บทที่ 2-2
เธอย่นจมูกน้อยๆ ช่อชนิดาหัวเราะ พลางควงแขนเพื่อนสนิทเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน เพื่อเข้าไปจัดการความเรียบร้อยของตนเอง ในห้องนอนของยอดชีวา ก่อนจะพากันออกไปหาอาหารอร่อยๆ รับประทานกัน
เข้าห้องน้ำ หวีผม เติมหน้าอีกนิดหน่อย ก็พร้อมที่จะออกไปกันแล้ว ช่อชนิดาเหลือบมองหน้าใสๆ ของเพื่อนรัก ที่เพียงเติมแค่ลิปกลอสสีชมพูใส แล้วก็นึกคันมือคันไม้ อยากจะจับคนข้างๆ มาแต่งหน้าแบบจัดเต็มดูสักหน อยากจะรู้ว่าถ้าสาวหวานเหมือนน้ำตาลอย่างยอดชีวา จับมาแต่งหน้าแต่งตัวเปรี้ยวๆ จะเป็นอย่างไรบ้างนะ เธอนึกในใจอย่างสนุกสนาน หมายมาดว่าสักวัน จะต้องลองได้ทำแน่ๆ
สองสาวเดินคุยกันกระหนุงกระหนิง ถึงเมนูอาหารที่ร้านโปรด และโทรศัพท์สั่งให้ทางนั้นจองโต๊ะพร้อมกับสั่งอาหารไปด้วย แถมยังคิดกันว่าจะไปแวะเดินเล่นที่ไหนสักพักก่อนจะกลับบ้าน วันพักผ่อนแบบนี้ ก็ต้องพักคลายร่างกายที่เครียดจากการทำงานมาตลอดอาทิตย์ ด้วยการเติมความสุขสดชื่นให้กับชีวิตกันบ้าง
แต่ก่อนที่ยอดชีวาจะได้ทันขึ้นรถของเพื่อนรัก เธอก็ต้องลงมาเสียก่อน แล้วนัดรับประทานอาหารวันนี้กับช่อชนิดาต้องเป็นหมัน เมื่อบิดาเรียกเธอให้ไปคุยด้วย ท่านสวนกับลูกสาวและเพื่อนที่หน้าบ้านพอดีจึงเคาะกระจกและสั่งให้ลูกสาวลงมา สีหน้าของท่านช่างนิ่งขรึม ตึงเครียด เสียจนเธอนึกหวาดระแวงว่ามันจะเป็นเรื่องร้าย
และอีกสิบนาทีต่อมา ยอดชีวาก็ได้รับรู้ว่า เธอสังหรณ์ไม่ผิดเลยสักนิด
มันเป็นเรื่องร้าย ร้ายกาจจนเธออยากให้เป็นเพียงความฝัน และไม่ปรารถนาที่จะตื่นขึ้นมาเลย!
น้ำตาหยดหนึ่ง ค่อยคลอขึ้น ก่อนจะรินไหลลงมาอาบแก้ม มือเรียวปาดไล่น้ำตา แต่แล้ว หยดที่สอง ที่สาม มันก็พรั่งพรูกันลงมาไม่ขาดสาย จนเปียกแขนของเธอไปหมด ยอดชีวาทุ่มตัวลงบนเตียง สะอื้นฮักออกมาจนหนำใจ สมองอื้ออึงไปหมด กับคำพูดซ้ำๆ จากบิดา
‘พ่ออยากให้หนูลาออก เอ่อ...เบบี้ พ่อมีเรื่องอยากจะขอร้องหนู นี่คือการขอร้องเพียงครั้งเดียวในชีวิตของพ่อ’ สีหน้าของท่านช่างเคร่งเครียด มือของท่านทาบอยู่ตรงบริเวณหัวใจ เหมือนจะจับจังหวะว่า มันยังเต้นเป็นปรกติอยู่หรือเปล่า
‘อะไรนะคะ’ เธออุทานอย่างตกใจ ยอดชายกลืนน้ำลาย แล้วกัดริมฝีปาก ก่อนจะพยายามบังคับเสียงที่เปล่งออกมาไม่ให้มันสั่นระริก
‘พ่ออยากจะขอร้อง ให้หนูไปเป็นเจ้าสาวของเจ้านายพ่อ ได้ไหม? เบบี้ นี่คือสิ่งที่พ่อต้องการจากหนู หนี้สินทุกอย่าง ทั้งหมด เขาสัญญาว่าจะได้รับการชำระ แลกกับตัวหนู’
‘อะไรนะคะ’
คำถามเดิมถูกเอ่ยขึ้นมาอีกรอบ นัยน์ตามองบิดาด้วยความตื่นตะลึง กับสิ่งที่ท่านพูดออกมา ยอดชายเมินหน้าไปทางอื่นที่ไม่ใช่หน้าของบุตรสาว
‘เขาไม่ให้ทางเลือกพ่อเลยเบบี้ นอกจากส่งหนูไป...ไปเป็นเจ้าสาวของเขา เขาต้องการ...ทายาท และเขาก็เลือก...หนู’
ใครก็ได้ ปลุกเธอขึ้นจากฝันร้ายนี้ที...
หญิงสาวได้แต่ร้องไห้กระซิก บิดาเหมือนกับคนหัวใจสลายไปแล้ว เมื่อเอ่ยบอกกับเธอ กิริยาอาการของท่าน บ่งบอกว่าท่านเองก็เจ็บปวด ที่เอ่ยขอร้องเธอเรื่องนี้ ไม่น้อยไปกว่าเธอ ยอดชายดึงบุตรสาวไปกอด เมื่อเอ่ยจบ แล้วเดินออกมาจากห้อง ปล่อยทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง ท่านไม่ได้ฟังคำตอบ ว่าบุตรสาวตอบรับหรือปฏิเสธ
ยอดชีวาเองเมื่อตั้งตัวได้ เธอก็วิ่งขึ้นมาบนชั้นสอง ตรงเข้าห้องนอนก่อนจะปิดประตูเงียบ และทุกอย่าง...ทุกสิ่งที่อัดอั้นไว้ในใจ ก็หลั่งไหลออกมาเป็นน้ำตา เธอร้องไห้จนน้ำตาเปียกหมอน ร้องไห้จนเหมือนว่าจะไม่มีน้ำตาต้องไหลอีกต่อไปแล้ว คำขอร้องของท่าน...ที่จะยกเธอให้กับชายแปลกหน้า เจ้าหนี้หน้าเลือด! ที่เธอไม่เคยพบเจอ ทีปต์ ทีฆทัศน์ เขาช่างเป็นผู้ชายที่ร้ายกาจเสียจริง
ชีวิตของเธอทั้งชีวิต ถ้าเธอตกลง มันก็เหมือนกับเธอลงไปในอุโมงค์มืดมิด หาทางออกไม่เจอ เธอต้องลาออกจากงาน ไปแต่งงานเป็นเมียของใครก็ไม่รู้ ที่เพียงรู้แค่ชื่อ
แต่ชีวิตนี้ทั้งชีวิตบิดาของเธอก็ให้มา...ทำไมเธอถึงจะตอบแทนให้คืนท่านไม่ได้
‘เขาไม่ให้ทางเลือกพ่อเลย เบบี้’
‘หนี้สินทั้งหมด จะได้รับการชำระ’
นี่สินะ...สิ่งที่เธอจะตอบแทนบิดาได้
ยอดชีวาตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนจะเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ ตาของเธอยังคงบวมช้ำ จมูกโด่งรั้นแดงเรื่อ หญิงสาวยิ้มให้กับเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก แล้วกำมือเข้าหากันแน่น เธอเดินช้าๆ ไปหาบิดา รู้ดีว่าเวลานี้ท่านควรจะอยู่ที่ไหน
หญิงสาวเคาะประตูห้องทำงาน เสียงทุ้มเอ่ยอนุญาต ร่างเพรียวเดินก้าวเข้าไปด้านใน บิดาของเธอนั่งอยู่ตรงเก้าอี้นวมตัวโต ท่านหมุนปากกาในมือเล่นไปมา นัยน์ตาของท่านมองเหม่อ ใบหน้านั้นซีดเผือด เมื่อร่างของบุตรสาวทรุดลงนั่งตรงหน้า ยอดชายก็ถอนใจเฮือกใหญ่ เขามองไปทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าของบุตรสาว เพราะไม่อาจจะมองเธอได้เต็มตานัก ความเศร้า อาดูร เสียใจ ปรากฏอยู่บนใบหน้างดงามนั่น
“พ่อ...”
“หนูตกลงคะ”
“หืม?”
ยอดชายมองคนตรงหน้าอย่างเต็มตา แม้ว่านัยน์ตาของเธอจะบวมแดงเรื่อ มีร่องรอยเศร้าหมองในนั้น แต่เธอก็ยังยิ้มกว้างให้กับเขา
“หนูตกลง ทำตามเงื่อนไขของเจ้าหนี้ของพ่อ ถ้ามันจะทำให้พ่อหมดหนี้ เขาอยากจะได้หนูไป...ไปผลิตทายาทอย่างนั้นใช่ไหมคะ? จะเป็นอะไรไหม ถ้าหนูต้องการจะคุยตกลงกับเขาก่อน ก่อนที่จะแต่งงาน”
“จะไม่มีงานแต่งงาน เบบี้” ยอดชายเอ่ยเสียงแห้ง “แต่ถ้าลูกอยากจะคุยกับเขา พ่อก็จะลองติดต่อดู เขาน่าจะยอม”
“ค่ะ...”
หัวใจเธอบอบช้ำอีกหนเมื่อได้ยินแบบนี้ จริงสินะ พ่อเธอพูดแต่เรื่องชำระหนี้ ทายาท ไม่ได้พูดถึงเรื่องพิธีการออกหน้าออกตาเสียหน่อย มันรู้นะ แต่มันก็เจ็บปวดพิกล ก็การแต่งงาน เป็นความฝันสูงสุดของผู้หญิงทุกคน เธอจะได้ไปเป็นเพียงเจ้าสาวขัดดอก เครื่องมือผลิตทายาท...ก็เท่านั้น
“พ่อติดต่อเขาให้ที หนูอยากจะคุยกับเขา”
“ได้ พ่อจะจัดการให้”
ยอดชายเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือตรงหน้า ทางนั้นรับสาย เขาคุยเพียงสองสามคำ ก็กดวาง แล้วพยักหน้าให้กับบุตรสาว ที่กำลังมองเขานิ่งอยู่
“ลูกจะได้พูดจา คุยกับคุณทีปต์ พรุ่งนี้เที่ยง เบบี้”
“ค่ะ”
เธอเม้มริมฝีปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืน น้ำตาที่แห้งทำท่าจะไหลอีกแล้ว ไม่สิ...เธอต้องเข้มแข็ง หญิงสาวร้องบอกตัวเอง มือของบิดาเอื้อมมาจับมือเธอไว้ แล้วบีบมัน มือของเธอเย็นและชื้นเหงื่อ จนท่านรู้สึกได้ ร่างสูงท้วมจึงลุกขึ้นยืน ก่อนจะดึงเธอไปกอด เมื่อได้สัมผัสกับอ้อมอกของบิดา ยอดชีวาก็ไม่อาจจะกลั้นน้ำตาไว้ได้ เธอร้องไห้กับอกเขา ยอดชายเองก็ถึงกับน้ำตาซึม มือหนาลูบไล้หลังไหล่ให้บุตรสาว แล้วพึมพำปลอบโยน
ระยำ...ชีวิตเขาพังไม่พอ นี่เขาจะฉุดให้บุตรสาวต้องมีเหตุด่างพร้อยในชีวิตไปด้วยหรือ?
ความผิดครั้งเดียวที่เผลอกระทำ จนกลายเป็นชนวนให้เกิดเรื่องราวทั้งหลายแหล่ และมันเกินกว่าที่ผู้ชายแก่ๆ อย่างเขาจะแบกรับไหวอีกต่อไปแล้ว ยอดชายได้แต่ครวญในอก เขากำลังคิดว่าถ้ายอดชีวาไม่ยอมตกลงกับกติกา เงื่อนไขที่ฝ่ายนั้นยื่นมา บางทีเขาอาจจะ...
มันดีเหลือเกินที่มีบุตรีประเสริฐแบบนี้ ลูกสาวที่ยอมทำให้เขาได้แม้กระทั่งเสียสละสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาจนแต้ม หมดหนทางแล้วจริงๆ ถึงต้องเอ่ยปากคุยกับเธอ ทีปต์กดดัน บีบคั้นเขาอย่างหนักหนา คนมีอิทธิพลแบบนั้น จะอย่างไรก็ต้องทำตามที่ปากพูด ถ้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
ลูกสาวที่เปรียบดั่งแก้วตาดวงใจ กุหลาบงามแห่งกาญจน์วัฒนา กำลังจะเดินทางชีวิต เข้าไปสู่เงื้อมมือของผู้ชายอย่างทีปต์
อดีตเทพบุตรผู้แสนดี ที่ตอนนี้แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!