บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ใจร้าย

เปลือกตาสวยขยับก่อนจะเปิดขึ้นช้า ๆ หลังจากตื่นนอนในเช้าวันใหม่ แม้จะไม่คุ้นชินกับสถานที่ แต่ด้วยความอ่อนเพลียทำให้ลลิดานอนหลับได้อย่างสนิท กำลังจะลุกขึ้นแต่รู้สึกเหมือนตัวหนัก ๆ จึงมองมาที่เนินอกตนเอง พบว่ามีมือปริศนาวางพาดทับอยู่

“ว้าย!” เจ้าหล่อนอุทานเสียงดัง จนทำให้ชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกันรู้สึกตัว แต่ทว่าเขากลับยิ่งกอดเธอเอาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“ปล่อยนะคะคุณศรัณย์”

“อืม...นอนต่ออีกนิดนึงน่า” ศรัณย์ยังคงงัวเงีย ไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ทำอะไรลงไปบ้าง

“ฉันจะรีบไปอาบน้ำแล้ว” เธอพยายามแกะมือเขาออก ดวงหน้าสวยร้อนผ่าวเมื่อมือหนาลูบวนที่เนินอกคู่งาม ราวกับเธอเป็นหมอนข้างให้กับเขาเสียอย่างนั้น

“เอ๊ะ! ทำไมหมอนข้างฉันมันนูน ๆ ต่ำ ๆ อย่างนี้ แถมยังพูดได้อีก” ศรัณย์หายจากอาการงัวเงีย เปิดเปลือกตาขึ้นมาในทันที พบว่าตอนนี้ตัวเองกำลังจับหน้าของฝ่ายหญิงอยู่ จึงรีบถอนมือออกมาทันที แล้วดึงผ้าห่มมาปิดที่ช่วงล่าง กลัวว่าเธอจะเห็นบางอย่างที่กำลังตื่นตัว

“เฮ้ย!”

“ฉันขอตัวนะคะ” ลลิดาก้มหน้างุดแล้วรีบลงไปจากเตียง หยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้ศรัณย์นอนเอามือปิดหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกผิด

“นี่กูทำอะไรลงไปวะเนี่ย” ชายหนุ่มนึกโทษตัวเอง ลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่เป้ากางเกง มันตุงจนเกือบจะทะลุเป้ากางเกงตัวน้อยออกมา “มึงก็เหลือเกินจะคึกไปไหนวะ” ศรัณย์บ่นให้ส่วนที่อ่อนไหวของตัวเอง ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ ออกมา

..........

อาหารเช้ามื้อแรกของลลิดาในบ้านหลังใหม่ ทำให้เธอรู้สึกเกร็ง ๆ แต่ก็พยายามยิ้มและพูดคุยกับทุกคนทำตัวให้เป็นปกติ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าสามีไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าเธอสักเท่าไหร่

“เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหมหนูดา” อลงกรณ์ซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยถามลูกสะใภ้

“นอนหลับสบายดีค่ะ” เธอยิ้ม

“แล้วไอ้ลูกชายของแม่ มันทำอะไรให้หนูไม่สบายใจหรือเปล่า” โฉมฉายถามต่อ

ได้ยินอย่างนั้นเจ้าหล่อนก็เหลือบตาไปมองคนที่นั่งข้างกัน ศรัณย์เองก็มองมาที่เธอแวบหนึ่งแล้วทานอาหารต่อ ทำทีไม่สนใจ

“ไม่ค่ะ”

“จริงนะ” ดูเหมือนโฉมฉายจะไม่เชื่อ

“จริงค่ะคุณแม่”

“นี่คุณแม่จะคาดคั้นให้ผมผิดให้ได้ใช่ไหม ผมไม่ทำอะไรหรอกน่า เพราะรู้ดีว่าถ้าทำอะไรให้ลูกสะใภ้คนโปรดของคุณแม่ไม่พอใจ มีหวังโดนด่าจนหูชาแน่”

“คิดได้อย่างนี้ก็ดี ตอนนี้น้องเป็นเมียแกแล้ว คนเป็นผัวเมียกันก็ต้องช่วยเหลือดูแลกันให้มาก ๆ เข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้วครับ”

“แล้วไอ้พฤติกรรมที่ออกไปเที่ยวกลางคืน ให้หยุดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

“โธ่! คุณแม่ครับ ผมหยุดไม่ได้หรอก คุณแม่ก็รู้ว่าผมมีสังคม จะให้มาอยู่แต่กับบ้านเฉย ๆ อกแตกตายกันพอดี” ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะทำให้ศรัณย์เป็นเดือดเป็นร้อนมากกว่า เพราะการออกไปท่องราตรีมันคือชีวิตของเขาไปแล้ว

“ถ้าแกกล้าก็ลองดู ถ้ากลับบ้านหลังสี่ทุ่มฉันจะล็อกไม่ให้เขาบ้านเลยคอยดู”

“ไม่เป็นไรผมไปนอนที่อื่นก็ได้”

“เฮ้อ ฉันล่ะเบื่อจะเถียงกับแกซะเหลือเกิน”

“เอาเถอะน่าคุณ จะให้หักดิบเลยมันก็ใจร้ายเกินไป ค่อย ๆ ให้ลูกมันปรับตัวละกัน เรื่องแบบนี้ผู้หญิงไม่มีวันเข้าใจหรอก”

“ใช่สิ สมัยหนุ่ม ๆ คุณก็เป็นอย่างนี้นี่นา ให้ท้ายกันเข้าไป สักวันมันจะพาลูกสะใภ้ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาให้คุณ” โฉมฉายกล่าวอย่างใส่อารมณ์

อลงกรณ์ได้แต่เงียบไม่กล้าต่อปากต่อคำ ทำเป็นทานอาหารไม่สนใจ ลลิดานั่งฟังคนบ้านนี้เถียงอย่างเงียบ ๆ แอบคิดในใจว่านิสัยของศรัณย์ ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อไม่ผิดเพี้ยนเลยสักนิดเดียว

“ตาศรัณย์ตักกับข้าวให้น้องหน่อยสิ”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ ดาตักเองได้ค่ะ”

“ได้ยินแล้วใช่ไหมครับคุณแม่” ศรัณย์ทำหน้านิ่ง เหล่ตามองเธออย่างไม่สบอารมณ์

“ตักเดี๋ยวนี้” คนเป็นแม่ถลึงตาใส่ลูกชาย ศรัณย์จึงหยิบช้อนกลางตักปลาแซลมอนให้ภรรยา เพื่อตัดรำคาญ

“กินซะจะได้ฉลาด ๆ”

“ตาศรัณย์! ทำไมพูดกับน้องแบบนี้”

“ทำไมครับคุณแม่ แต่เอ๊ะ! คงไม่ต้องกินปลาก็ฉลาดแล้วล่ะ แต่งงานแลกหนี้ แถมยังได้ค่าสินสอดให้พ่อแม่ไปตั้งตัว คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม”

ได้ยินอย่างนั้นลลิดาจึงหันขวับมามองหน้าเขา แววตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่คนพูดนั้นกลับทำหน้านิ่ง ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

“กล้าพูดอย่างนี้ได้ยังไงกัน ขอโทษน้องเดี๋ยวนี้เลย” โฉมฉายลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชี้หน้าลูกชายด้วยความโมโห เธอไม่เคยสอนให้ลูกชายพูดจาดูถูกคนอื่นอย่างนี้มาก่อน

“มะ...ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ สิ่งที่คุณศรัณย์พูดมามันคือเรื่องจริงทั้งนั้น ดาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ แต่ทว่าใบหน้าสวยยังคงฝืนยิ้มให้ทุกคนเห็น

“เห็นไหมล่ะเจ้าตัวยังไม่เดือดร้อนอะไรเลย ที่ผมไม่พูดเรื่องนี้ในงานแต่งก็บุญเท่าไหร่แล้ว คุณแม่ก็รู้ว่าผมยังไม่อยากแต่งงาน ผมยังสนุกกับชีวิตโสด แต่คุณแม่ก็บังคับ เอาผู้หญิงหิวเงินมาประเคนให้ผม คิดเหรอว่าผมจะยอมแตะเนื้อต้องตัวเธอ ไม่มีวันซะหรอก” ศรัณย์พูดความในใจออกมาจนหมดเปลือก ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปจากตรงนั้น

ตอนนี้บนโต๊ะอาหารมีแต่ความเงียบงัน ลลิดานั่งก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้คนในบ้านทะเลาะกัน หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจไหลหลั่งลงมา ทำให้รู้สึกคิดถึงบิดามารดาที่เชียงใหม่จับใจ

โฉมฉายเดินอ้อมไปนั่งลงข้างลูกสะใภ้ กุมมือเพื่อปลอบใจ “แม่ขอโทษแทนศรัณย์ด้วยนะลูก อย่าไปถือสาคนที่โตแต่ตัวอย่างนั้นเลยนะจ๊ะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฮึก...ดาเข้าใจ”

“ไม่ร้องนะลูก แม่สัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นอีกแน่นอน” โฉมฉายสวมกอดลูกสะใภ้เพื่อปลอบใจ เธอรู้สึกผิดที่บังคับลูกชายตัวเองไม่ได้ และรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ผู้หญิงแสนดีอย่างลลิดาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel