บท
ตั้งค่า

บทที่ 2-1

ดอกมะลิจำนวนมากตรงหน้า กำลังถูกลำเลียงเข้าไปสู่กรรมวิธีสกัดหัวน้ำหอม ด้วยวิธีแบบง่ายๆ คือสกัดตามแบบโบราณ มือเรียวค่อยบรรจงคีบดอกไม้เรียงไว้ในโหลแก้วขนาดใหญ่ ข้างตัวมีฟองน้ำที่เตรียมจะเอาจุ่มน้ำมันมะกอก เพื่อดูดซับเอาไอกลิ่นระเหยของดอกไม้ นัยน์ตางดงามสีน้ำตาลอ่อน เปล่งประกายอย่างมีความสุข ยามค่อยๆ ทำงานในมือ

ช่อชนิดายืนกอดอก มองอาการของเพื่อนรัก ที่กำลังละเมียดทำงานตรงหน้าอย่างพิถีพิถัน เธอทรุดลงนั่งข้างๆ แล้วเอื้อมมือหยิบเอาดอกคัทลียามาดม เลยถูกมือเรียวที่กำลังทำงานอยู่จับหมับ แล้วก็ตีเพียะเข้าให้อย่างรวดเร็ว เธอคลำแขนป้อย ก่อนจะค้อนขวับให้กับเพื่อนสนิท

“เจ็บนะ ยัยเบบี้ งกหรือยังไงกัน ขอดมนิดเดียว”

“ดมไม่ได้ เดี๋ยวกลิ่นหาย ห้ามนะ เราได้มานิดเดียวเอง ดอกคัทลียานี่ เป็นพันธุ์ใหม่ จากสวนของพี่จันทร์”

“อยากจะลองดมนิดๆ หน่อยเอง”

หญิงสาวตัดพ้อ เลยโดนค้อนให้อีกรอบ แต่ก็ส่งดอกคัทลียาสีชมพูอมม่วง ส่งให้แต่โดยดี

“เอ้า...ให้ดอกหนึ่ง นี่เราได้มาแค่สิบห้าดอกเท่านั้น กว่าจะได้แค่นี้กินเวลานานโขเลย”

“แล้วนี่จะมานั่งทำหัวน้ำหอมเองทำไมกันคะ คุณเบบี้ หรือจะเปลี่ยนอาชีพแล้ว จากนักปรุงน้ำหอม มาเป็นผลิตน้ำหอมขายเองหรือยังไงกันเจ้าคะ”

“เราก็แค่อยากจะทดลองอะไรใหม่ๆ ดูเท่านั้นเอง แต่ก็เข้าท่านะ ผลิตเอง ขายเอง รวยเอง”

คนพูดยิ้มน้อยๆ แล้วค่อยๆ เรียงดอกไม้ต่อไปอย่างทะนุถนอม ช่อชนิดาย่นจมูกเล็กน้อย ก่อนจะพิศมองใบหน้าเนียนหวานของคนตรงหน้า ที่กำลังตั้งอกตั้งใจกับงานที่ทำ

ใบหน้าเรียวรูปไข่ นัยน์ตากลมโตประดับด้วยขนตางอนหนา คิ้วโก่งเรียว จมูกโด่งสวย ริมฝีปากอิ่มสีชมพูจัด รวมกันเป็นใบหน้าหวานคม ที่คนมองต้องอดไม่ได้ที่จะหันมามองซ้ำอีกหน เรือนผมดำยาวดุจนกกาน้ำ มัดไว้ง่ายๆ ด้วยผ้าผูกผมสีม่วงอ่อน เรือนร่างอรชรอยู่ในเดรสกางเกงขายาวสีครีมลายลูกกวาด นั่งพับเพียบทำงานบนเสื่อ กิริยาท่าทางนิ่มนวลแช่มช้อย ยามจะหยิบจะจับ หรือเดินเหิน มันทำให้ยอดชีวา ดูเป็นผู้หญิงไปเสียทั้งเนื้อทั้งตัว บอบบาง น่าทะนุถนอมราวกับตุ๊กตาแก้ว

นิสัยใจคอของเพื่อนรักนั้น ก็เป็นคนอ่อนโยน อ่อนหวาน เวลาอยู่ใกล้ๆ แล้วช่อชนิดามักจะรู้สึกว่าตัวเองห้าวเกินไปเสียทุกครา ก็ค่าที่เพื่อนสาวเป็นคนเรียบร้อยน่ารักเหลือเกิน ส่วนเธอนั้นเหมือนกับคนล่ะขั้วกับยอดชีวาก็ว่าได้ หญิงสาวย่นจมูกเล็กน้อย เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอค่อยๆ ไปนั่งข้างเพื่อนรัก มองยอดชีวาทำงาน สักพักก็เริ่มตาปรอย เพราะเมื่อคืนทำงานค่อนข้างดึก วันหยุดตั้งใจจะมาชวนเพื่อนรักไปแวะหาอะไรรับประทานอร่อยๆ เดินเล่นชิลๆ กันสองคน แต่ยอดชีวากำลังสนุกกับงานอดิเรก เสียจนแทบจะลืมเธอไปแล้วแหงๆ

“เดี๋ยวทำโหลนี้เสร็จแล้ว เราจะทำกลางวันเลี้ยงนะ พร้อมขนมด้วย มีตะโก้เผือกอยู่ในตู้เย็น ทำให้พ่อเมื่อเช้า เอ้า...อีฟ หลับไปแล้วเหรอนั่น”

ยอดชีวาหันมามองเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ จึงได้เห็นว่าเพื่อนสนิทของเธอตอนนี้ กำลังนอนหนุนแขน หลับไปอย่างง่ายๆ ทั้งที่ตัวอยู่บนเสื่อแค่ครึ่งเดียว ส่วนครึ่งล่างนอนบนพื้นหญ้า ช่อชนิดาก็หลับไปได้เสียง่ายๆ แบบนั้น

“สงสัยจะทำงานดึกๆ ดื่นๆ อีกแน่”

เธอมองเพื่อนรัก แล้วส่ายหน้าน้อยๆ มือปัดแมลงที่บินมาใกล้ให้กับช่อชนิดา หญิงสาวทำงานคนล่ะอาชีพกัน แต่ก็ยังสนิทสนมกันเหมือนตอนสมัยเรียน ช่อชนิดาคือครีเอทีฟสาวของรายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ที่มีเรตติ้งค่อนข้างดี เป็นรายการเกี่ยวกับการนัดบอด ส่วนเธอทำงานเป็นนักปรุงน้ำหอม ของบริษัทเครื่องสำอาง ซึ่งมีชื่อเสียงในเมืองไทยมาหลายสิบปี และกำลังเปิดตัวน้ำหอม ที่ตั้งใจจะให้ครองใจผู้บริโภค อยากให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ออกไปจำหน่ายแล้ว เรียกสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท ตั้งจะพรีเซ้นต์แข่งกับแบรนด์น้ำหอมระดับโลก

ยอดชีวาได้รับหน้าที่มาปรุงน้ำหอม ที่ให้กลิ่นของผู้ชาย บุคลิกเคร่งขรึม แต่ทว่ามีความอ่อนโยนในตนเอง และกลิ่นของหญิงสาว ที่สดใสเริงร่า เธอได้รับโจทย์นี้มาจากเจ้านาย กำลังคิดกลิ่นว่าจะใช้กลิ่นแบบไหนดี โจทย์ของสาวน้อยผู้สดใสนั้น คิดไม่ยาก แต่กลิ่นของชายหนุ่มนี่สิหนอ...เธอก็ไม่ใช่ผู้ชายเสียด้วย

การร่ำเรียนจากสถาบันของเธอเกี่ยวกับการปรุงน้ำหอมนี้ ทำให้ยอดชีวากลายเป็นคนช่างจินตนาการ เพราะต้องดมกลิ่นและคัดสรร ปรุงแต่งออกมา ให้ได้ความหอมเฉพาะ เพื่อเวลาที่ผู้ได้กลิ่นหอมนี้แล้ว จะเกิดอารมณ์มีความสุข ชื่นชอบไปกับกลิ่นที่ได้รับ ยอดชีวาเรียนจบมาจากต่างประเทศ ในเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าเมืองแห่งน้ำหอมอย่างฝรั่งเศส บิดาของเธอทนการตื้อ ดื้อดึงจากลูกสาวยอดดวงใจเพียงคนเดียวอย่างเธอไม่ไหว จึงส่งเธอไปร่ำเรียนที่นั่น โดยยอดชีวาต้องฝึกงานกับทางบริษัทแล้วจึงได้เข้าร่ำเรียนวิชาการปรุงน้ำหอมจากบริษัทสอนการปรุงน้ำหอม หนึ่งในสองของฝรั่งเศส อย่าง IFF

เธอทำผลงานได้ดี จนได้รับข้อเสนอให้จดเซ็นสัญญากับบริษัท แต่ยอดชีวามีเรื่องที่ต้องเร่งกลับเมืองไทย ทิ้งความฝันไว้ที่ปารีส แม้ว่าการทำงานที่โน่นจะได้รับเงินมากกว่า และเธออาจจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ในฐานะนักปรุงน้ำหอมมือดี ที่มีบริษัทแฟชั่น เครื่องสำอางทั้งหลายชิงแย่งตัว ความฝันที่จะได้ทำงานกับแบรนน้ำหอมระดับโลก ไม่สำคัญเท่ากับอาการป่วยของบุพการีที่ทำให้เธอต้องกลับมาดูแล

ยอดชีวากำลังทดลองกลิ่นดอกไม้ไทยๆ ทำหัวน้ำหอมแบบง่ายๆ เพื่อนำไว้ใช้กับงานของเธอ ตอนนี้เธอกำลังคิดจะทำน้ำหอม มอบให้กับเพื่อนรักคนสนิทอย่างช่อชนิดาเป็นของขวัญวันเกิด อิมเมจสาวแกร่ง เก่งงาน ซุกซนนิดๆ เธอคิดจะใช้กลิ่นของดอกสายน้ำผึ้งเป็นกลิ่นหลัก ผสมด้วยกลิ่นมิ้นท์ และกลิ่นของไม้สน มันอาจจะเป็นน้ำหอมที่น่าสนใจขวดหนึ่งเลยก็ว่าได้นะ แต่เธอเก็บเป็นความลับไม่ให้เพื่อนสนิทรู้ เพราะอยากให้เซอร์ไพรส์

จริงสิ...กลิ่นของไม้สน อืม...มันจะเข้ากันได้ดีไหมนะกับกลิ่นกุหลาบ บางทีผู้ชายบุคลิกเย็นชา แต่อบอุ่น ก็น่าจะทดลองใช้กลิ่นพวกนี้ผสมกันดูนะ

ยอดชีวาคิดไปถึงงานที่ตนเองกำลังทำค้างอยู่ โจทย์นี้มีเวลาให้เธอคิดทำไปจนถึงสิ้นเดือน มันจะเป็นผลงานชิ้นแรกของเธอกับการทำงานในบริษัทแห่งนี้ และแน่นอนว่าถ้าเปิดตัวออกมาแล้วฮิตเปรี้ยงปร้าง เธอก็จะได้เซ็นสัญญาในค่าว่าจ้างที่เป็นอัตราที่น่าพอใจ

ถ้าเป็นเมื่อห้าปีก่อน เธออาจจะไม่คิดเรื่องเงินมากเท่ากับตอนนี้...

หญิงสาวถอนใจน้อยๆ ค่อยเก็บขวดโหลที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วลงตะกร้าใบใหญ่ ทำเบาๆ เพราะเกรงว่าเพื่อนรักจะตื่น นัยน์ตาสดใสมีแววหมองลง เมื่อนึกไปถึงบิดาของเธอ หัวเรี่ยวหัวแรงของบ้าน ตอนนี้ยอดชายกำลังเครียด และมีโรคประจำตัวเข้าแทรกแซง สุขภาพของท่านดูอ่อนแอลงไปมาก ยอดชีวาได้รับโทรศัพท์บอกเล่าอาการของท่านจากป้า นั่นทำให้เธอต้องเร่งกลับมา และรับรู้ว่าบิดานั้นกำลังมีปัญหาเรื่องภาระหนี้สิน

หนี้...มากมายมหาศาล ขนาดที่ว่าท่านต้องทำงานชดใช้ให้กับที่บริษัท แบบไม่เอาเงินเดือนเลยสักบาท ท่านต้องใช้เงินเก็บมาดำรงชีพและส่งเสียเธอที่ยังเรียนไม่จบ ยอดชีวาไม่เข้าใจว่า ทำไมยอดหนี้ถึงเป็นจำนวนเงินมากขนาดนั้น แล้วท่านไปทำอะไรไว้ ทำไมยอดชายถึงต้องยอมให้กับเจ้านายหน้าเลือด ที่ขูดเลือดขูดเนื้อขนาดนั้นก็ไม่ทราบได้ ดีที่ว่าเธอไม่ได้รบกวนท่านมากมายสักเท่าไหร่ ในการเรียนปีท้ายๆ เพราะสามารถทำงานหารายได้เล็กๆ น้อยๆ ได้เองบ้าง

สักวันเธอสาบานกับตนเองไว้ ว่าจะช่วยปลดหนี้ทั้งหมดให้กับบิดา เวลาเธอถามถึงสาเหตุ ท่านก็ได้แต่อ้อมๆ แอ้มๆ ไม่เคยตอบข้อสงสัยได้สักที ว่าตกลงแล้วท่านมีเรื่องอะไรกับเจ้านายกันแน่ คำบอกเล่าของบิดามีเพียงอย่างเดียว ที่บอกกับเธอซ้ำๆ บ่อยๆ

‘พ่อทำเรื่องไม่ดี พ่อทำความผิด ก็สมควรแล้วที่คุณทีปต์ลงโทษเอาแบบนี้’

‘ทำไมพ่อต้องยอมให้เขาลงโทษด้วยละคะ’ คำถามจากบุตรสาว ได้รับคำตอบกลับมาทุกครั้งเป็นรอยยิ้มเจื่อนๆ และนัยน์ตาสลดของบิดา

‘เอาเถอะ เอาเป็นว่าพ่อทำผิดพลาดไปก็แล้วกัน พ่อก็ต้องรับทุกอย่าง อย่างที่ลูกผู้ชายควรจะรับผิด พ่อต้องทำงานใช้หนี้ไปอีกนานนั่นล่ะ เบบี้ ไม่มีหน้าไปเรียกร้องของความกรุณาอะไร

ยอดชีวาจึงดีใจนัก ที่เธอได้รับคำตอบรับจากบริษัทเครื่องสำอางที่ไปสมัครงานไว้ ประสบการณ์ของเธอ ทำให้ผู้จัดการรับเธอเข้าทำงานอย่างไม่ลังเล และคาดหวังว่าจะได้รับสิ่งมหัศจรรย์ตอบ ยอดชีวาตั้งใจจะทำงานแรกของเธอให้ดีที่สุด ค่าจ้างของเธอจะได้ช่วยจุนเจือบิดาได้ด้วย

นึกๆ แล้วก็อยากเห็นหน้าเจ้านายของท่าน ทีปต์ ทีฆทัศน์นัก ว่าจะหน้าตาเป็นอย่างไร คนอะไรใจจืดใจดำ บิดาเธอทำงานให้มาตั้งกี่ปีกันนะ แล้วทำผิดอะไรนักหนาถึงได้คิดค่าเสียหายเป็นยอดหนี้จำนวนเป็นล้านแบบนั้น คนบ้าที่ไหนจะยอมก้มหน้าอดทนทำงานให้เขาได้นานขนาดนั้นจนกว่าหนี้จะหมดกัน เฮ้อ...แต่ก็ว่าไม่ได้ เพราะบิดาของเธอ ก็กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานโดยไม่เรียกร้องเงินทองสักบาท เพื่อเป็นการชดใช้หนี้สินระหว่างเขากับเจ้านาย

“ยัยเบบี้ ไม่เรียกกันเลย ปล่อยให้เรานอนจนน้ำลายจะยืด ทำงานเสร็จแล้วเหรอ?”

เสียงใสๆ บ่นดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้ง ตื่นขึ้นจากภวังค์ส่วนตัว ยอดชีวาหันไปย่นจมูกให้กับเพื่อนสนิท ที่งัวเงียขยี้ตา อย่างคนเมาหลับ

“เสร็จแล้วจ้ะ กำลังจะปลุกนี่แหละ หิวหรือยัง?”

“ถามอะไรไม่น่าถาม หิวสิยะ นี่รอคุณนายจนหลับเลย นั่งประดิษฐ์ประดอยเรียงดอกไม้ในขวด เรามองเพลินเสียจนหลับ ฝันด้วยล่ะของบอก เราดันฝันว่าเบบี้กลายเป็นนางอัปสร นั่งทำดอกไม้ทองอยู่บนอุทยานสวรรค์”

“แหม...ฝันดีจริงๆ”

ยอดชีวาหัวเราะคิก หน้าหวานแดงเรื่ออย่างเขินๆ เธออายได้น่ารักจนคนล้อเลียนอมยิ้ม เอื้อมมือหยิกแก้มเอาเบาๆ อย่างหมั่นไส้

“นี่แนะ หมั่นไส้ มาทำบิดเสียน่ารัก บอกตรงๆ เลยนะเบบี้ ตั้งแต่เราเห็นคนทำท่าเขินมานี่ เบบี้ทำได้น่ารัก น่าหยิกที่สุดล่ะ เราทำทีไร เหมือนเราดัดจริตทุกที ไอ้ท่าอายจนเขินนี่”

“หมดกัน อีฟ” ช่อชนิดาหัวเราะ ก่อนจะลุกขึ้นยืน พลางฉุดเพื่อนสาวให้ลุกตามเธอขึ้นมาด้วย

“ไปๆ เราอยากกินปูนึ่งอร่อยๆ เดี๋ยวจะพาไป บรรยากาศดีด้วยล่ะ เราเลี้ยงเองวันนี้ เงินเดือนเพิ่งออกล่ะ”

“นานๆ ทีอีฟเลี้ยง เราจะกินให้พุงกาง”

ช่อชนิดาเหลือบมองหน้าท้องของเพื่อน ที่แบนเรียบ ไร้ไขมัน ก่อนจะยักไหล่

“เป็นกุ้งแห้งแบบเบบี้น่ะ กินได้ไม่เกินตัวหรอก ไม่เปลืองๆ”

“ไม่เหมือนอีฟใช่ไหมละ”

คนพูดลดสายตามองบริเวณหน้าอกของเพื่อนสนิท ที่ค่อนข้างจะล้ำหน้าอยู่สักหน่อย ช่อชนิดาเป็นสาวลูกครึ่ง ผสมระหว่างอังกฤษและไทย หุ่นค่อนข้างจะไปทางมาตรฐานสาวฝรั่ง ไม่ได้ตัวเล็กบอบบางแบบเธอ รวมถึงนิสัยและการแต่งเนื้อแต่งตัวระหว่างสองสาว ก็ค่อนข้างจะแตกต่างกันคนล่ะขั้ว ยอดชีวาเป็นสาวหวาน ที่เป็นผู้หญิงไปทุกกระเบียด ส่วนช่อชนิดาเป็นหญิงสาวประเปรียว คล่องแคล่ว และบางทีค่อนข้างจะมีนิสัยผู้ชายในตัวค่อนข้างมาก ความห้าว ปากไว ทะลึ่งทะเล้น เจ้าหล่อนมีนิสัยพวกนี้อยู่ในตัวเต็มที่

“แน่นอน ของมันใหญ่ สะดุดสายตาชาย อิอิ ไม่เหมือนของเบบี้หรอก นี่หันหลังหรือหันหน้าให้เราอะ”

คำปรามาสนั่นเล่นเอาหญิงสาวหน้าแดง แล้วถลึงตาใส่เพื่อนสนิท ที่กำลังหัวเราะคิกๆ

“ใจร้าย”

“เราขอไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็ไปกันดีกว่า หิวมากๆ”

“ช่วยเราเอาพวกโหลแก้วนี้ไปเก็บหน่อย เราจะเอาไว้แถวๆ ตู้เก็บของข้างครัว แถวๆ นั้นอุณหภูมิกำลังดีเพราะมีแดดส่อง”

ช่อชนิดาช่วยเพื่อนรักหอบหิ้วเจ้าโหลแก้วบรรจุดอกไม้ เอาไปจัดเก็บเรียงไว้ให้เรียบร้อย เธอถามไปด้วยเพราะความอยากรู้ว่าต้องเก็บเจ้าดอกไม้พวกนี้ไว้นานสักเท่าไหร่ ถึงจะนำมาใช้ได้

“ก็ประมาณสี่ถึงห้าวันจ้ะ ถึงจะซับกลิ่นไว้หมด”

“หยดหนึ่งนี่คงมีค่ามากเลยเนาะ” เธอมองโหลแก้วบรรจุเหล่าดอกไม้หอม “แล้วเบบี้จะเอาทำอะไรล่ะ ถ้าได้หัวน้ำหอมมาแล้ว”

“เราจะลองเอามาปรุงเป็นน้ำหอมกลิ่นไทยๆ ดู อาจจะเอาลองผสมกับพวกกลิ่นอื่นดูด้วย ทำไว้เล่นๆ ระหว่างที่คิดโจทย์งานจากบอสน่ะ”

“กลิ่นแบบไหนหรือ?”

“กลิ่นแบบผู้ชายเย็นชา เคร่งขรึม แต่ทว่า อบอุ่น” สีหน้าของยอดชีวาดูจะเคลิ้มนิดๆ เมื่อเอ่ยประโยคต่อมา

“ชายที่มีบุคคลิกขัดแย้งกันในตัว ความอ่อนโยนที่สวมทับด้วยความเคร่งขรึม สงบ เฮดโน้ส กับกลิ่นเบสโน้ส จะต้องแตกต่างกัน แต่ต้องเป็นความแตกต่างที่ลงตัว”

“โอ...ดูจากหน้าของเบบี้แล้ว น้ำหอมกลิ่นนี้จะต้องคลาสสิคสุดๆ ไปเลยสิน่า แล้วผู้ชายที่ฉีดเจ้านี่เข้าไป จะต้องแบบว่า หล่อ ลึกลับ น่าค้นหา เพียงแค่ได้กลิ่น”

“แต่เรายังตีโจทย์ไม่ออก ว่าจะใช้กลิ่นแบบไหนดี ผสมกันออกมาแล้วยังไม่ได้ดั่งใจเลย กำหนดส่งงานใกล้เข้ามาแล้วด้วย งานแรกเราต้องทำให้ดี ให้เกิดไปเลย เพื่อพ่อ”

“อืม...”

มือของช่อชนิดา เอื้อมมาจับมือบางของเธอ ก่อนจะบีบเบาๆ รอยยิ้มให้กำลังใจที่ส่งมาจากเพื่อนสนิท ทำให้ยอดชีวาปลื้มเปรม กับความห่วงใยที่เธอสัมผัสได้จากรอยยิ้มและสายตาของเพื่อนรัก

“สู้ๆ นะเบบี้ เอาน่า...คนเราไม่มีใครดวงซวยไปตลอดหรอก เหมือนเราไง เราคงจะไม่ขึ้นคานไปตลอด อิอิ”

“ไหงวกมาเรื่องนี้ไปเสียละนั่น”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel