ตอนที่ 6 เกิดอะไรขึ้น
ออกไปจากบ้านตั้งแต่วันนั้น ศรัณย์ยังไม่กลับมาค้างที่บ้านอีกเลย แม้ว่ามารดาจะโทรฯ ไปต่อว่าหลายครั้ง แต่เจ้าตัวยังคงดื้อดึง นั่นทำให้มีผลต่อความรู้สึกของลลิดา เธอนอนร้องไห้แทบทุกคืน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไร้ค่า เป็นที่น่ารังเกียจของสามี แต่ก็ไม่เคยรู้สึกโกรธหรือเกลียด เพราะหากเป็นเธอก็คงทำอย่างนี้เช่นกัน
ลลิดายังคงทำหน้าที่ศรีภรรยาได้เป็นอย่างดี เข้าครัวทำอาหารด้วยตนเอง แม้ว่าสามีจะไม่กลับเข้าบ้าน แต่เธอก็เตรียมชุดทำงานเอาไว้ในตู้อย่างเป็นระเบียบ หากรู้สึกท้อก็นึกถึงหน้าบิดามารดา และคำสั่งสอนของท่านให้ขึ้นใจ ว่าจะต้องเป็นสะใภ้และภรรยาที่ดี
กำลังจะเดินเข้าครัวแต่ก็ได้ยินเสียงคุณนายโฉมฉายทักเสียก่อน
“หนูดา”
“ค่ะคุณแม่”
“กำลังจะไปไหนเหรอจ๊ะ”
“ดากำลังจะเข้าไปในครัวค่ะ”
“ไม่ต้องทำเองหมดทุกอย่างก็ได้ ปล่อยให้เด็กมันทำบ้าง”
“ก็ช่วย ๆ กันค่ะคุณแม่”
“แล้วอยู่แต่ในบ้านอย่างนี้รู้สึกเบื่อบ้างไหม”
“ไม่เลยค่ะ ทำงานบ้านสนุกดี ดาชอบค่ะ” เธอยิ้ม
“แม่คิดไม่ผิดเลยจริง ๆ ที่เลือกหนูมาเป็นสะใภ้ ไอ้ลูกชายตัวดีของแม่มันโง่ ที่มองไม่เห็นเพชรเม็ดงามเม็ดนี้” เอ่ยถึงลูกชายแล้วก็รู้สึกโมโห อยากเอาไม้เรียวฟาดก้นซะให้หลาบจำ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ ดาเข้าใจดี คุณศรัณย์ยังคงไม่ชินกับชีวิตคู่”
“ถ้ามันไม่ยอมกลับบ้าน วันนี้หนูดาก็ไปหามันที่บริษัทเลยละกัน มันรู้จักแม่น้อยไป”
“จะดีเหรอคะคุณแม่ ดากลัวว่าคุณศรัณย์จะไม่พอใจเอา”
“ดีสิจ๊ะ นี่ก็ใกล้เที่ยงพอดีเลย หนูดาก็ทำข้าวเที่ยงไปส่งมันก็ได้ เดี๋ยวแม่จะให้คนขับรถไปส่ง หนูไปคนเดียวได้ใช่ไหม พอดีแม่ต้องไปต่างจังหวัดกับพ่อน่ะ อีกสองวันโน่นถึงจะกลับ”
“ไปได้ค่ะ” แม้จะลำบากใจแต่เธอก็ตอบตกลงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ถ้างั้นหนูเข้าครัวเถอะจ้ะ แม่เองก็จะขึ้นไปแต่งตัวเหมือนกัน”
“ค่ะคุณแม่ เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“ขอบใจจ้ะ” โฉมฉายยิ้มให้ลูกสะใภ้แล้วเดินขึ้นบันได ส่วนลลิดาก็รีบเดินเข้าครัว เพราะกลัวว่าจะไม่ทันเวลา
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
บริษัทโชติไพศาล
รถเบนซ์หรูขับมาจอดเทียบที่หน้าบริษัท ก่อนที่ประตูรถจะถูกเปิดด้วยมือของยามหน้าตึก ลลิดาก้าวเท้าลงจากรถด้วยความรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ ยืนถือกล่องอาหารมองไปที่ประตูทางเข้าบริษัท
“สวัสดีค่ะคุณดา”
“สวัสดีค่ะ” ลลิดารับไหว้อย่างงง ๆ เพราะไม่รู้ว่าเธอคือประชาสัมพันธ์สาวสวย ที่ได้รับคำสั่งจากโฉมฉายให้มาดูแลนั่นเอง
“คุณโฉมฉายให้หนูมาคอยดูแลคุณดาค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
“อ๋อ ขอบคุณค่ะ” ได้ยินอย่างนั้นเจ้าหล่อนก็รู้สึกโล่งใจ ที่อย่างน้อยก็มีคนคอยนำทางให้
............
ทุกย่างก้าวที่เดินเข้ามาในออฟฟิศ ลลิดาต้องตกเป็นเป้าสายตาของพนักงานเกือบทุกคน ซึ่งต่างก็ซุบซิบนินทากันถึงเรื่องที่เธอแต่งงานเพื่อชดใช้หนี้ มองเธอในแง่ลบกันเสียเป็นส่วนใหญ่
“นี่คือห้องทำงานของคุณศรัณย์ค่ะ”
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง คุณกลับไปทำงานต่อเถอะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรเรียกใช้หนูได้ตลอดเวลา”
“ค่ะ”
กำลังจะเอื้อมมือไปเคาะประตู แต่ทว่าเพลงดาวรีบเดินเข้ามาขวางไว้เสียก่อน แสดงสีหน้าไม่เป็นมิตร มองผู้มาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูหมิ่นดูแคลน ยิ้มมุมปากอย่างน่าหมั่นไส้
“มีธุระอะไรกับบอสมิทราบ”
“ฉันจะเอาอาหารเที่ยงมาให้คุณศรัณย์ค่ะ”
“วันนี้บอสจะออกไปทานข้าวข้างนอก คุณเอากลับไปซะเถอะ”
“แต่ถึงยังไงฉันก็ต้องเอาเข้าไปให้คุณศรัณย์อยู่ดี หลีกทางด้วยค่ะ” ลลิดาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอผู้นี้ถึงได้เสียมารยาทนัก ทั้งที่เป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งเท่านั้นเอง เจ้าหล่อนพยายามเดินเลี่ยงไปแต่ทว่าเพลงดาวกลับไม่ยอม
“ก็บอกว่าไม่ให้เข้ายังไงล่ะ” เพลงดาวพยายามห้ามแต่ลลิดาไม่ยอม จึงเกิดการฉุดกระชากลากดึง ทำให้กล่องข้าวที่อยู่ในมือลลิดาหล่นลงพื้น จนอาหารที่อยู่ในนั้นหล่นกระจุยกระจาย
“เกิดอะไรขึ้น!” ศรัณย์เดินออกมาจากห้องพอดี เมื่อเห็นหน้าภรรยาก็ตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าเธอจะตามมาถึงที่นี่ มองลงไปที่พื้นก็พบกับเศษอาหารเกลื่อนอยู่