บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 อยากรู้ อยากเห็น (1/2)

เรือนของอันรุ่ย...

อันรุ่ยเดินทางออกจากพระราชวังกลับมายังเรือนของเขาดังเช่นทุกที ยามนี้ภายในเรือนยังคงเงียบกริบและไร้ร่างอรชรของผู้เป็นบุตรีเช่นเคย เขาจึงเดินลัดเลาะไปตามทางจนมองเห็นลานทุ่งหญ้ากว้างขวางสีเขียวขจีตามภูมิอากาศที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวเย็น

สายตาคู่คมที่ปรากฏรอยย่นอยู่ปลายสายตาด้วยอายุอานามที่ปาเข้าไปราวห้าสิบหนาวกวาดสายตามองไปยังลานทุ่งหญ้า จนมองเห็นร่างบางของบุตรีที่กำลังวิ่งเล่นกับแกะคู่ใจด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

ท่าทางของบุตรีส่งให้อันรุ่ยคิดถึงฮูหยินรักที่จากไปขึ้นมาจับใจ รอยยิ้มกว้างของอันเหม่ยถิงเหมือนกับผู้เป็นมารดาไม่มีผิดเพี้ยน อีกทั้งนิสัยใจคอยังเหมือนกันอยู่หลายส่วนนัก

ภวังค์ความคิดส่งให้เขาย้อนนึกถึงเรื่องเก่า ๆ ด้วยความล่องลอยจนไม่รู้เลยว่าบุตรีของตัวเองนั้น ย่างกรายเข้ามาประจันหน้ากับเขาเสียแล้ว

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”

อันเหม่ยถิงเอ่ยเรียกผู้เป็นบิดาอยู่นานสองนาน จนนางจำต้องตะโกนด้วยเสียงที่ดังขึ้นอีกขั้นเพื่อให้บิดารู้สึกตัว

“อะ...อืม” อันรุ่ยได้สติก็รีบทำตัวเป็นปกติ

“ท่านเหม่ออะไรกันท่านพ่อ หรือว่าท่านใจลอยไปหาสตรีอื่นแล้ว” อันเหม่ยถิงเอ่ยแซวผู้เป็นบิดาด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ถิงเอ๋อร์ เจ้าก็รู้ว่าพ่อรักท่านแม่ของเจ้ามากเพียงใด”

สายตาที่จริงจังของผู้เป็นบิดา ส่งให้อันเหม่ยถิงหุบยิ้มในทันที นางต้องการเพียงหยอกล้อท่านพ่อก็เท่านั้น แต่ท่านพ่อของนางกลับจริงจังในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แม้ว่าท่านแม่ของนางจะด่วนจากไปมานานหลายปี แต่ทว่าท่านพ่อของนางกลับไม่เคยมองหาสตรีนางใดมาแทนที่ท่านแม่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดก็ตาม

“ข้ารู้ดีเจ้าค่ะท่านพ่อ เข้าเรือนกันจะดีกว่า ข้าเตรียมอาหารเอาไว้แล้ว” อันเหม่ยถิงเดินนำผู้เป็นบิดาไปพร้อมกับจูจูแกะน้อยคู่ใจ

หากจะเปรียบเทียบเรือนของอันรุ่ย คงจะไม่แตกต่างกับจวนของขุนนางประจำราชวงศ์สักเท่าใดนัก เรือนใหญ่โตกว้างขวางทำจากก้อนหินชั้นดีตามแบบชนเผ่าพร้อมด้วยบ่าวรับใช้มากมาย หากอยู่ในแคว้นอื่นอันเหม่ยถิงก็คือคุณหนูตระกูลขุนนางใหญ่นั่นเอง

บนโต๊ะในยามนี้เต็มไปด้วยอาหารมากหน้าหลายตาที่อันเหม่ยถิงปรุงขึ้นมาด้วยตัวเอง แม้จะมีพ่อครัวประจำตระกูลแต่นางก็ชอบที่จะลงมือเองเสียมากกว่า

ชีวิตของอันเหม่ยถิงในทุกวันเต็มไปด้วยความเรียบง่าย นางบรรจงคีบอาหารใส่ถ้วยข้าวของบิดาจนพูนล้น ก่อนจะฉีกยิ้มให้กับบิดาด้วยท่าทางอารมณ์ดี จนอันรุ่ยอดใจไม่ได้ที่จะเอ่ยถามถึงบุรุษในดวงใจของนาง

“ถิงเอ๋อร์ เจ้ามีบุรุษใดที่รู้สึกชอบพอหรือไม่” อันรุ่ยถามออกไปอย่างตรงประเด็น

แค่ก แค่ก

“ท่านพ่อ ถามกระไรเยี่ยงนั้น” อันเหม่ยถิงที่กำลังพุ้ยข้าวเข้าปากด้วยความเอร็ดอร่อยถึงกับสำลักเม็ดข้าวออกมาจนเต็มแก้ม

“ถิงเอ๋อร์ อายุเจ้าก็มากขึ้นไปทุกปี หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่มีผู้ใดอยากครองเรือนกับเจ้ารู้หรือไม่” อันรุ่ยวางถ้วยข้าวลง ก่อนจะพูดกับบุตรีด้วยท่าทางจริงจัง

“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่เจ้าคะ ท่านพ่อ อย่างน้อยข้าก็ยังมีจูจู”

ว่าแล้วบุตรีก็หันไปอุ้มจูจูแกะน้อยหน้าดำที่มารดาของนางทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนจะบรรจงหอมแก้มเจ้าแกะน้อยเสียฟอดใหญ่ จนอันรุ่ยผู้เป็นบิดาได้แต่ส่ายใบหน้าด้วยความเหนื่อยใจ

“เฮ้อ...”

“ท่านพ่อ ท่านถอดถอนลมหายใจด้วยเรื่องใด” บุตรีที่รักยิ่งยังคงเอ่ยถามเขา โดยที่ไม่ได้รับรู้เลยว่าหัวอกคนเป็นบิดากำลังทุกข์ร้อนใจเพราะนางนั่นแหละ

“ถิงเอ๋อร์ พ่ออยากให้เจ้าออกเรือน” อันรุ่ยยังคงสนทนากับบุตรีด้วยสายตาแห่งความหวัง

“ท่านพ่อ ท่านผลักไสข้าหรือ”

ดวงตาคู่สวยทอประกายขึ้นพร้อมกับหยาดน้ำสีใสที่เริ่มจะเอ่อล้นด้วยความเข้าใจผิด จนอันรุ่ยได้แต่ชะงักนิ่งด้วยเพราะทำตัวไม่ถูกเห็นทีเขาคงไม่เอื้อนเอ่ยเรื่องนี้อีกต่อไป ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามโชคชะตาก็แล้วกัน

“พ่อไม่เคยผลักไสเจ้า ถือเสียว่าพ่อไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเจ้าก็แล้วกัน...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel