บทที่ 2 สองมังกรแห่งไท่หยาง (2/2)
“นั่นสิพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ มู่กงจื่อก็ดูรีบร้อนยิ่งนัก”
ซุนเว่ยหยางหย่อนกายนั่งลงด้านข้างแฝดผู้พี่ ก่อนจะส่งสายตาแห่งความอยากรู้ให้กับบิดาและมารดา
“แม่จะไม่อ้อมค้อมก็แล้วกัน พวกเจ้าทั้งสองมีสตรีในดวงใจแล้วหรือไม่” ซุนอิงน่าวางถ้วยชาลง ก่อนจะเงยหน้าสบตากับบุตรชายทั้งสองด้วยสายตาจริงจัง
“โธ่ เสด็จแม่ ข้าก็นึกว่าเรื่องกระไร ฮ่า”
ซุนเว่ยหยางแฝดผู้น้องที่มีความเจ้าเล่ห์แพรวพราว และความช่ำชองในการหว่านล้อมสตรีด้วยวาทศิลป์หัวเราะร่าขึ้นมาราวกับเรื่องที่มารดากำลังเอ่ยถามเป็นเรื่องขบขัน
“ซุนเว่ยหยาง เจ้าไม่เห็นหรือว่าเสด็จแม่ของเจ้าจริงจังเพียงใดยังจะหัวเราะขึ้นมาอีก” ประมุขซุนเอ่ยปรามซุนเว่ยหยาง เมื่อเห็นว่าบุตรชายติดเล่นจนเกินไป
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ เสด็จแม่” ซุนเว่ยหยางได้แต่จำยอมสำรวมกิริยาท่าที
“ว่าอย่างไรเล่า สิ่งที่แม่ถาม เว่ยหมินในฐานะที่เจ้าเป็นพี่เจ้าตอบแม่มาก่อน” ซุนอิงน่าเอ่ยถามรัชทายาทองค์โตด้วยสายตาที่กดดัน
“เสด็จแม่ ข้ายังไม่มีสตรีในดวงใจพ่ะย่ะค่ะ”
ซุนเว่ยหมินตอบเสด็จแม่ของเขาด้วยความกระอักกระอ่วนเวลาทั้งหมดของเขาล้วนแล้วแต่มอบให้กับตำราและการซ้อมรบเพียงเท่านั้น หาได้แบ่งปันเวลาเพื่อมองหาสตรีใดมาอยู่ข้างกายดังที่ซุนเว่ยหยางชอบทำ
“เจ้าเล่าเว่ยหยาง มีหรือไม่”
“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่”
ซุนเว่ยหยางตอบออกไปด้วยความสัตย์จริง แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญในสนามรัก แต่ทว่ายังไม่มีสตรีใดที่เขาอยากจะมอบใจให้
“ดี ดียิ่งนัก” พระชายาซุนอิงน่าแย้มยิ้มออกมาด้วยความชอบใจ
“ซุนเว่ยหมิน ซุนเว่ยหยาง ปีนี้พวกเจ้าก็ย่างเข้ายี่สิบสองหนาวเข้าไปแล้ว เห็นทีคงจะถึงเวลาอภิเษกสมรสแล้วกระมัง” ประมุขซุนเปรยขึ้นกับรัชทายาทฝาแฝด
“เสด็จพ่อ!”
ทั้งซุนเว่ยหมิน และซุนเว่ยหยาง ร้องขึ้นราวกับกำลังทักท้วงในสิ่งที่บิดาและมารดาบอกกล่าว โดยที่รัชทายาททั้งสองได้แต่สับสนและงุนงงไม่น้อย ตั้งแต่ไหนแต่ไรเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเขาไม่เคยก้าวก่ายในเรื่องของความรักและคู่ครอง แต่เหตุไฉนวันนี้ท่าทางของทั้งสองพระองค์ถึงได้ดูเร่งรัดยิ่งนัก
“ฟังก่อน แต่ไหนแต่ไร ข้าและเสด็จแม่ของเจ้าไม่เคยเข้าไปก้าวก่าย แต่นี่พวกเจ้าอายุอานามก็ปาเข้าไปไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ไม่ว่าอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องอภิเษกสมรสกับพระชายาที่ข้าจะแนะนำให้พวกเจ้า”
ประมุขซุนพยายามที่จะบอกกล่าวบุตรชายทั้งสองให้เข้าใจ แม้ว่ารัชทายาททั้งสองจะมีท่าทีที่ทักท้วงในตอนแรก แต่ทว่ายามนี้พวกเขากลับสงบนิ่งและตั้งใจฟังราวกับใช้ความคิด ก่อนที่ซุนเว่ยหมินรัชทายาทผู้พี่จะเอ่ยถามถึงว่าที่พระชายา
“นางเป็นผู้ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”
การที่ซุนเว่ยหมินถามออกไปหาใช่ว่าเขาต้องการพระชายาจนตัวสั่น แต่ทว่าเขากลับอยากรู้ว่าสตรีผู้นั้นเป็นใครกันถึงได้ทำให้เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเขาต้องออกหน้าถึงเพียงนี้
“นั่นสิเสด็จพ่อ นางเป็นบุตรีของผู้ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ด้านซุนเว่ยหยาง เขาเองก็อยากรู้เช่นเดียวกับแฝดผู้พี่ว่าผู้ที่เสด็จพ่อ เสด็จแม่หมายมั่นที่จะให้เป็นพระชายาของเขาคือผู้ใดกัน
“อันเหม่ยถิง บุตรีของอันรุ่ย พวกเจ้ายังไม่ต้องปฏิเสธในยามนี้ ข้าเพียงต้องการให้พวกเจ้าได้ทำความรู้จักกันเสียก่อน” เสด็จแม่ของเขาเป็นฝ่ายบอกขึ้นมา
“อันรุ่ย มีบุตรีด้วยหรือ”
ซุนเว่ยหมินพึมพำ ตั้งแต่เติบโตมาเขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าอันรุ่ย ข้ารับใช้ของเสด็จพ่อจะมีบุตรีกับเขาด้วย
“ไยข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อของนางมาก่อนเลยเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
ซุนเว่ยหยางยกฝ่ามือลูบไล้ปลายคางราวกับใช้ความคิด วงการสตรีโฉมงามทั่วอาณาจักรซีหยางเล็ดลอดสายตาของเขาไปได้เยี่ยงไร หรือว่านางจะอยู่ในกลุ่มของสตรีอัปลักษณ์
“ฮ่า เป็นเพราะนางเอาแต่เลี้ยงแกะ จนไม่ออกมาพบเจอกับโลกภายนอก พวกเจ้าก็ใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักกับนางก็แล้วกัน”
ประมุขซุนทรงพระสรวลออกมาจนดังลั่น นี่คือภารกิจที่เขามอบให้กับรัชทายาททั้งสอง
“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ อันเหม่ยถิงพระองค์หมายมั่นจะมอบนางให้กับข้าหรือซุนเว่ยหมินเล่าพ่ะย่ะค่ะ แล้วสตรีอีกผู้หนึ่งคือผู้ใดกัน”
ซุนเว่ยหยางทักท้วงขึ้น เมื่อเสด็จพ่อและเสด็จแม่เอ่ยถึงสตรีเพียงผู้เดียว
“สตรีที่ข้าต้องการให้เป็นพระชายาของพวกเจ้ามีเพียงอันเหม่ยถิงเท่านั้น หากพวกเจ้ามีใจให้กับนาง นางจะเป็นชายาของพวกเจ้าทั้งสอง” ซุนอิงน่าบอกความกระจ่างให้กับบุตรชายได้เข้าใจ
“เสด็จพ่อ เสด็จแม่!” รัชทายาทฝาแฝดตกใจไม่น้อยที่เสด็จพ่อและเสด็จแม่กล่าวเช่นนั้น
“เดิมทีพวกเจ้าเป็นฝาแฝดก็ไม่ควรแยกจาก ภายภาคหน้าแม้ว่าไท่หยางจะมีถึงสองมังกร แต่ทว่าพวกเจ้าคือหนึ่งเดียวของแว่นแคว้น หากอันเหม่ยถิงคือสตรีที่พวกเจ้าพึงใจ นางจะเป็นพันธนาการรักที่แน่นแฟ้นเชื่อมใยพวกเจ้าเอาไว้อย่างเหนียวแน่น”
ประมุขซุนคิดการณ์ไกล หากรัชทายาททั้งสองต่างแยกกันอภิเษกสมรสสายใยความปรองดองอาจเลือนหายไป จนอาจเกิดเป็นอาเพศในการแย่งชิงครอบครองอาณาจักรกันภายภาคหน้าตามที่ประชาชนหวาดกลัว แต่หากพวกเขารักสตรีคนเดียวกันสตรีผู้นั้นจะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงความสมานฉันท์ระหว่างฝาแฝดไปตลอดกาล