ตอนที่คุณปู่ของคุณไปพบผม ผมเพิ่งพ้นโทษออกมาจากคุก”
เพิ่งออกมาจากคุก?
มือของจ้าวชิวเยญที่จับพวงมาลัยกระตุกเล็กน้อย แต่ก็รีบตั้งสติกลับมา “ถ้าฉันอยากจะขอถามสาเหตุที่คุณติดคุก
คุณจะคิดว่าฉันกำลังยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณไหม?”
เย่ฉางชิงส่ายหน้า “ถึงคุณจะไม่ถาม ผมก็จะบอกคุณอยู่ดี ผมติดคุกเพราะบัญชีที่อดีตภรรยาของผมทำมีปัญหา
เธอขอร้องให้ผมรับผิดแทน
ผมคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายก็ควรจะรับภาระแทนภรรยา ผมจึงยอมเข้าคุก
แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากออกมาได้ เธอกลับขอหย่ากับผม”
จ้าวชิวเยญฟังแล้วก็ส่ายหน้าเล็กน้อย “ภรรยาของคุณมองโลกแคบจริงๆ”
ทั้งสองคนพูดคุยกัน จนรถยนต์มาหยุดจอดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง
จ้าวเฟิงเหนียนรออยู่ที่หน้าประตู พอเห็นจ้าวชิวเยญมาด้วย เขาก็รู้สึกแปลกใจ “หลานกลับมาทำไม?”
จ้าวชิวเยญไม่ตอบ แต่ถามกลับแทน “ได้รับโสมหรือยังคะ?”
จ้าวเฟิงเหนียนหยิบกล่องไม้ออกมา “เพิ่งได้รับมา แต่ปู่ยังไม่ได้เปิดดูเลย”
เย่ฉางชิงรับกล่องไม้มา แล้วเปิดออก “โสมอายุร้อยปีมาถึง เราเริ่มทำการรักษาได้แล้ว ในระหว่างที่ผมตรวจรักษา ต้องการความสงบเป็นอย่างมาก
เตรียมห้องเก็บความเงียบไว้ด้วย”
จ้าวเฟิงเหนียนพาเย่ฉางชิงขึ้นไปบนชั้นสอง
จ้าวชิวเยญนั่งรออยู่ที่ชั้นหนึ่ง แต่พอคิดไปคิดมา เธอก็หันไปสั่งบรรดาบอดี้การ์ด “พวกนายไปเฝ้าที่หน้าประตู ใครมาเยี่ยมคุณปู่ก็ห้ามให้เข้ามาได้
ปฏิเสธแขกที่มาเยี่ยมคุณปู่ทุกคน”