บทย่อ
ชีวิตที่ต้องพลิกผันไปเพราะมัน คนทรยศคนนั้น จากชายหนุ่มรูปงามราวกับเจ้าชาย ต้องกลับกลายเป็นน่าเกลียดราวอสูรร้ายเพียงข้ามคืน ทุกอย่างเกือบต้องพังทลาย เมื่อได้โอกาสที่จะแก้แค้นมัน มีหรือเขาจะปล่อยให้หลุดลอยไป เธอคือกุหลาบงามที่พลัดหลงเข้าไปในเงื้อมมือของอสูรร้าย เธอจะทำอย่างไรในเมื่อหัวใจกลับหลงรักผู้ชายที่เห็นเธอเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก เสียงเคาะประตูดังขึ้นทันที เล่นเอาเธอสะดุ้ง ยอดชีวารีบปิดไฟ ก่อนจะกระโจนขึ้นเตียงนอนแล้วคลุมโปง คนเคาะ เคาะดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เงียบเสียงไป หญิงสาวหลับตาปี๋ อกใจเต้นระทึกไปหมด คอยฟังเสียงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อ แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบลง ทำให้เธอถอนใจอย่างโล่งอก “เฮ้อ...” ประตูถูกเปิดเข้ามาเมื่อเธอเปิดโปงผ้าออก พร้อมกับไฟที่เปิดสว่าง ยอดชีวาที่ผมยุ่งเหยิงอยู่ใต้โปงผ้าห่ม ดูน่าขันนัก คนบุกรุกยืนกอดอก มองเธอด้วยสีหน้านิ่งๆ ตามแบบของเขา แต่นัยน์ตาเป็นประกายระยับ เมื่อเห็นท่าทางของเจ้าของห้อง “ทำไมไม่ลงไปกินข้าว” “ฉันปวดหัวค่ะ” เธอตอบ เมินหน้าไปทางอื่น เห็นหน้าเขาแล้วภาพระหว่างเขาและปริณาห์ ก็ฉายวาบขึ้นมาในมโนนึก ให้นึกขุ่นใจและน้อยใจจนแทบจะน้ำตาคลอ “ไหน...” ร่างสูงก้าวยาวๆ มาทรุดลงนั่งบนเตียงเธอ ก่อนจะเอื้อมมืออังหน้าผาก ยอดชีวาหน้าแดงเล็กน้อย แต่คงยังหน้างอ “ตัวไม่เห็นร้อน” “ปวดหัว ไม่จำเป็นต้องตัวร้อนนี่คะ” เธอตอบห้วน แล้วทำท่าจะนอนลง แต่คนตัวโตหน้าตายดึงเธอไปกอด เขาหัวเราะเบาๆ พลางกระซิบ “ปวดหัวการเมืองหรือเปล่า?” “ปวดหัวจริงๆ ค่ะ ฉันไม่พร้อมสำหรับอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกินข้าว หรือว่า...ทำ...ทำ...” เธออ้ำอึ้ง หน้านวลแดงก่ำ ก่อนจะหลับหูหลับตาพูดออกมา “ทำทายาทกับคุณ” “อ้อ...หึๆ เธอปวดหัว เธอไม่พร้อม แต่ฉันพร้อมนะ ฉันไม่ได้ปวดหัวด้วย แล้วเธอก็ไม่ต้องทำอะไรมาก นอนเฉยๆ ก็พอแล้ว” ว่าแล้วมือไม้จมูกปาก ก็ทำท่าจะมาวุ่นวายกับตัวเธอ ยอดชีวาปัดป้อง หยิกเขาอย่างโมโห ทีปต์เพียงหัวเราะ แล้วกอดเธอนิ่งไว้ เมื่อหยิกแล้วอีกฝ่ายไม่ปล่อย เธอก็เริ่มทุบเขาอั๊กๆ “พอใจหรือยัง หายหึงหรือยัง เบบี้” คำว่าหึง ทำให้ยอดชีวาหน้าแดงก่ำ เธอหายใจหอบเพราะเหนื่อย เนื่องจากออกแรงมาก หญิงสาวเลิกทุบทำร้ายเขา เธอซบหน้ากับอกกว้าง พลางบ่นอู้อี้ “ฉันไม่ได้หึง” “อย่างนั้นหรือ...ไม่หึงเลยสักนิด” “ฉันไม่มีสิทธิ์หึง ไม่มีสิทธิ์อะไรเลย ฉันก็แค่...” น้ำตาหยาดรินเมื่อเธอพูดประโยคสุดท้าย “เมียขัดดอก เครื่องผลิตทายาท” “เธอเป็นอะไรมากกว่านั้นนะ เบบี้” ริมฝีปากรุ่มร้อน ค่อยแตะแต้มมาแผ่วเบา ตามหน้าผาก นวลแก้มหอม แล้วเลยมาจนถึงริมฝีปากอิ่ม เธอไม่ได้ถามอะไรเขาอีก ทีปต์เองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ มือร้อนปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ด ทีละเม็ด แล้วค่อยเปลื้องเสื้อออกจากกายเธอ เขามองเรือนร่างเธออย่างชื่นชม ร่างงดงามราวกับรูปสลัก อ่อนนุ่มเหมือนไหม ทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้กอดและสัมผัส “อย่าน้อยใจ” เขาจูบละลงตามซอกคอหอมกรุ่น พึมพำเสียงทุ้ม เหมือนปลอบประโลม “อย่าเสียใจ อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่า เบบี้” “คุณทีปต์”
บทนำ
เอี๊ยด!
โครม!
เสียงเหล็กปะทะเหล็ก ดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เศษกระจกพุ่งกระจาย กระเด็นเข้าหาชายที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย แอร์แบ็คทำงานทันที ทว่าร่างของเขากลับพุ่งกระเด็นทะลุกระจกออกไป เพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย ร่างนั้นชนกับหน้ารถอีกคันหนึ่งอย่างแรง มันพุ่งปะทะเข้ากับกระจกหน้ารถคันนั้นอย่างจัง
เพล๊ง!
เจ็บ...เจ็บเหลือเกิน...
สำนึกสุดท้ายบอกเขาก่อนที่สติจะพร่าเลือนดับไป เลือดไหลทะลักอาบเต็มร่าง ใบหน้าส่วนหนึ่งถูกเศษกระจกบาดจนเหวอะหวะ เห็นเนื้อแดงๆ เปิดออกมา
ตูม!
มีเสียงระเบิดดังขึ้น เมื่อน้ำมันไหลจากรถคันที่ประสบอุบัติเหตุออกมาใต้ท้องรถ เกิดประกายไฟ ทุกอย่างสับสน โกลาหนไปหมด
มืด...มืด...เหลือเกิน...
เจ็บ...ปวด...เจ็บ...
สมองของเขาสับสน ไม่ปะติดปะต่อ นัยน์ตาค่อยลืมปรือขึ้น เห็นใครต่อใครมามุงดูตนเอง มาพูด มาถาม มาจับร่างกายของเขา แต่ทว่าเขาไม่อาจจะโต้ตอบได้ดังใจนึก ร่างกายเจ็บปวดจนเหลือจะประมาณ เลือดทะลักออกมาจากบาดแผลไหลราวน้ำพุ นอกจากใบหน้า ยังมีขาของเขาอีกที่มันปวดร้าวจนเจียนสิ้นสติ หรือว่าเขากำลังจะตาย...ถ้าเกิดตายไปเสีย มันก็คงจะไม่ทรมาน แต่ว่า...
ห่วงมารดา ห่วงคนรัก ห่วงครอบครัว ห่วงกิจการที่ปั้นมากับมือ...
ใจนั้นยังนึกห่วง ยังพะวง สับสนระหว่างความเป็นและความตาย เขาอยากจะตายเพราะอยากให้พ้นความทรมานที่กำลังเกิดกับร่างกาย แต่อีกใจหนึ่งยังไม่อยากดับสิ้น เพราะมีเรื่องราวอีกมากมายเหลือเกิน ที่เขายังต้องสานต่อ เขาต้องมีชีวิต...ใช่...เขาต้องอดทน และต้องมีชีวิตรอดต่อไป
เขาต้องไม่ตาย!
นัยน์ตาลืมเบิกขึ้นมาในทันที เขากะพริบตาปริบๆ แล้วก้มลงมองดูตนเองในชุดคนไข้ ก่อนจะสะบัดหน้าเบาๆ รู้สึกหนานักบริเวณใบหน้าซีกซ้าย เขายกมือขึ้นจับ มันไม่รู้สึกอะไรเพราะมีผ้าพันแผลพันไว้หนาเตอะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ชายหนุ่มคิดทบทวนกับตนเอง เสียงเคาะประตูดังขึ้น พยาบาลสาวสวยก้าวเข้ามาพร้อมกับนายแพทย์ที่ดูท่าทางใจดี เขาใจชื้นขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่าตนเองอยู่ในมือหมอแล้ว อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ตาย ทุกอย่างจะรักษาได้...
“คุณทีปต์ เราจะแกะผ้าพันแผลให้นะครับ เพื่อจะดูบาดแผลบนใบหน้าของคุณ ผิวหนังส่วนใหญ่...เอ่อ...เสียหาย เพราะทั้งโดนกระจกเฉือนและบาดแผลจากไฟไหม้ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ บางทีศัลยกรรมอาจจะช่วยได้”
“ครับ” เขารับคำอย่างงงๆ นางพยาบาลค่อยแกะผ้าพันแผลให้อย่างเบามือ เธอมีสีหน้านิ่งสงบ นัยน์ตาแฝงแววเห็นใจ ขณะที่ยื่นกระจกให้เขา
ทีปต์รับกระจกมา แล้วใช้มันส่องดูใบหน้าของตนเอง ก่อนจะตาเบิกโพลงอย่างตกใจเมื่อเห็นเงาสะท้อนจากกระจกนั่น
นั่นมันอสูรร้าย!
“ไม่! ไม่จริง”
เหงื่อของชายหนุ่มผุดขึ้นโทรมกาย แม้จะอยู่ในห้องที่ปรับอุณหภูมิโดยแอร์คอนดิชั่นเย็นฉ่ำ ตาของเขาเบิกกว้าง หัวใจเต้นกระหน่ำรัวเร็ว ทีปต์กำมือกับผ้าห่มที่ตกอยู่ตรงเอวแน่น เขาผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้จังหวะของหัวใจเต้นเป็นปรกติ
ฝันร้าย...
ฝันร้ายอีกแล้วสินะ...