บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๓ คนที่ไม่เคยลืม

“จะ...จะทำอะไร?” หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว เสียงรองเท้าหนังที่ขัดมันอย่างดีของมาธัสดังกระทบกับพื้นกระเบื้องเหมือนกับเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแรงในตอนนี้

“ตอนนี้กลัวแล้วเหรอ ตอนแรกยังใจกล้าปากดีกับพี่อยู่เลย” เขาสาวเท้าเดินตามร่างบางที่กำลังเดินถอยหลังออกห่าง สายตาของกิ่งฟ้ากำลังมองหาทางรอดให้กับตัวเอง

“ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคุณอีก เราไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องพูดคุยกัน ตอนนี้ฉันมีคู่หมั้นเป็นหลานของคุณนะอย่าลืม” อยู่ ๆ เธอก็หาข้ออ้างหวังให้เขาเปลี่ยนใจไปจากที่แห่งนี้

แต่มันกลับตรงกันข้ามรอยยิ้มบนริมฝีปากหยักได้รูปของเขานั้นหายไปแล้ว สองคิ้วดกดำกำลังขมวดเข้าหากันสายตาที่จ้องมองมาที่เธอนั้นดุดัน ช่างน่ากลัว!! น่ากลัวกว่าเมื่อครู่เสียอีก!!

“คิดว่าพี่จะสนหรือไง อย่าลืมนะ...ว่ากิ่งคือเมียพี่” น้ำเสียงเยือกเย็นอันน่าขนลุก สายตาของเขาเหมือนมีดที่กำลังจ่ออยู่ที่ลำคอขาว “หนีสิกิ่ง วิ่งหนีเหมือนกับตอนนั้น”

“ฉันเป็นคู่หมั้นของหลานคุณนะ!! คุณควรให้เกียรติฉันบ้าง อย่างน้อย ๆ ก็เห็นแก่หน้าของหลานคุณบ้าง” เธอถอยจนมุมแผ่นหลังปะทะเข้ากับผนังห้องสีขาว

“คิดว่าพี่จะสนหรือไง ไอ้วินมันมาทีหลัง กิ่งเป็นของพี่” เขาสาวเท้าหยุดยืนที่ด้านหน้าของเธอ

“ฉันไม่ใช่สิ่งของที่จะจับเอาไปวางที่ไหนก็ได้”

“คุณหญิงวิณี ท่านรักหน้าตาทางสังคมมากหรือเปล่า ถ้าภาพนี้หลุดออกไปจะเป็นยังไงนะ” มาธัสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโชว์ภาพถ่ายให้กิ่งฟ้าได้มองเห็น “จำได้ไหม พี่ถ่ายเอาไว้วันนั้น”

“คนเลว ไอ้เลว!! ลบออกเลยนะ!!” เธอตรงปรี่เข้ามาแย่งโทรศัพท์จากมือของเขา แต่ด้วยความสูงที่มีไม่มากพอต่อให้เธอเขย่งปลายเท้าแค่ไหนก็คว้าได้แต่ลม

“ใจเย็น ๆ ภาพนี้พี่เก็บเอาไว้ดูคนเดียวเลยนะ พี่ไม่เคยให้ใครได้ดู กิ่งเป็นคนที่สองนะที่ได้ดู” เขาเหยียดยิ้มเหมือนผู้ที่ถือครองชัยชนะ

“ลบเลยนะ คุณมันชั่วทำกับฉันแบบนี้แล้วคิดว่าฉันจะยอมคุณหรือไง ฉันไม่ใช่กิ่งฟ้าคนเดิมเข้าใจไหม” เธอพูดเสียงดังย้ำให้เขาได้รู้ว่าเธอนั้นเป็นกิ่งฟ้าคนใหม่แล้ว

“พี่รู้ว่าเธอเป็นคนเดิมไม่ได้แล้ว พี่เองก็ไม่ใช่คนเดิมคนนั้นแล้ว แน่ใจเหรอว่าไม่สนใจ หน้าตาของคุณหญิงวิณีบางเกินกว่าจะรับเรื่องแบบนี้ของลูกสาวได้หรือเปล่านะ”

“......” หญิงสาวนิ่งไปชั่วขณะ เธอรู้ว่ามารดารักษาชื่อเสียงของตนเองมากเพียงใด แค่เรื่องที่เธอขอย้ายไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก็บ่นจนหูชา ทั้งยังย้ำนักย้ำหนาว่าให้เธอทำตัวสงบเสงี่ยมอย่าได้มีข่าวที่เสียหาย

มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่วิณีสนใจคือภาพพจน์หน้าตาทางสังคม เพราะแม่ใส่ใจมากถึงความเพียบพร้อมและความสมบูรณ์แบบ ในตอนนี้ความสมบูรณ์แบบของแม่ก็คือพี่สาวของเธอนั่นเอง

“ถ้ากิ่งไม่ถอนหมั้น พี่จะทำให้งานหมั้นยกเลิกเอง” มาธัสเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง เขาเดินมานั่งที่โซฟาอย่างสงบนิ่ง สายตาจ้องมองไปทางกิ่งฟ้าที่กำลังยืนไม่ยอมขยับเพราะกำลังใช้ความคิดในการตัดสินใจ

“ทำไมกันคะ? เหตุผลที่ไม่อยากให้ฉันหมั้นคืออะไรกันแน่”

“เธอคือเมียพี่” คำตอบที่ดูปกติไม่ได้มีอะไรผิดไปจากสีหน้าที่นิ่งเรียบ ยิ่งทำให้กิ่งฟ้าไม่เข้าใจถึงคำตอบที่เขามีให้กับเธอ เมีย...เขาสามารถใช้คำนี้กับเธอได้ด้วยเหรอ หากบอกว่ามันคือความผิดพลาดคงดีเสียกว่า

“ถ้าฉันเป็นเมียคุณ ก็คงต้องเป็นเมียคนอื่นด้วยสิ” หญิงสาวยกยิ้มมุมปากอีกครั้ง เธอเดินตรงไปที่ประตูห้องอย่างรวดเร็ว พอเปิดประตูออกไปได้ก็พบเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่สองคนที่ยืนอยู่ด้านนอก

สายตาของชายทั้งสองหันมองไปทางมาธัสทั้งยังเอาตัวมาขวางประตูไว้ไม่ให้เธอเดินออกไปด้านนอกได้ ก่อนที่จะได้รับคำอนุญาตจากเจ้านายเขาทั้งสองถึงได้ปล่อยให้กิ่งฟ้าเดินออกจากห้องไป

“พี่จะปล่อยเธอไปแค่วันนี้” เขายกยิ้มมุมปากพูดกับตัวเอง

“จะให้ผมตามหรือเปล่าครับ”

“ไม่ต้อง” เขาเอ่ยแล้วเดินเข้าไปด้านในเพื่อดูการจัดนิทรรศการภาพวาดอีกครั้ง

การมางานในครั้งนี้มาธัสถูกรับเชิญมาเพื่อเข้าร่วมงานประมูลภาพวาดเพื่อการกุศล ในครั้งแรกเขาไม่อยากมาด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้มาเหมือนมีอะไรดลใจให้ได้มาเจอกับกิ่งฟ้าที่งาน

สายตาคมไล่มองหาหญิงสาวแต่เขากลับเจอเพียงความว่างเปล่า ในวันนี้เขามีงานอื่นที่ต้องจัดการจึงทำได้เพียงมอบเงินบริจาคแล้วเดินทางกลับบริษัทเพียงเท่านั้น

บริษัทมาธัส

“บอสคะ คุณมาวินมาค่ะ” เสียงเคาะประตูแล้วถูกเปิดเข้ามาด้านในทำให้ผู้บริหารอย่างมาธัสวางปากกาในมือลงแล้วจ้องมองไปที่ประตูบานใหญ่

“สวัสดีครับ” มาวินเดินเข้ามานั่งที่โซฟา

“มาทำอะไรที่นี่” เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่จ้องมองไปทางหลานชายที่ร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็น ความแปลกใจถูกแสดงออกมาทางสายตา

“ผมแค่แวะมาทักทาย ไม่มีอะไรทำเบื่อ ๆ” เขาพูดเหมือนตัวเองไม่มีการมีงานทำ ทั้งที่บริษัทพ่อของมาวินนั้นยุ่งมากเสียจนไม่มีเวลาพักหายใจด้วยซ้ำ

“อยากมาฝึกงานที่นี่หรือไง”

“ไม่เอาด้วยหรอก ใครจะสู้พี่ได้ล่ะ แค่นี้พ่อก็เอาผมมาเปรียบเทียบกับพี่จนแทบอยากมาเปลี่ยนตัวกับพี่ให้ไปเป็นลูกของพ่อแล้ว” มาวินถอนหายใจสิ่งที่พูดมานั้นเป็นความจริง ที่บิดาเอ่ยชมมาธัสทุกครั้งจนเป็นนิสัย แต่เขากลับไม่ใส่ใจเพราะรู้ว่าพ่อพูดแบบนี้ก็หวังให้เขาปรับปรุงตัวเองให้เก่งมากยิ่งขึ้น

“คุณอาก็พูดไปอย่างนั้นแหละ มาวันนี้ไม่ใช่ว่าแค่มาเยี่ยมหรอกใช่ไหม” เขาเดินมานั่งที่โซฟากับหลานชาย

“พอดีผมนัดคนที่คุยอยู่มาบอกเลิกนะครับ” สีหน้าของมาวินแสดงออกมาถึงความเสียดายอยู่ไม่น้อย

“ไม่อยากหมั้นทำไมไม่ปฏิเสธไปล่ะ”

“พี่ก็น่าจะรู้ว่าผมทำแบบนั้นไม่ได้ พ่อประกาศออกไปขนาดนั้นแล้วจะให้ผมทำพ่อเสียหน้าคงทำไม่ได้”

“ปกติแล้วมึงไม่ใช่คนคิดมากขนาดนี้” นิสัยของหลานชายเขานั้นรู้ดีกว่าใคร มาวินเป็นคนดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็ก ๆ นิสัยก็ไม่ต่างจากเขามากนัก

“ไม่ให้คิดมากยังไง พอผมมองหน้าคู่หมั้นแล้วก็อดสงสารเธอไม่ได้นะครับ ยิ่งวันนั้นผมได้พูดคุยกับเธอแล้ว เราตกลงกันแล้วครับว่าจะคบหากันแบบจริงจัง ตอนนี้ผมกำลังคลีนตัวเองอยู่”

“แล้วเธอล่ะ”

“หมายถึงว่าเธอมีใครหรือเปล่าน่ะหรือครับ” เขาจ้องมองคนที่มีฐานะเป็นลุงแต่กลับเรียกพี่มาตั้งแต่เล็กจนโตด้วยที่อายุไม่ห่างกันมาก “ผมไม่แน่ใจครับ แต่ผมคิดว่าเธอคงเป็นผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่งเลยครับ”

“อย่ามองคนแค่ภายนอก หากมึงไม่อยากหมั้นเดี๋ยวกูช่วยเอง” เขาออกตัวช่วยเหลือหลานชาย

“ไม่เป็นไรครับ ผมตัดสินใจแล้วอีกอย่างเธอก็สวยมากด้วย ผมชอบเธอนะครับผู้หญิงแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้ง่าย ๆ นะครับ รูปร่างหน้าตาฐานะการศึกษา ผมว่าผมโอเคมากเลย” เขายิ้มกว้าง

“ดูกันไปก่อนไม่ดีกว่าเหรอ งานหมั้นก็เลื่อนออกไปก่อน จะหาใครสักคนมาแต่งงานด้วยไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ อายุก็ยังไม่มากจะรีบไปทำไม”

“ก็จริงอย่างที่พี่ว่า แต่หมั้นเอาไว้ก่อนก็ดีนะครับ ผมจะได้เป็นเจ้าของเธอคนเดียวไง” มาวินยิ้ม “พี่สาวของเธอก็สวยมากนะครับ เหมาะกับพี่มากด้วยไม่ลองหน่อยเหรอครับ”

“คุณลิตามีคู่หมั้นแล้ว” มาธัสเอ่ยขึ้นทำให้มาวินยิ้มเจื่อน “ทำไม สนใจพี่สาวมากกว่าหรือไง มึงชอบคนที่แก่กว่าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“พี่พูดบ้าอะไร ใครเขาจะไปชอบคนที่มีเจ้าของแล้ว ถามว่าชอบไหมก็ชอบแหละ แต่คนน้องก็ไม่เลว” สายตาแพรวพราวของเขาทำให้คนเป็นลุงไม่ชอบใจเลยสักนิด

“หมั้นได้ก็ยกเลิกได้” เขาหยิบแก้วกาแฟที่เลขานำมาให้เมื่อครู่ขึ้นดื่ม มองดูหลานชายด้วยสายตานิ่งเงียบ “ทำไมต้องเอาชีวิตอิสระของมึง มาหยุดแค่คนคนเดียวด้วย ใช้ให้มันคุ้มอีกหน่อยไม่ดีหรือไง”

“ผมก็คิดเหมือนที่พี่บอก แต่ว่า...เธอสวยมากผมอยากลองคบแบบจริงจังสักครั้ง ยังไงก็คือแม่ของลูกนะครับ” มาวินยังคงไม่ล้มเลิกความคิดของตัวเอง

สเปคผู้หญิงของเขานั้นมาธัสรู้ดี กิ่งฟ้าไม่ได้อยู่ในสเปคของมาวินแม้แต่น้อย เขาชอบคนที่อายุมากกว่าไม่งั้นคงไม่พูดถึงพี่สาวของกิ่งฟ้า

“กูให้มึงเลือกว่าอยากได้ใคร พี่สาวหรือน้องสาว” คำถามที่ยิงตรงประตูทำให้คนที่ถูกถามจ้องมองมาอย่างจริงจัง “เลือกสิเดี๋ยวกูจัดการให้เอง”

“น้องสาวครับ พี่สาวมีแฟนแล้วผมไม่อยากมีปัญหา” ในตอนแรกสายตาของเขามองไปที่ลิตาก็ใช่ แต่เมื่อเขาถูกเลือกให้หมั้นกับกิ่งฟ้าแล้วสายตาของเขาจึงหันเหมาทางคนเป็นน้อง

“......” ชายหนุ่มนั่งนิ่ง แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้มาธัสกำลังเก็บอาการไม่พอใจ จะให้ระเบิดออกไปกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างมาวินก็น่าสงสารเกินไป

“พี่สนใจคู่หมั้นผมเหรอ? ถ้าสนใจผมบอกพ่อให้ก็ได้นะครับ ที่จริงผมได้ยินมาด้วยว่าเธอเคยเรียนที่มอเดียวกันกับพี่"

“เหรอ” เขาทำเหมือนทุกอย่างพึ่งรู้จากมาวิน ตีหน้านิ่งนั่งฟังสิ่งที่หลานชายกำลังเล่า

“น่าจะเป็นรุ่นน้องพี่สี่ปีหรือเปล่านะ” มาวินนิ่งคิด อายุของกิ่งฟ้าตอนนี้เพียง 23 ปี เขาอายุ 27 ปี ส่วนมาธัสนั้นอายุ 29 ปี

ที่มาธัสอายุห่างแบบนี้เป็นเพราะเขานั้นได้ทำเรื่องพักการเรียนด้วยเรื่องของอุบัติเหตุทางรถยนต์ไปถึงสามปีกว่าจะกลับมาเรียนได้อายุก็มากกว่าเพื่อนร่วมรุ่นแล้ว

“นี่มึงสืบทุกอย่างเลยเหรอ แล้วรู้อะไรอีกไหม” เขานั่งลุ้นว่าจะเจอเรื่องของตนเองและกิ่งฟ้าเคยคบหากันหรือไม่ แต่จะเรียกว่าคบหาก็คงไม่ได้เป็นเขาเองที่ตามจีบ

จีบจนเธอใจอ่อนยอมหลับนอนด้วยกัน มาคิดย้อนตอนนี้รู้สึกเสียใจอยู่มากแต่กลับทำอะไรไม่ได้เมื่อกิ่งฟ้าเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

“ผมเปล่าสืบ พ่อกับแม่เป็นคนเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟัง ผมไม่สืบหรอกเรื่องในอดีตผมไม่สนใจหรอก ปัจจุบันสำคัญมากกว่า”

“จะเล่นบทพ่อพระหรือไง ไม่เห็นเหมาะกับหนังหน้ามึงเลย” เขาพูดสวนขึ้นทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะจากมาวิน “???”

“พี่ก็พูดซะผมเป็นคนไม่ดี ถ้าผมไม่ดีพี่ก็ยิ่งไม่มีข้อดีเลย ทุกอย่างผมเอามาจากพี่ทั้งหมดเลยนะ ตอนนี้ผมกำลังคลีนตัวเองอยู่แต่คนสุดท้ายนี่สิทำไงดี”

“คนสุดท้าย” มาธัสย้ำถาม เขากำลังดีอกดีใจในเรื่องอะไรถึงได้กำลังยิ้มออกมา “ตอบสิ มีอะไรเดี๋ยวกูช่วยเอง”

“ผมว่า...ผมมีใจให้เธอนิด ๆ”

“สอยกันแล้ว?” เขาเลิกคิ้วถาม ถ้าไม่มีอะไรลึกซึ้งมาวินคงไม่มีสีหน้าแบบนี้

“เปล่า คนนี้คนคุยจริง ๆ นะครับ คุยแบบไม่เคยเห็นหน้าเลย แต่ผมรู้สึกว่าเธอน่าค้นหาครับอยากเจอเธอสักครั้ง”

“มึงอายุสิบสี่หรือไงถึงได้มามีอารมณ์เพ้อเจ้อ คุยกันแบบไม่เห็นหน้าบ้าบอ” เหมือนความหวังของเขาจะหายไปในชั่วพริบตา

“พี่ไม่เข้าใจหรอกครับ ความรู้สึกดี ๆ คนเรามันสัมผัสกันได้นะครับ ต่อให้ไม่เห็นหน้าก็ยังมีคำพูดดี ๆ เขาคอยให้กำลังใจผมอีกอย่างนะ...ผมรู้สึกสบายใจที่ได้คุยกับเขาครับ”

“รักใส ๆ คนอย่างมึงไม่เห็นจะเหมาะ นัดเจอสิจะได้รู้จักกันอะไรที่อยากทำก็ทำก่อนที่มันจะสาย” เขาก็พูดไปเรื่อยไม่ได้จริงจังแต่อีกคนกลับยิ้มกว้าง

“พี่พูดถึงให้ผมต้องนัดเจอเธอ”

“อืม” เขาก็เออออไปเรื่อย เห็นสีหน้าที่ดีใจของมาวินก็ดีใจอยู่หรอก แต่มันเหมือนฝันลม ๆ แล้ง ๆ มากกว่า จะมีใครพลิกชะตาการหมั้นหมายครั้งนี้ได้

มาธัสสามารถทำได้แต่เขาไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเอี่ยวกับเรื่องนี้ หากจะถอนหมั้นก็อยากให้สองครอบครัวจัดการกันเอง แต่พอเห็นสถานการณ์แล้วมันไม่มีหนทางเลยสักนิด

ที่คุยกับกิ่งฟ้าไปคงไร้ประโยชน์ เขารู้ว่าเธอไม่ยินยอมที่จะหมั้นหมายกับมาวินหรอก แต่เป็นเพราะคำสั่งของพ่อกับแม่

เธอไม่มีทางที่จะฝืนเป็นเด็กไม่ดีของครอบครัวได้ จากที่ได้รู้คุณหญิงวิณีเลี้ยงลูกมาอย่างดี ทั้งยังตีคอกให้อยู่อย่างสงบเสงี่ยมทำให้เชื่องเหมือนกับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง และขายออกไปในเวลาที่เหมาะสม

กิ่งฟ้าก็คงเป็นเช่นนั้นหรือเปล่านะ หรือจะมองว่ามันเป็นความหวังดีของพ่อแม่ที่หาคู่ครองที่เหมาะสมให้กับลูกสาวทั้งสองคน

“พี่ว่าผมต้องพูดยังไงกับเธอ ถึงจะออกมาเจอกับผม” เสียงของมาวินดังขึ้นทำให้มาธัสที่กำลังนั่งคิดเรื่องของกิ่งฟ้าอยู่ดึงสติคืนกลับมา

“ทำให้เธอเชื่อใจก่อน ถ้าเชื่อใจแล้วก็ลองหว่านล้อมดู บอกว่ามึงอยากเจออ้อนไว้เยอะ ๆ เชื่อเถอะว่าเธอต้องหวั่นไหวแล้วสุดท้ายเธอจะกลายมาเป็นของมึงแน่นอน” พูดแล้วก็มองเห็นตัวเองในตอนนั้น

อะไรที่ไม่เคยทำก็ทำจนหมด กิ่งฟ้าเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาทุ่มเทแรงกายและเวลาทุกอย่างเพื่อจะได้ครอบครองเธอ ถามว่ามันคุ้มค่าไหม ไม่ต้องพูดถึงมันคุ้มค่ายิ่งกว่าคุ้มได้มองเห็นใบหน้าที่ไม่เคยมีใครได้เห็นนั้นแล้ว หัวใจของเขาก็เต้นแรงทุกครั้ง

“พี่” เสียงเรียกของมาวินดังขึ้น “เป็นอะไรยิ้มอยู่คนเดียวพี่มีแฟนแล้วเหรอ”

“อืม” เขาครางในลำคอ “ทำไมกูมีไม่ได้หรือไง” เขาถามกลับเมื่อมองเห็นสีหน้าของหลานชายที่เอาแต่จ้อง

“ก็ไม่เคยเห็นพี่จะมีกับเขาสักคน มีแต่ควง ๆ แบบไม่จริงจัง ว่าแต่...สวยไหมแนะนำให้ผมรู้จักหน่อยสิ” สีหน้าของมาวินเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“อย่าตกใจแล้วกัน เพราะต้องเรียกว่าเมียถึงจะถูกไม่ใช่แฟน” เขาพูดเต็มปากว่าผู้หญิงที่อยู่ในความคิดนั้นคือภรรยา

“ตกใจสิ ตอนนี้ยังตกใจไม่หายเลย ไม่คิดว่าพี่จะมีแฟน แล้ววันนี้เข้าไปคลับไหมผมเบื่อ ๆ ไปดื่มกันหน่อยดีไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชวน

“ได้ ขอกูเคลียร์งานก่อนสามสิบนาที” เขาตอบตกลงทันทีแล้วเดินมานั่งประจำโต๊ะทำงานของตนเอง

“ว่าแต่พี่ไม่เรียกให้แฟนมาดื่มด้วยเหรอ จะได้แนะนำให้ผมรู้จักด้วยไง”

“เธอไปต่างประเทศ อีกหลายเดือนกว่าจะกลับ รอให้กลับมาก่อนแล้วกัน” มาธัสเอ่ยคำโกหกหน้าตาเฉย แต่คนที่อยากเจอก็ยังคงนั่งจ้องหน้าเขาจากโซฟา

“รูปล่ะ พี่ต้องมีรูปสิ ผมขอดูหน้าหน่อยนะ ได้ใช่ไหม” มาวินยังคงตื๊อไม่เลิกอยากเห็นป้าสะใภ้ของตนเองเสียจนอดทนไม่ไหวต้องเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะทำงาน

“อะไรของมึง ดีใจออกนอกหน้า เมียกู กูไม่ให้ใครดูหรอก เอาไว้ค่อยเจอตัวจริงกลับไปนั่งที่กูจะทำงาน ถ้ามึงยังไม่เลิกถามกูจะเลิกงานสองทุ่ม”

“ก็ได้ๆ แค่ขอดูรูปหน่อยก็ไม่ได้ เป็นความลับมากหรือไง” เขาบ่นเล็กน้อยแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม

“ตอนนี้ยังเป็นความลับ” เขาพูดเสียงเบา ทำได้เพียงอมยิ้มคิดถึงใบหน้าของหญิงสาวที่ได้กล่าวถึง

ความลับที่ไม่รู้ว่าจะเก็บเอาไว้ได้ลับมากแค่ไหน หากไม่มีเรื่องหมั้นหมายป่านนี้เขาคงพาเธอเดินเข้าไปไหว้พ่อกับแม่ที่บ้านแล้ว พอคิดก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาหากคนตรงหน้าไม่ใช่หลานเขาคงได้ทำตามใจไปนานแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel