ตอนที่ 3 วิวาห์ไร้รัก
“จะไปไหนก็ไป”
ลลิดาเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ก่อนจะพยายามถอดชุดเจ้าสาว แต่ทว่าเธอกลับไม่สามารถรูดซิปด้านหลังได้ พยายามอยู่นานจนคิดว่าต้องมีใครสักคนช่วย
“ทำไมมันถอดยากถอดเย็นอย่างนี้นะ เฮ้อ! คงไม่มีทางเลือกแล้วสินะ” ว่าแล้วก็เดินออกไปจากห้องแต่งตัว เพื่อให้เจ้าบ่าวช่วยรูดซิปลงให้
เดินออกมาแล้วลลิดาก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ส่งเสียงกรี๊ดเมื่อเห็นศรัณย์ยืนเปลือยกายล่อนจ้อนอยู่กลางห้อง
“กรี๊ด!”
“เหี้ย!”
เจ้าหล่อนยกมือขึ้นมาปิดตา ส่วนศรัณย์รีบหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพันรอบเอวไว้ แม้ว่าเขาจะเคยแก้ผ้าต่อหน้าผู้หญิงมานักต่อนัก แต่ทว่ากับเธอคนนี้รู้สึกอายขึ้นมาซะดื้อ ๆ
“เป็นบ้าอะไรจู่ ๆ ก็เดินออกมา”
“ฉันจะให้คุณช่วยรูดซิปด้านหลังให้ค่ะ ฉันรูดเองไม่ได้” เธออธิบายแต่ยังไม่ยอมลดมือลง
“เอามือลงได้แล้ว”
เจ้าหล่อนค่อย ๆ ลดมือลง เปิดเปลือกตาสวยขึ้นอย่างช้า ๆ พบว่าตอนนี้ศรัณย์ยืนเท้าสะเอวโดยมีผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวไว้แล้ว
“ฉันขอโทษค่ะ”
“ช่างมันเถอะ จะให้ช่วยรูดซิปไม่ใช่เหรอ หันหลังมาสิ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น บ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี
ลลิดาเดินเข้าไปใกล้แล้วหันหลังให้ชายหนุ่ม มือทั้งสองข้างกอดที่โครงเสื้อเอาไว้เพื่อกันไม่ให้หลุด
ศรัณย์เอื้อมมือไปจับที่ซิปอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ทว่าเมื่อรูดลงเรื่อย ๆ เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียน ความคิดด้านมืดก็ผุดขึ้นในหัวทันที เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ สายตาคมจ้องมองแผ่นหลังขาวเนียนอย่างตั้งใจ ลืมตัวไปว่าตอนนี้ซิปถูกรูดลงจนสุดแล้ว
“คุณศรัณย์คะเสร็จหรือยัง”
“....”
“คุณศรัณย์คะ”
“สะ...เสร็จแล้ว” เสียงหวานทำให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ รีบละมือลงมาทันที
“ขอบคุณค่ะ” ลลิดากล่าวคำขอบคุณแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัว
ด้วยความที่ศรัณย์เป็นหนุ่มนักรัก เป็นเสือผู้หญิงตัวพ่อ จนใครต่างก็ตั้งฉายาให้เป็นคาสโนวาแห่งวงการไฮโซ ทำให้ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกมีอารมณ์เมื่อได้เห็นส่วนที่งดงามของสตรี แต่เจ้าตัวตั้งปณิธานเอาไว้ ว่าจะไม่แตะเนื้อต้องผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด จะทำให้เธอรู้สึกไม่มีค่า เป็นฝ่ายขอหย่า และออกไปจากบ้านหลังนี้ด้วยตัวเอง โดยที่เขาจะได้ไม่ต้องโดนมารดาต่อว่า
“มึงต้องอดทนให้มาก ๆ ผู้หญิงคนนี้เข้ามาเพราะเงิน ทำลายชีวิตโสดมึงไม่เหลือชิ้นดี มึงจะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเธอเด็ดขาด” ศรัณย์สัญญากับตัวเองเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
...........
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ลลิดาก็เดินตรงมาที่เตียงนอน เห็นศรัณย์กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ก่อนแล้ว เธอยกมือขึ้นไปลูบที่หลังคอเบา ๆ เพราะยังไม่รู้ว่าจะต้องนอนตรงไหนยังไงบ้าง
“จะให้ฉันนอนตรงไหนคะ”
“อยากจะนอนตรงไหนก็นอน ขอแค่อยู่ภายในห้องนี้ก็พอ” เขาเอ่ยทั้งที่ยังวางสายตาไว้ที่หน้าจอ ทำเป็นไม่สนใจเธอ
“โอเคค่ะ” เธอกล่าวแล้วเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว เปิดตู้เพื่อนำชุดเครื่องนอนสำรอง หอบมาวางไว้ที่ข้างเตียง
ทำการปูที่นอนจนเสร็จแล้วหันไปมองเขาอีกครั้ง พบว่าอีกฝ่ายยังคงไม่สนใจ จึงเอนหลังลงนอน พยายามข่มตาให้หลับ จะได้ไม่รู้สึกอึดอัดไปมากกว่านี้
ศรัณย์วางมือถือไว้ที่โต๊ะข้างเตียง เอียงหน้ามามองที่ว่างข้างตัวพบเพียงความว่างเปล่า จึงลุกขึ้นนั่งกวาดสายตามองไปรอบห้อง แต่ก็ไม่พบตัว จึงคิดว่าเธอไม่ยอมเชื่อฟัง หอบผ้าหอบผ่อนออกไปนอนนอกห้อง และนั่นจะทำให้เขาโดนมารดาบ่นให้
“ก็บอกแล้วว่าไม่ให้ไปนอนข้างนอก ถ้าเจอตัวโดนดีแน่” ศรัณย์บ่นเบา ๆ แล้วเดินออกไปนอกห้องโดยไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าหล่อนได้นอนอยู่ข้างเตียง
ศรัณย์เดินหาจนทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบเธอเลย ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิด อารมณ์เสีย ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ กลับเข้ามาในห้อง มองไปที่เตียงก็สะดุดตากับอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างเตียง
“ดา!”
ตอนนี้ลลิดานอนหลับไปแล้ว เห็นอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ จ้องมองเธอด้วยแววตาที่เดือดดาล ราวกับจะฆ่าเสียให้ได้ เดินตรงเข้าไปอุ้มเธอขึ้นในท่าเจ้าสาว แล้ววางลงบนเตียง
“ต่อไปนี้เธอต้องมานอนบนเตียงกับฉัน จะได้มั่นใจว่าไม่ไปนอนที่อื่น”
เขายืนมองเธอด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น แต่ทว่าใบหน้าเรียวรูปไข่ ผิวขาวเนียนชวนสัมผัส ริมฝีปากชมพูระเรื่อน่าจูบ เนินอกที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อยืดตัวโคร่ง นั่นทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เกิดความคิดที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ศรัณย์ถึงกับกุมขมับ เพราะห้ามความต้องการของตัวเองไม่ได้
“มึงต้องทนให้ได้นะไอ้ศรัณย์ ต้องทนให้ได้” ชายหนุ่มพรูลมออกจากปาก ก่อนจะตามขึ้นไปนอนบนเตียง จากนั้นนำหมอนข้างมากั้นกลางเอาไว้ กลัวว่าหากเผลอไปแตะส่วนใดส่วนหนึ่งของเธอเข้า จะทำให้อดใจไม่ไหว เผลอทำอะไรลงไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้