บทที่ 4 ของขวัญวันเกิด 1.1
มารุตมั่นใจเพราะเขาเห็นพิตตนันท์มาตั้งแต่เด็ก แม้จะไม่สนิทสนมและเห็นหน้ากันทุกวัน หากแต่เธอไม่เคยสุงสิงกับผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ ที่เห็นสนิทสนมมากที่สุดคือไกรวิน ลูกชายเจ้าของสวนมะม่วงและสวนผลไม้นานาชนิด ที่อยู่ละแวกนั้น
“นายพูดสรรพคุณซะขนาดนี้ ชักอยากพิสูจน์ซะแล้วสิ ว่าจะสะอาดจริงหรือเปล่า?”
“นายก็ลองเข้าไปพิสูจน์สิ..รับรองว่านายต้องชอบ”
มารุตพูดอย่างรู้ใจเพื่อน การสนทนาของชายหนุ่มทั้งสองยุติลง เมื่อร่างของนภัสสรเดินเข้ามาใกล้และทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวยาว ตัวเดียวกับเจ้าของงาน
“คุยอะไรกันอยู่คะ?” เสียงหวานเอ่ยถาม
“คุยเรื่องทั่วไปน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” มารุตเป็นฝ่ายตอบ
“ไปเต้นรำกันดีกว่าค่ะ อากาศวันนี้ดี ดนตรีก็ไพเราะ” นภัสสรฉุดมือของชายหนุ่ม ทำให้กัณติพัฒน์จำใจลุกเดินไปที่ริมสระน้ำ ที่มีคู่เต้นรำคู่อื่นคลอเคลียกันอยู่
พิตตนันท์ที่ถูกพาตัวมาที่ห้องๆ หนึ่ง ที่กว้างกว่าบ้านเก่าซอมซ่อของเธอมากนัก เตียงหนานุ่มสปริงตัวรับน้ำหนักเวลาที่ล้มตัวลงนอน เฟอร์นิเจอร์และเครื่องอำนวยความสะดวก ล้วนแต่ราคาแพงทั้งสิ้น มันแพงจนเธอไม่อยากแตะต้อง เพราะกลัวว่าของชิ้นนั้นจะเสียหาย มารุตพาเธอมาที่นี่ตั้งแต่ห้าโมงเย็น โดยที่ยังไม่มีใครมา มีแต่เจ้าหน้าที่ของโรงแรมหรูจัดเตรียมสถานที่ฉลองวันเกิดที่นอกระเบียง และมีลูกน้องของเจ้าของงานวันเกิดดูแลความเรียบร้อยอีกสองคนเท่านั้น
มารุตให้เธอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่กลางเก่ากลางใหม่ของเธอออก สวมเพียงเสื้อคลุมสีชมพูอ่อนเพียงตัวเดียว โดยที่ข้างในไม่ได้สวมใส่อะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
“อย่าลืมว่าเธอเป็นของขวัญวันเกิดของเพื่อนฉันและต้องพร้อมสำหรับเพื่อนของฉันเสมอ”
เป็นคำพูดของมารุตที่พูดกับเธอ เมื่อพิตตนันท์ค้านที่จะใส่เสื้อผ้าที่ใส่มา แต่เมื่อได้ฟังวาจาที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากเรียวปากของชายหนุ่ม ทำให้เธอต้องยอมทำตามทันที
หญิงสาวมาหยุดยืนที่กระจกใสริมห้อง ที่ติดกับสระว่ายน้ำ แง้มผ้าม่านสีทึบออกเพียงนิด เพื่อมองงานปาร์ตี้ของคนร่ำรวยว่าเขาสนุกกันมากเพียงใด โดยที่ไม่มีใครสามารถเห็นเธอได้ เนื่องจากภายในห้องนอนของกัณติพัฒน์ปิดไฟสนิท มีเพียงไฟดวงเล็กจากหัวเตียงเท่านั้น
ดวงตาคู่หวานกวาดไปทั่วบริเวณ หญิงชายหลายสิบคนหน้าตาดีและแต่งกายเยี่ยม นั่งบ้าง ยืนบ้างและเต้นรำกันบ้าง กระจัดกระจายอยู่ตามริมสระน้ำขนาดใหญ่ และตามเก้าอี้ที่เจ้าของงานจัดเตรียมไว้ให้ สายตาคู่สวยหยุดนิ่งที่ร่างของชายคนหนึ่ง ตะคองกอดร่างของหญิงสาวที่สวยงาม ทรวดทรงที่ดึงดูดเพศชายให้เหลียวมอง แม้แต่เธอยังลอบกลืนน้ำลาย เมื่อเห็นผู้หญิงคนนั้นสวมชุดที่อวดสรีระสวยงาม
ผู้ชายที่เธอเห็นรูปร่างสูงใหญ่ กะจากสายตาน่าจะสูงเกิน 190 เซนติเมตร ซึ่งมีความสูงมากกว่าเธอถึงสามสิบเซนติเมตร ดวงตาของเขาแม้มองในระยะไกล ช่างเฉียบคมบาดลึกเข้าไปในความรู้สึก หากเธอได้จับจ้องเพียงใกล้คงทำให้เธอคลั่งไคล้เป็นแน่ เจ้าของใบหน้าที่เฉียบคมรู้สึกได้ว่า เหมือนมีคนจ้องมองเขาอยู่ จึงหันไปที่ห้องนอนของเขา ทำให้พิตตนันท์ต้องรีบปิดม่านทันทีเช่นกัน เมื่อเขาเบนสายตามาทางนี้
“เกือบไปแล้ว” หญิงสาวบ่นอยู่คนเดียว ก่อนจะเดินฝ่าแสงสลัวมานั่งที่ริมเตียง เพื่อรอคอยให้เจ้าของวันเกิดมาเชือดเธอเมื่องานเลิก มือบางประสานกันแน่น ข่มอารมณ์แห่งความเสียใจและทุกข์ใจไว้ภายใน คิดถึงแต่ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของยาย ความสาวที่เธอรักษาไว้ ต้องมลายหายไป เพื่อแลกกับชีวิตของยาย ถือว่าคุ้มกับการสูญเสียสิ่งมีค่านั้น
“ท่องเอาไว้ต้นข้าว ท่องเอาไว้..เพื่อยาย..เพื่อยาย”
สาวน้อยท่องประโยคนี้ซ้ำมาซ้ำไป ราวกับว่าจะให้ประโยคนี้แทรกซึมเข้าไปในสมอง แม้ว่าชายคนนั้นจะเป็นอย่างไร กับร่างกายของเธอ มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องท่องจำไว้ในใจคือคำว่าอดทน ในความรู้สึกเพียงเสี้ยววินาที พิตตนันท์อยากให้เจ้าของวันเกิดนั้น เป็นชายที่เต้นรำอยู่ริมสระ เป็นชายที่เธอลอบมองเมื่อครู่คนนั้นจริงๆ
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เพื่อนสนิทและเพื่อนที่ไม่สนิท เริ่มทยอยกลับเมื่อเวลาล่วงเลยมากว่าเที่ยงคืนแล้ว เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังติดลมกับการพูดคุยอยู่บ้าง
“คุณกัน..คืนนี้ปายอยู่กับคุณไม่ได้นะคะ พี่อ้อโทรฯ มาว่าหกโมงเช้าปายต้องเดินทางไปเชียงใหม่ คุณไม่โกรธปายนะ”
นภัสสรโอบกอดร่างหนาอย่างเอาใจ เธอหมายมั่นว่าคืนนี้จะอยู่กับเขาทั้งคืน ตามที่ตกลงกันไว้ หากแต่รุจิราผู้จัดการสาว โทรฯ มาบอกว่าพรุ่งนี้มีงานด่วนที่ปฏิเสธไม่ได้ และได้ค่าตัวเกือบห้าแสนจากการเดินทางไปเชียงใหม่ ด้วยเครื่องบินเล็กที่เจ้าของงานจัดเตรียมไว้ให้
“ไม่หรอกผมเข้าใจ คุณเป็นคนดังนี่”
“ปายไปก่อนนะคะ..แล้วเจอกันอีกสามวัน”
นภัสสรจูบที่แก้มสากของชายหนุ่มเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องของกัณติพัฒน์ โดยมีบำรุงขับรถไปส่งนางเอกสาวที่บ้าน ตามคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม
“เห็นทีฉันต้องกลับเหมือนกันนะ พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า” มารุตตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ ก่อนจะเดินผ่านร่างของเพื่อนรัก
“อ้อ!!..อย่าลืมพิสูจน์ของขวัญวันเกิดของฉันนะ”
มารุตพูดพร้อมรอยยิ้ม และเดินออกไปจากห้องของเพื่อนรักทันที กัณติพัฒน์จึงเดินเข้าไปในห้องนอนของเขา เพื่อพิสูจน์ของขวัญที่มารุตมอบให้ โดยปล่อยให้จักรดูแลความเรียบร้อยส่วนที่เหลือแทน
บานประตูห้องนอนถูกเปิดออกกว้าง ภายในห้องค่อนข้างมืด มีเพียงแสงไฟดวงเล็กที่อยู่หัวเตียง ส่องแสงให้เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง นอนหันหลังให้เขา ดูท่าทางเธอจะหลับสนิทไม่รู้การมาของเขา ชายหนุ่มเอื้อมมือกดเปิดแผงไฟที่อยู่ข้างฝาผนัง เพียงอึดใจเดียวแสงไฟก็สว่างไสวมองเห็นทุกอย่างที่อยู่ในห้องอย่างชัดเจน
กัณติพัฒน์ไม่ได้เดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นอนหลับใหลบนเตียง หากแต่เขาเดินเลยผ่านไปยังห้องน้ำ เพราะสิ่งแรกที่เขาอยากทำคือชำระล้างร่างกาย ยี่สิบนาทีต่อมาร่างหนาที่มีหยดน้ำเกาะพราวตามร่างกาย เดินออกมาจากห้องน้ำ โดยมีผ้าขนหนูพันกายเพียงตัวเดียว ชายหนุ่มใช้ผ้าเช็ดตัวอีกผืนเช็ดน้ำที่เกาะอยู่ตามร่างกายจนแห้ง และเดินมาหยุดนิ่งที่ริมเตียง มองร่างบางที่หลับใหลอย่างเป็นสุขบนเตียงกว้าง ราวกับว่าเธอเป็นเจ้าของ
ชายหนุ่มทอดกายลงนอนเคียงข้างหญิงสาว ใช้ฝ่ามือลูบไปที่แก้มเนียนใสของเธอเบาๆ ความสวยงามที่ได้เห็นเพียงเสี้ยวใบหน้า ทำให้ชายหนุ่มสำนึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนสวย ผิวเนื้อที่แก้มใสนุ่มนิ่ม น่าสัมผัสยิ่งนัก และเขาไม่รั้งรอที่จะสัมผัสแก้มนั้น ปลายจมูกโด่งสูดดมความหอมจากแก้มใสเข้าไปเต็มปอด มันช่างหอมหวานซึ้งเข้าไปในจิตใจจริงๆ หอมกว่าผู้หญิงที่ผ่านมา หอมกว่าน้ำหอมราคาแพงของหญิงหลายคน
“หอมจัง” เขาพูดเมื่อสูดดมความหอมจนพอใจ ลอบยิ้มเมื่อเจ้าของใบหน้าหวานสวยไม่รู้เรื่องเลยว่าถูกชายแปลกหน้าสูดดมความหอมจากแก้มเนียนหลายครั้ง ฝ่ามือของกัณติพัฒน์วางลงบนลำแขนเรียวเล็ก ลูบไล้ไปมาภายใต้ชุดคลุมสีชมพูอ่อน จากนั้นได้เลื่อนต่ำลงมาตามปลีน่อง ต่ำลงจนถึงชายชุดคลุม และสอดมือเข้าไปภายในเพื่อลูบไล้เนื้อแท้ของหญิงสาวผู้หลับใหล